เดี๋ยวจะพิมพ์อะไรให้อ่านเล่นๆเพื่ออรรถรสในการชมละคร ให้คิดซะว่ามันคือนิทานเป็นเรื่องเล่าจากอินเตอร์เน็ทละกัน
อย่ามาถามเอาความถูกต้องหรือเอาข้อมูลยืนยันอะไรจากผมนะครับ ผมแค่อ่านมาจากทุกที่แล้วเอามาเล่าแค่นั้นเอง ไม่ชอบสามารถผ่านได้ - -
ผมแท็กละครพรหมลิขิตอันเดียวเพราะไม่ต้องการถกข้อมูลกับท่านผู้รู้ กระทู้นี้เป็นไปเพื่ออรรถรสในการรับชมละครพรหมลิขิตเท่านั้น
ผมตั้งเป็นกระทู้คำถามเพื่อให้ทุกคนสามารถคอมเมนต์ได้
หากขัดใจท่านใดในห้องนี้ต้องขออภัย คุณอาจจะต้องเจอกระทู้หรือคอมเมนต์ที่เพ้อพรรณาของผมจนกว่าละครเรื่องนี้จะจบครับ - -
คิดว่าจะเขียนกระทู้เกี่ยวกับความรักพรหมลิขิตอยู่ แบบรักล้วนๆหวานฉ่ำไปเลย แต่คิดว่ายังไม่ถึงเวลา อาจต้องรอละครจบก่อน - -
คนเราเกิดตายมานับชาติไม่ถ้วยจนเคยเวียนมาเกิดเป็นพ่อแม่ลูกเกิดเป็นเป็นสามีภรรยากันมาหมดแล้ว แต่จำชาติก่อนๆของตัวเองไม่ได้ ท่านว่าเป็นเพราะอวิชชา(กิเลส)ปิดไว้ไม่ให้จำได้ ถ้าคนจำได้ก็จะเบื่อหน่ายในการเวียนว่ายตายเกิดแล้วจะแสวงหาทางหลุดพ้น
คนระลึกชาติได้เอง ส่วนมากก็ระลึกได้แค่ไม่กี่ชาติ
ปุถุชนคนมีญาณมองเห็นอตีตชาติได้40กัปป์หรือประมาณ40ชาติ ตามข้อมูลจากพระไตรปิฎกตาชีปะขาวในละครจะรู้อนาคต40ชาติรู้อดีต40ชาติ
พระอรหันต์ ระลึกชาติได้ต่ำกว่า1อสงขัยกับ1แสนกัปป์ลงมา
พระอรหันต์ที่เป็นพระอัครสาวกพระมาหาสาวก เช่นพระโมคคัลลานะพระสารีบุตรและพระอรหันต์สาวก80รูป ระลึกชาติได้1อสงไขยกับ1แสนกัปป์
พระปัจเจกพุทธเจ้า ระลึกชาติได้2อสงไขยกับ1แสนกัปป์
พระนางพิมพาพระราหุลหลังบรรลุธรรมแล้ว ระลึกชาติได้4อสงไขยกับ1แสนกัปป์
พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ระลึกชาติได้มากกว่า4อสงไขยกับ1แสนกัปป์
ระลึกชาติได้เท่าไรขึ้นอยู่กับจำนวนชาติที่บำเพ็ญมา
1กัปป์คือ1ชั่วอายุคน 1แสนกัปป์ก็1แสนชาติ
อสงไขยแปลว่านับไม่ได้ เป็นคำอุปมา แต่มีคนไปคำนวนแล้วว่า1อสงไขยให้เขียนเลข1แล้วเขียนเลข0ตามหลัง140ตัว
ตอนนี้โลกมีอายุ4600ล้านปี คือประมาณ46+0อีก9ตัว
ดวงอาทิตย์ในจักรวาลของเรามีอายุราวๆ5000ล้านปี คือประมาณ50+0อีก9ตัว
ข้อมูลเก่าจักรวาลหรือเอกภพที่สังเกตได้ มีอายุประมาณ13800ล้านปี หรือประมาณ13+0อีก10ตัว และยังขยายตัวไปเรื่อยๆ
