ผมเป็นนักเรียนในโรงเรียนที่ตั้งอยู่ในจังหวัดเล็กๆ โรงเรียนของผมมีนักเรียนแค่ 400 กว่าคน
ผมอิจฉาเด็กกรุงเทพที่มีโอกาส มีแต่ทรัพยากร มีสถาบันติว มีสนามเล่นกีฬาดีๆ อยู่ใกล้ๆศูนย์การค้า แทบไม่ต้องดิ้นรนอะไรเลย
โรงเรียนของผมมีแต่ทุ่งนา ครูก็ไม่มีคุณภาพ สอนบ้างไม่สอนบ้าง สนามกีฬาที่เล่นได้มีแค่ฟุตบอล วอลเล่ย์ เปตองแค่นั้น สนามบาสไม่มี ( ผมเสียดายมากเพราะผมชอบเล่นบาส ) ชื่อเสียงของโรงเรียนก็ไม่มี ไม่มีอะไรสักอย่าง อยากทำงานอะไรก็ต้องขับรถไปหน้าอำเภอ แถวบ้านนี้ไม่มีร้านคอมพิวเตอร์เลย ต้องทนขับรถเกือบสิบกิโลเพื่อไปทำงาน หรือปริ้นงาน
ตกเย็นก็ไม่มีโอกาสได้เดินเที่ยวกับเพื่อนตามห้าง ไปเล่นกีฬา ไปหาอะไรสนุกๆทำ บ้านนอกแบบผม ไม่มีอะไรแบบนั้นเลย ตกเย็นก็แยกย้าย นานๆจะพากันไปเดินตลาดนัด ตอนกลางคืนก็ค่อนข้างน่ากลัว
สังคมบ้านนอกก็ไม่ดีอะไร สังคมโรงเรียนก็แย่ ใช้ชีวิตไปวันๆ แตกต่างจากกรุงเทพที่มีพร้อมให้ทุกอย่างแล้ว ทั้งสถาบันติว ศูนย์การค้า โรงเรียน ความปลอดภัย มีฟุตบาทดีๆให้เดิน ไม่ต้องเดินไหล่ทาง มีทรัพยากรให้พร้อมทีจะหยิบฉวยได้
อิจฉาเด็กกรุงเทพที่เข้าห้าง เดินศูนย์การค้า กินอาหารในห้องแอร์เย็นๆ ในอำเภอของผมไม่มีห้างอะไรเลย มีแค่เซเว่น ถ้าอยากไปเดินก็ต้องไปถึงจังหวัดใกล้เคียง หรือเข้าไปในตัวเมืองเลย
ผมก็ได้แต่ทนกินส้มตำหน้าโรงเรียน ถ้าอยากกินไอศครีมคาเฟ่ก็ต้องเดินทางไปถึงอำเภอเมือง หรือจังหวัดใกล้เคียง เพราะแถวโรงเรียนผมแทบไม่มีอะไรเลย มีแค่ร้านน้ำปั่น ร้านส้มตำหน้าโรงเรียน ร้านอาหารตามสั่งที่เจ๊งไปแล้ว นอกนั้นก็เป็นทุ่งนา บ้านคน
ไม่มีขนส่งสาธารณะ ต้องขี่รถไปที่โรงเรียน บางครั้งรถเสียก็ต้องเดินไป ปั่นจักรยานไปบ้าง ร้านซ่อมรถก็ไม่ค่อยมี
บางทีผมก็อยากใช้ชีวิตแบบในฝัน ตื่นเช้ามาก็ขึ้นรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนเพื่อไปโรงเรียน ตกเย็นก็เดินสยาม เที่ยวห้าง อยากใช้ชีวิตดีๆแบบคนอื่นเขาบ้าง
เคยขอพ่อแม่ให้ส่งไปเรียนที่กรุงเทพ เบื่อสังคมแบบนี้ แต่ก็พ่อแม่ก็ไม่อยากให้ไปต้องทนกับสังคมที่แทบไม่มีอะไรสนับสนุนแบบนี้
