ต่อจากระทู้เดิมที่เต็มหมื่นอักษรไปแล้วนะคะ มาต่อกันเลยค่ะ ว่าเรากลายเป็นนักเขียนเต็มตัวได้ยังไง
หลังจากลาออกในเดือนถัดมา เราก็มุ่งมั่นเขียนงานที่ค้างให้จบแต่มันก็ยังช้าเพราะช่วงนั้นเราติดโควิด ไอ้สายพันธ์โอไมครอนที่ติดง่ายจนเรางงว่าติดมาได้ไงวะ?
นิยายเรื่องล่าสุดของเราผิดแผนไปหมดเลยค่ะ สรุปบ้งไม่แมส Ebook ยอดเงียบสุด ๆ รายตอนเราไม่ได้ลงต่อเพราะตอนที่ยังทำงานทนแรงกดดันจากนักอ่านไม่ได้ สุดท้ายเรื่องนั้นทำเราผิดหวังมาก ทั้งที่มีรีวิวจากหลายท่านยกขึ้นไปรีวิวให้คะแนนแปดเต็มสิบ (นิยายเราไม่เคยจ้างรีวิว เพราะตอนนั้นมือใหม่ากไม่รู้จักใคร ไม่รู้อะไรเป็นอะไร)
ทีนี้เรามานั่งวิเคราะห์ว่าเพราะอะไร ก็พบข้อผิดพลาดหลายอย่าง
หนึ่ง เนื้อหาไม่เป็นที่นิยม ตอนนั้นนิยมพระเอกโบ้กันและต้องมีNC ดุเดือด แนวฟีลกู้ดรักในวัยเรียนแบบของเราเขาไม่อ่านกัน แต่ก็มีอ่านเฉพาะกลุ่ม สอง ปกของเราไม่โดน รู้เพราะเคยมีเมนต์ในโพสต์ของนักรีวิวบอกว่ามองข้ามเพราะไม่ชอบปก แต่นักรีวิวบอกว่าสนุกเดี๋ยวจะตามไปอ่าน
สาม ข้อผิดพลาดเรื่องการเผยแพร่งาน งานที่ยืดยื้อ นักอ่านรองานเขาจะเทค่ะ เพราะนักอ่านเขามีนิยายเป็นหมื่นเรื่องให้อ่าน ไม่มีใครมานั่งรอนิยายที่ยังไม่จบ และไม่รู้ว่าจะจบวันไหน ไรต์จะหายวันไหน (เอานี้เราเอาฟีลของนักอ่านมาวิเคราะห์ด้วย เพราะเมื่อก่อนเคยรอคอยการ์ตูนญี่ปุ่นแบบถดท้อใจ จนต้องไปหาเรื่องใหม่อ่านเบรกอารมณ์ค้างของตัวเอง นักอ่านทุกสายพันธ์ุก็น่าจะเหมือนกัน)
หลังจากนั่งคิดถ้วนถี่ โอเค หยุดความผิดหวัง เศร้าเสียใจ เพราะกระโจนมาทางนี้แล้ว เริ่มร่างพล๊อต เอาใหม่ทีนี้เอาแนวตลาดให้สุด ๆ ไปเลย จัดไปค่ะ แนวโรมานซ์ชายหญิง พระเอกโบ้ บทรักถึงพริกถึงขิง เอาคืนให้สาสม ให้พระเอกหอนไปเลยจนแก่
พอเขียนไปได้สักเจ็ดสิบเปอร์เซนต์เราจึงค่อยลงในรายตอน อัปไปเลยวันแรกสี่ห้าตอน อ่านให้จุใจกันไป ผลตอบรับเริ่มกลับมา เริ่มเก็บเข้าชั้น มีคอมเมนต์ด่าพระเอกเมามันมาก นักเขียนก็ยิ่งมันไปใหญ่ แล้ว Ebook ของเราก็คลอด ได้ป้ายแดงภายในสี่วัน (ป้ายแดง คือbest seller) มีรีวิวให้ดาวและคอมเมนต์ในmeb แล้วบังเอิญเช่นกันไปเจอหนึ่งคอมเมนต์ที่วิจารณ์ตรง ๆ ว่า นางเอกของเราโง่และง่ายตั้งแต่ต้นจนจบ พระเอกก็เลวเกิน ไรต์น่าจะไปเขียน
แนวอีโรติก
เราก็อึ้งและนิ่งไป แต่ใดใดเรานั่งอิ่มสุขอยู่พักใหญ่ แล้วคิดพล๊อตงานเรื่องต่อไป ทีนี้เกิดคำถามในใจว่าฉันเขียนงานดีจริงหรือแค่บังเอิญอยู่ในแนวที่ตลาดต้องการ (ยอมรับว่าในความคิดมันจะมีอีโก้มีแววถือดีอยู่ในนั้นด้วย) ไม่เชิงว่าอยากลบคำสบประมาทของรีด เราแค่อยากทดสอบตลาด งานเขียนเรื่องถัดไปของเราจึงฉีกแนวไปเลย เป็นแนวรักชายหญิงที่ไม่หวือหวา ไม่ดราม่า ออกแนวชาวบ้านปถุชน
สรุปเรื่องนั้นแป๊กค่ะ ยอดขายอีบุกไม่คุ้มค่าปกกับค่าพิสูจน์อักษรด้วยซ้ำ
ฮือ ร้องไห้เลย...