ข้อมูลใหม่จักรวาลหรือเอกภพที่สังเกตได้ มีอายุประมาณ26700ล้านปี หรือประมาณ26+0อีก10ตัว และยังขยายตัวไปเรื่อยๆ
จักรวาลหรือเอกภพที่สังเกตไม่ได้ ไม่มีข้อมูล - -
เอกภพสามารถมีอายุได้เป็นล้านๆปีคือ1+0อีก12ตัวและบวกอีกเท่าไรไม่รู้
1อสงไขยคือ1+0อีก140ตัว ต้องเกิดบิกแบงประมาณ10ครั้งถึงจะเท่ากับ1อสงไขย
แต่ในที่นี้คือการนับชาติภพไม่ใช่นับเวลา
1ชาติคือ1กัปป์
1กัปป์ไม่ใช่1ปี10ปี100ปี แต่1กัปป์คือการเกิดแล้วตาย1ครั้ง
1แสนกัปป์ไม่ใช่1แสนปี
1อสงไขยไม่ใช่เวลาปีแสงของเอกภพ
อสงไขยในที่นี้เป็นการนับจำนวนครั้ง ไม่ใช่นับเวลาเดินทางของแสง
ชาติภพมากมายบางทีก็ไปเกิดเป็นมดเป็นแมลงไม่กี่วันก็ตาย เวลา100ปีอาจจะนับได้หลายสิบชาติคือหลายสิบกัปป์
-สัตว์นรกเกิดมาในนรกแล้วโดนทรมานจนตายแล้วเกิดซ้ำไปซ้ำมาอยู่แบบนั้น ตกกระทะทองแดงแปบเดียวก็ตาย เกิดตาย500ชาติในนรกอาจจะเท่ากับแค่ไม่กี่วันบนโลกมนุษย์
-ให้คุณนึกถึงการทอดปลาเป็นๆ แค่ไม่กี่วิปลาก็ตาย แล้วปลาก็เกิดใหม่ก็เอามาทอดอีก วันเดียวอาจจะทอดปลาได้500ครั้งก็ได้
-และหรือการโดนทรมาณในนรกจะไม่ตายง่ายๆ ตายง่ายตายช้าในนรกขึ้นอยู่กับบาปกรรม บาปหนักก็ตายยากจะทรมาณอยู่แบบนั้นไม่ยอมตายซักที เรื่องนี้ระบุไม่ได้ว่าเป็นเวลานานแค่ไหน มีแต่บอกว่า500ชาติ มันอาจจะเร็วแค่แปบเดียวหรืออาจจะนานสุดๆก็ได้
-ยกตัวอย่างเช่นปลาทอดแบบจีนที่เรียกว่าปลาหยินหยาง เมนนูนี้เป็นการเอาปลาเป็นๆสดๆยังไม่ตายมาราดน้ำมันทอดให้สุกแต่ตัว ส่วนหัวยังไม่ตายอ้าปากพะงาบๆให้คนกินดูไปด้วย - -
1กัปป์คือ1ชาติภพเป็นเวลาที่ไม่แน่นอนตายตัว แล้วแต่ว่าจะไปเกิดเป็นอะไร
เวลาในสภาวะรับรู้ของเราที่เป็นสิ่งมีชีวิตในมิติที่3 กับเวลาในสภาวะรับรู้ของสิ่งมีชีวิตในมิติที่4 ไม่เท่ากันครับ
แม้เวลาในสภาวะรับรู้ของแต่ละห้วงมิติก็ยังไม่เท่ากัน
ยกตัวอย่างง่ายๆ
-ยุงตัวผู้มีชีวิต7วัน นั่นคือเวลาทั้งชีวิตของยุงตัวผู้ แล้วยุงตัวนั้นก็อยู่ได้7วันถึงได้ตาย ยุงตัวนั้นไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองมีอายุสั้น ยุงตัวนั้นกลับรู้สึกว่าตัวเองช่างมีอายุยืนยาวได้บินวี๊ๆตั้ง7วันไม่โดนคนตบแล้วอยู่ได้ถึงหมดอายุขัยของยุง เป็นความสุขของยุง เป็นเวลาของยุง เป็นสถาวะรับรู้ของยุง
ส่วนมนุษย์กลับมองว่า เวลาแค่7วันช่างสั้นยิ่งนัก มนุษย์คิดว่าเวลาของชีวิตคนเราอย่างน้อยก็ควรจะอยู่ได้ถึงอายุ80ปีสิ