ผมอิจฉาชีวิตนักเรียนในกรุงเทพมหานคร
ผมอิจฉาเด็กกรุงเทพที่มีโอกาส มีแต่ทรัพยากร มีสถาบันติว มีสนามเล่นกีฬาดีๆ อยู่ใกล้ๆศูนย์การค้า แทบไม่ต้องดิ้นรนอะไรเลย
โรงเรียนของผมมีแต่ทุ่งนา ครูก็ไม่มีคุณภาพ สอนบ้างไม่สอนบ้าง สนามกีฬาที่เล่นได้มีแค่ฟุตบอล วอลเล่ย์ เปตองแค่นั้น สนามบาสไม่มี ( ผมเสียดายมากเพราะผมชอบเล่นบาส ) ชื่อเสียงของโรงเรียนก็ไม่มี ไม่มีอะไรสักอย่าง อยากทำงานอะไรก็ต้องขับรถไปหน้าอำเภอ แถวบ้านนี้ไม่มีร้านคอมพิวเตอร์เลย ต้องทนขับรถเกือบสิบกิโลเพื่อไปทำงาน หรือปริ้นงาน
ตกเย็นก็ไม่มีโอกาสได้เดินเที่ยวกับเพื่อนตามห้าง ไปเล่นกีฬา ไปหาอะไรสนุกๆทำ บ้านนอกแบบผม ไม่มีอะไรแบบนั้นเลย ตกเย็นก็แยกย้าย นานๆจะพากันไปเดินตลาดนัด ตอนกลางคืนก็ค่อนข้างน่ากลัว
สังคมบ้านนอกก็ไม่ดีอะไร สังคมโรงเรียนก็แย่ ใช้ชีวิตไปวันๆ แตกต่างจากกรุงเทพที่มีพร้อมให้ทุกอย่างแล้ว ทั้งสถาบันติว ศูนย์การค้า โรงเรียน ความปลอดภัย มีฟุตบาทดีๆให้เดิน ไม่ต้องเดินไหล่ทาง มีทรัพยากรให้พร้อมทีจะหยิบฉวยได้
อิจฉาเด็กกรุงเทพที่เข้าห้าง เดินศูนย์การค้า กินอาหารในห้องแอร์เย็นๆ ในอำเภอของผมไม่มีห้างอะไรเลย มีแค่เซเว่น ถ้าอยากไปเดินก็ต้องไปถึงจังหวัดใกล้เคียง หรือเข้าไปในตัวเมืองเลย
ผมก็ได้แต่ทนกินส้มตำหน้าโรงเรียน ถ้าอยากกินไอศครีมคาเฟ่ก็ต้องเดินทางไปถึงอำเภอเมือง หรือจังหวัดใกล้เคียง เพราะแถวโรงเรียนผมแทบไม่มีอะไรเลย มีแค่ร้านน้ำปั่น ร้านส้มตำหน้าโรงเรียน ร้านอาหารตามสั่งที่เจ๊งไปแล้ว นอกนั้นก็เป็นทุ่งนา บ้านคน
ไม่มีขนส่งสาธารณะ ต้องขี่รถไปที่โรงเรียน บางครั้งรถเสียก็ต้องเดินไป ปั่นจักรยานไปบ้าง ร้านซ่อมรถก็ไม่ค่อยมี
บางทีผมก็อยากใช้ชีวิตแบบในฝัน ตื่นเช้ามาก็ขึ้นรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนเพื่อไปโรงเรียน ตกเย็นก็เดินสยาม เที่ยวห้าง อยากใช้ชีวิตดีๆแบบคนอื่นเขาบ้าง
เคยขอพ่อแม่ให้ส่งไปเรียนที่กรุงเทพ เบื่อสังคมแบบนี้ แต่ก็พ่อแม่ก็ไม่อยากให้ไปต้องทนกับสังคมที่แทบไม่มีอะไรสนับสนุนแบบนี้