สิ่งนี้เรียกว่าสภาวะรับรู้กาลเวลาไม่เท่ากัน คนกับยุงมีสภาวะรับรู้กาลเวลาไม่เท่ากันครับ
ผมจะยกตัวอย่างอีกหนึ่งอย่าง
-เทวดาองค์หนึ่งกำลังเพลิดเพลินกับการชมสวนสวรรค์กับเหล่าเทวดาด้วยกัน อยู่ๆได้หมดบุญลงชั่วขณะ ดวงจิตของเทวดานั้นก็ได้ตกจากสวรรค์มาเกิดเป็นมนุษย์ อดีตเทวดานั้นใช้ชีวิตอยู่ในมนุษย์โลกหลายสิบปีทำทั้งบุญทำทั้งบาปแต่ทำบุญเยอะกว่า พอตายก็ได้กลับไปเกิดเป็นเทวดาอีกครั้ง พอไปเกิดเป็นเทวดาก็ไปเจอกับเพื่อนเทวดาที่รู้จักกัน ก็ได้ไถ่ถามกัน
เทวดาองค์แรกถามว่า
ท่านหายไปไหนมาครึ่งค่อนวัน เมื่อเช้ายังเห็นท่านอยู่แล้วก็ไม่เห็นท่านทั้งวันอีกเลยจนเมื่อครู่นี้
เทวดาที่เพิ่งไปเกิดเป็นมนุษย์มา1ชาติก็ได้ตอบว่า อ๋อเราหมดบุญไปเกิดเป็นมนุษย์มา1ชาติ มีความทุกทรมานในการเป็นมนุษย์แสนสาหัสกว่าจะได้กลับมาเกิดเป็นเทวดาอีกครั้ง
สิ่งนี้ก็เรียกว่า สภาวะรับรู้กาลเวลาของมนุษย์และเทวดาไม่เท่ากัน ห้วงเวลาของเทวดาครึ่งวันเท่ากับเวลาในโลกมนุษย์ทั้งชาติ
ตอนนี้แม้เรารู้ว่าได้เกิดตายมาหลายภพหลายชาติจนนับไม่ได้ แต่การรับรู้ของเราจะไม่รู้สึกเลยว่ามันนาน ที่ไม่รู้สึกว่ามันนานเป็นเพราะเราจำไม่ได้ครับ
จิตที่มีอตีตังสญาณระลึกชาติภพได้เป็นจิตที่มีความเร็วมากกว่าแสงมากมายนัก เมื่อเร็วมากๆก็ทำให้ย้อนความทรงจำในอดีตชาติได้
หากใช้อนาคตญาณมองไปข้างหน้าก็จะเหมือน Dr. Strange ที่ใช้ Time Stone สามารถมองเห็นความเป็นไปได้ของอนาคตที่หลากหลาย
บางคนว่าทำไมผมชอบเอาวิทยาศาสตร์มาปนกับพุทธศาสนา เพราะผมศึกษามาทั้งสองศาตร์ และผมพบว่าศาตร์ทั้งสองนี้ช่วยเพิ่มพูนจินตนาการและสติปัญญา ผมไม่ปฏิเสธทั้งสองศาตร์ ทั้งสองศาตร์มีสิ่งที่เหมือนกันคือ บางอย่างเป็นแค่ทฤษฎีพิสูจน์ไม่ได้และบางอย่างสามารถพิสูจน์ได้
คนเราไม่ควรปิดกั้นจินตนาการของตัวเอง เทคโนโลยีที่เราใช้ทุกวันนี้มาจากจินตนาการทั้งนั้น เครื่องบินที่พาเราไปประเทศต่างๆก็มาจากจินตนาการ โทรศัพท์สมาร์ทโฟนคอมพิวเตอร์อินเตอร์เน็ทก็มาจากจินตนาการ ผมดูละครผมก็ใช้จินตนาการคิดตามเพราะมันทำให้ดูละครแล้วสนุก
จากหนังเรื่อง Oppenheimer
ไม่ว่าทฤษฎีใดๆมันจะสุดที่ทฤษฎี องค์ความรู้ใดๆก็จะสุดอยู่แค่นั้นไม่สามารถก้าวข้ามไปได้ จนกว่าจะนำองค์ความรู้นั้นไปทำจริงๆ
นักวิทยาศาตร์หลายๆคนคำนวนจนสุดความสามารถก็เกิดอาหารตันทางความคิด
สุดท้ายเขาเลยต้องทดลองสร้างจริงๆขึ้นมา แล้วก็กลายเป็นระเบิดนิวเคลียร์ลูกแรก
ระเบิดนิวเคลียร์ลูกแรกยังไม่แรงเท่าไร ทุกวันนี้ระเบิดนิวเคลียร์ลูกเล็กกว่าเดิมแต่แรงกว่าเดิมเป็นสิบๆเท่า
องค์ความรู้เดิมแต่ทำไปทดลองไปเรื่อยๆมันก็เกิดเป็นองค์ความรู้ใหม่ขึ้นมา
ไอน์สไตน์กล่าวไว้ว่า
จินตนาการสำคัญกว่าความรู้
ส่วนอันนี้ใครกล่าวก็ไม่รู้
สิ่งที่คุณคิดมันอาจจะเป็นจริงในวันข้างหน้า ถ้าไม่อยากให้อะไรเป็นจริงก็จงหยุดความคิดนั้นซะ
ถ้าอยากให้อะไรเป็นจริงก็คิดเรื่องนั้นให้มากเข้าไว้ แต่คิดว่าจะถูกหวยรางวัลที่1ไม่ถูกซักที
ทฤษฎีน่าจะไม่ถูกต้อง หรืออาจจะใช้ไม่ได้กับเรื่องหวย - -
กระทู้พรหมดลิขิตที่เคยตอบ
https://ppantip.com/topic/42304370/comment11
https://ppantip.com/topic/42303063/comment5
https://ppantip.com/topic/42306937/comment4
https://ppantip.com/topic/42332519/comment3
https://ppantip.com/topic/42332606/comment4
https://ppantip.com/topic/42334041/comment2
ขอให้สนุกกับการดูละครนะครับ
จะชาตินี้ จะชาติไหน จะรักเธอ รักชั่วนิรันดร์ กลับมาคู่กัน ไม่มีวันร้างรา
อย่ามาถามเอาความถูกต้องหรือเอาข้อมูลยืนยันอะไรจากผมนะครับ ผมแค่อ่านมาจากทุกที่แล้วเอามาเล่าแค่นั้นเอง ไม่ชอบสามารถผ่านได้ - -
ผมแท็กละครพรหมลิขิตอันเดียวเพราะไม่ต้องการถกข้อมูลกับท่านผู้รู้ กระทู้นี้เป็นไปเพื่ออรรถรสในการรับชมละครพรหมลิขิตเท่านั้น
ผมตั้งเป็นกระทู้คำถามเพื่อให้ทุกคนสามารถคอมเมนต์ได้
หากขัดใจท่านใดในห้องนี้ต้องขออภัย คุณอาจจะต้องเจอกระทู้หรือคอมเมนต์ที่เพ้อพรรณาของผมจนกว่าละครเรื่องนี้จะจบครับ - -
คิดว่าจะเขียนกระทู้เกี่ยวกับความรักพรหมลิขิตอยู่ แบบรักล้วนๆหวานฉ่ำไปเลย แต่คิดว่ายังไม่ถึงเวลา อาจต้องรอละครจบก่อน - -
คนเราเกิดตายมานับชาติไม่ถ้วยจนเคยเวียนมาเกิดเป็นพ่อแม่ลูกเกิดเป็นเป็นสามีภรรยากันมาหมดแล้ว แต่จำชาติก่อนๆของตัวเองไม่ได้ ท่านว่าเป็นเพราะอวิชชา(กิเลส)ปิดไว้ไม่ให้จำได้ ถ้าคนจำได้ก็จะเบื่อหน่ายในการเวียนว่ายตายเกิดแล้วจะแสวงหาทางหลุดพ้น
คนระลึกชาติได้เอง ส่วนมากก็ระลึกได้แค่ไม่กี่ชาติ
ปุถุชนคนมีญาณมองเห็นอตีตชาติได้40กัปป์หรือประมาณ40ชาติ ตามข้อมูลจากพระไตรปิฎกตาชีปะขาวในละครจะรู้อนาคต40ชาติรู้อดีต40ชาติ
พระอรหันต์ ระลึกชาติได้ต่ำกว่า1อสงขัยกับ1แสนกัปป์ลงมา
พระอรหันต์ที่เป็นพระอัครสาวกพระมาหาสาวก เช่นพระโมคคัลลานะพระสารีบุตรและพระอรหันต์สาวก80รูป ระลึกชาติได้1อสงไขยกับ1แสนกัปป์
พระปัจเจกพุทธเจ้า ระลึกชาติได้2อสงไขยกับ1แสนกัปป์
พระนางพิมพาพระราหุลหลังบรรลุธรรมแล้ว ระลึกชาติได้4อสงไขยกับ1แสนกัปป์
พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ระลึกชาติได้มากกว่า4อสงไขยกับ1แสนกัปป์
ระลึกชาติได้เท่าไรขึ้นอยู่กับจำนวนชาติที่บำเพ็ญมา
1กัปป์คือ1ชั่วอายุคน 1แสนกัปป์ก็1แสนชาติ
อสงไขยแปลว่านับไม่ได้ เป็นคำอุปมา แต่มีคนไปคำนวนแล้วว่า1อสงไขยให้เขียนเลข1แล้วเขียนเลข0ตามหลัง140ตัว
ตอนนี้โลกมีอายุ4600ล้านปี คือประมาณ46+0อีก9ตัว
ดวงอาทิตย์ในจักรวาลของเรามีอายุราวๆ5000ล้านปี คือประมาณ50+0อีก9ตัว
ข้อมูลเก่าจักรวาลหรือเอกภพที่สังเกตได้ มีอายุประมาณ13800ล้านปี หรือประมาณ13+0อีก10ตัว และยังขยายตัวไปเรื่อยๆ
ข้อมูลใหม่จักรวาลหรือเอกภพที่สังเกตได้ มีอายุประมาณ26700ล้านปี หรือประมาณ26+0อีก10ตัว และยังขยายตัวไปเรื่อยๆ
จักรวาลหรือเอกภพที่สังเกตไม่ได้ ไม่มีข้อมูล - -
เอกภพสามารถมีอายุได้เป็นล้านๆปีคือ1+0อีก12ตัวและบวกอีกเท่าไรไม่รู้
1อสงไขยคือ1+0อีก140ตัว ต้องเกิดบิกแบงประมาณ10ครั้งถึงจะเท่ากับ1อสงไขย
แต่ในที่นี้คือการนับชาติภพไม่ใช่นับเวลา
1ชาติคือ1กัปป์
1กัปป์ไม่ใช่1ปี10ปี100ปี แต่1กัปป์คือการเกิดแล้วตาย1ครั้ง
1แสนกัปป์ไม่ใช่1แสนปี
1อสงไขยไม่ใช่เวลาปีแสงของเอกภพ
อสงไขยในที่นี้เป็นการนับจำนวนครั้ง ไม่ใช่นับเวลาเดินทางของแสง
ชาติภพมากมายบางทีก็ไปเกิดเป็นมดเป็นแมลงไม่กี่วันก็ตาย เวลา100ปีอาจจะนับได้หลายสิบชาติคือหลายสิบกัปป์
-สัตว์นรกเกิดมาในนรกแล้วโดนทรมานจนตายแล้วเกิดซ้ำไปซ้ำมาอยู่แบบนั้น ตกกระทะทองแดงแปบเดียวก็ตาย เกิดตาย500ชาติในนรกอาจจะเท่ากับแค่ไม่กี่วันบนโลกมนุษย์
-ให้คุณนึกถึงการทอดปลาเป็นๆ แค่ไม่กี่วิปลาก็ตาย แล้วปลาก็เกิดใหม่ก็เอามาทอดอีก วันเดียวอาจจะทอดปลาได้500ครั้งก็ได้
-และหรือการโดนทรมาณในนรกจะไม่ตายง่ายๆ ตายง่ายตายช้าในนรกขึ้นอยู่กับบาปกรรม บาปหนักก็ตายยากจะทรมาณอยู่แบบนั้นไม่ยอมตายซักที เรื่องนี้ระบุไม่ได้ว่าเป็นเวลานานแค่ไหน มีแต่บอกว่า500ชาติ มันอาจจะเร็วแค่แปบเดียวหรืออาจจะนานสุดๆก็ได้
-ยกตัวอย่างเช่นปลาทอดแบบจีนที่เรียกว่าปลาหยินหยาง เมนนูนี้เป็นการเอาปลาเป็นๆสดๆยังไม่ตายมาราดน้ำมันทอดให้สุกแต่ตัว ส่วนหัวยังไม่ตายอ้าปากพะงาบๆให้คนกินดูไปด้วย - -
1กัปป์คือ1ชาติภพเป็นเวลาที่ไม่แน่นอนตายตัว แล้วแต่ว่าจะไปเกิดเป็นอะไร
เวลาในสภาวะรับรู้ของเราที่เป็นสิ่งมีชีวิตในมิติที่3 กับเวลาในสภาวะรับรู้ของสิ่งมีชีวิตในมิติที่4 ไม่เท่ากันครับ
แม้เวลาในสภาวะรับรู้ของแต่ละห้วงมิติก็ยังไม่เท่ากัน
ยกตัวอย่างง่ายๆ
-ยุงตัวผู้มีชีวิต7วัน นั่นคือเวลาทั้งชีวิตของยุงตัวผู้ แล้วยุงตัวนั้นก็อยู่ได้7วันถึงได้ตาย ยุงตัวนั้นไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองมีอายุสั้น ยุงตัวนั้นกลับรู้สึกว่าตัวเองช่างมีอายุยืนยาวได้บินวี๊ๆตั้ง7วันไม่โดนคนตบแล้วอยู่ได้ถึงหมดอายุขัยของยุง เป็นความสุขของยุง เป็นเวลาของยุง เป็นสถาวะรับรู้ของยุง
ส่วนมนุษย์กลับมองว่า เวลาแค่7วันช่างสั้นยิ่งนัก มนุษย์คิดว่าเวลาของชีวิตคนเราอย่างน้อยก็ควรจะอยู่ได้ถึงอายุ80ปีสิ
สิ่งนี้เรียกว่าสภาวะรับรู้กาลเวลาไม่เท่ากัน คนกับยุงมีสภาวะรับรู้กาลเวลาไม่เท่ากันครับ
ผมจะยกตัวอย่างอีกหนึ่งอย่าง
-เทวดาองค์หนึ่งกำลังเพลิดเพลินกับการชมสวนสวรรค์กับเหล่าเทวดาด้วยกัน อยู่ๆได้หมดบุญลงชั่วขณะ ดวงจิตของเทวดานั้นก็ได้ตกจากสวรรค์มาเกิดเป็นมนุษย์ อดีตเทวดานั้นใช้ชีวิตอยู่ในมนุษย์โลกหลายสิบปีทำทั้งบุญทำทั้งบาปแต่ทำบุญเยอะกว่า พอตายก็ได้กลับไปเกิดเป็นเทวดาอีกครั้ง พอไปเกิดเป็นเทวดาก็ไปเจอกับเพื่อนเทวดาที่รู้จักกัน ก็ได้ไถ่ถามกัน
เทวดาองค์แรกถามว่า
ท่านหายไปไหนมาครึ่งค่อนวัน เมื่อเช้ายังเห็นท่านอยู่แล้วก็ไม่เห็นท่านทั้งวันอีกเลยจนเมื่อครู่นี้
เทวดาที่เพิ่งไปเกิดเป็นมนุษย์มา1ชาติก็ได้ตอบว่า อ๋อเราหมดบุญไปเกิดเป็นมนุษย์มา1ชาติ มีความทุกทรมานในการเป็นมนุษย์แสนสาหัสกว่าจะได้กลับมาเกิดเป็นเทวดาอีกครั้ง
สิ่งนี้ก็เรียกว่า สภาวะรับรู้กาลเวลาของมนุษย์และเทวดาไม่เท่ากัน ห้วงเวลาของเทวดาครึ่งวันเท่ากับเวลาในโลกมนุษย์ทั้งชาติ
ตอนนี้แม้เรารู้ว่าได้เกิดตายมาหลายภพหลายชาติจนนับไม่ได้ แต่การรับรู้ของเราจะไม่รู้สึกเลยว่ามันนาน ที่ไม่รู้สึกว่ามันนานเป็นเพราะเราจำไม่ได้ครับ
จิตที่มีอตีตังสญาณระลึกชาติภพได้เป็นจิตที่มีความเร็วมากกว่าแสงมากมายนัก เมื่อเร็วมากๆก็ทำให้ย้อนความทรงจำในอดีตชาติได้
หากใช้อนาคตญาณมองไปข้างหน้าก็จะเหมือน Dr. Strange ที่ใช้ Time Stone สามารถมองเห็นความเป็นไปได้ของอนาคตที่หลากหลาย
บางคนว่าทำไมผมชอบเอาวิทยาศาสตร์มาปนกับพุทธศาสนา เพราะผมศึกษามาทั้งสองศาตร์ และผมพบว่าศาตร์ทั้งสองนี้ช่วยเพิ่มพูนจินตนาการและสติปัญญา ผมไม่ปฏิเสธทั้งสองศาตร์ ทั้งสองศาตร์มีสิ่งที่เหมือนกันคือ บางอย่างเป็นแค่ทฤษฎีพิสูจน์ไม่ได้และบางอย่างสามารถพิสูจน์ได้
คนเราไม่ควรปิดกั้นจินตนาการของตัวเอง เทคโนโลยีที่เราใช้ทุกวันนี้มาจากจินตนาการทั้งนั้น เครื่องบินที่พาเราไปประเทศต่างๆก็มาจากจินตนาการ โทรศัพท์สมาร์ทโฟนคอมพิวเตอร์อินเตอร์เน็ทก็มาจากจินตนาการ ผมดูละครผมก็ใช้จินตนาการคิดตามเพราะมันทำให้ดูละครแล้วสนุก
จากหนังเรื่อง Oppenheimer
ไม่ว่าทฤษฎีใดๆมันจะสุดที่ทฤษฎี องค์ความรู้ใดๆก็จะสุดอยู่แค่นั้นไม่สามารถก้าวข้ามไปได้ จนกว่าจะนำองค์ความรู้นั้นไปทำจริงๆ
นักวิทยาศาตร์หลายๆคนคำนวนจนสุดความสามารถก็เกิดอาหารตันทางความคิด
สุดท้ายเขาเลยต้องทดลองสร้างจริงๆขึ้นมา แล้วก็กลายเป็นระเบิดนิวเคลียร์ลูกแรก
ระเบิดนิวเคลียร์ลูกแรกยังไม่แรงเท่าไร ทุกวันนี้ระเบิดนิวเคลียร์ลูกเล็กกว่าเดิมแต่แรงกว่าเดิมเป็นสิบๆเท่า
องค์ความรู้เดิมแต่ทำไปทดลองไปเรื่อยๆมันก็เกิดเป็นองค์ความรู้ใหม่ขึ้นมา
ไอน์สไตน์กล่าวไว้ว่า
จินตนาการสำคัญกว่าความรู้
ส่วนอันนี้ใครกล่าวก็ไม่รู้
สิ่งที่คุณคิดมันอาจจะเป็นจริงในวันข้างหน้า ถ้าไม่อยากให้อะไรเป็นจริงก็จงหยุดความคิดนั้นซะ
ถ้าอยากให้อะไรเป็นจริงก็คิดเรื่องนั้นให้มากเข้าไว้ แต่คิดว่าจะถูกหวยรางวัลที่1ไม่ถูกซักที
ทฤษฎีน่าจะไม่ถูกต้อง หรืออาจจะใช้ไม่ได้กับเรื่องหวย - -
กระทู้พรหมดลิขิตที่เคยตอบ
https://ppantip.com/topic/42304370/comment11
https://ppantip.com/topic/42303063/comment5
https://ppantip.com/topic/42306937/comment4
https://ppantip.com/topic/42332519/comment3
https://ppantip.com/topic/42332606/comment4
https://ppantip.com/topic/42334041/comment2
ขอให้สนุกกับการดูละครนะครับ