พักอก พักใจ และได้ประสบการณ์มาเพิ่มอีกหนึ่งอย่าง ยอมรับว่าเหนื่อย ช่วงเวลานี้เราก็นั่งมองนิยายที่ฮิตติดท็อปชาร์ตว่านักอ่านชอบอ่านแนวไหน อีกทั้งเข้าร่วมกลุ่มนักเขียน (ที่เพิ่งรู้ว่าเขามีกลุ่มด้วย) นั่งอ่านโพสต์ที่พอจะเป็นประโยชน์ให้กับตัวเอง สั่งสมความรู้ไว้เก็บเล็กผสมน้อย เลยรู้ว่าเราสามารถแตกแยกนามปากกาได้ แตกแอกเคาต์ได้ เราเลยตัดสินใจที่จะเขียนนิยายวาย เพราะมองเห็นแล้วว่าแนวนี้มีช่องทางในการโปรโมตเยอะ มีนักรีวิวที่เขาอ่านแนวนี้เยอะมาก
นิยายเรื่องถัดมาของเราจึงเป็นนิยายวาย แนวท้องได้ ครอบครัวมีดราม่า เอ็นซีสองตอน เราได้สมัครแอกเคาต์ใหม่ไป
เรื่องแรกของเรา ทำตามเทกนิคในกลุ่มเขาเลยค่ะ เพราะเราเป็นนามปากกาใหม่ ไม่มีฐานคนอ่าน
เราลงทุนจากปกก่อน เพราะปกเหมือนเสื้อผ้าหน้าผม เราซื้อปกสำเร็จที่ตรงกับอิมเมจตัวละคร นิยายวายเน้นปกที่เป็นตัวละคร พระเอก นายเอกหล่อ ๆ ล่ำ ๆ แตกต่างจากนิยายรักทั่วไปที่เป็นรูปวิว รูปท้องฟ้า ทะเล ให้อารมณ์เพ้อฝันและน่าค้นหา แต่ปกวายจะโดดเด่นและชัดเจน (ต้นทุนปกอยู่ที่สองพัน)
เราเลือกเปิดเรื่องในวันศุกร์ ลงวันแรกซัดไปเลยห้าตอนรวด เพราะในมุมมองนักอ่าน มันมีอะไรให้อ่านแล้ว ห้าตอนนี้เราจัดหนักไปเลยที่เป็นประเด็นหรือปมของเรื่องให้ดูมีกิมมิกน่าติดตาม จากนั้นเราก็โพสต์แลกใจในกลุ่มนักเขียน วิธีนี้เราแนะนำมากเพราะมีผลทำให้นิยายเราถูกมองเห็นมากขึ้น
ผลปรากฎว่านิยายเรื่องแรกของเรา เพื่อนนักเขียนทักมาให้กำลังใจว่านิยายคุณแมสมาก ตอนนั้นมีคนเก็บเข้าชั้นน่าจะสองพันปลาย ๆ ยอดวิวประมาณแสนกว่า ๆ (เราซึ่งเพิ่งลงสนามวาย ก็ยังไม่แน่ใจ เพราะตลาดวายคนอ่านเยอะ เราก็ไม่รุ้ว่าระดับไหนที่จะเรียกว่าแมส พอไรต์ท่านอื่นบอกว่าแมสเราก็โอเคแมสก็แมส 555)
ถึงเวลาEbook คลอด เราก็ได้ป้ายมาภายในสามวันเช่นกัน แต่ว่ายอดโหลดน้อยกว่าโรมานซ์ชายหญิง (อันนี้เคยหาความรู้ ถึงได้ทราบว่าการได้ป้ายมันไม่เสมอไป บางท่านขายได้เป็นพันโหลดยังไม่ได้ป้ายก็มี)
พอมีอีบุค เราก็ยังปล่อยรายตอนให้อ่านฟรีวันละตอนไปด้วย อย่าคิดว่าวิธีจะขาดทุนนะคะ เพราะว่ามันเป็นวิธีที่ทำให้หนังสือของเราถูกมองเห็นได้มากขึ้น อย่าหวังว่าแค่มีในเมพแล้วจะขายได้ พ้นจากสามวันแรกที่หนังสือเราปัดตกจะไม่มีใครมองเห็นแล้วค่ะ หากนิยายไม่ขายดีจนอยู่ลำดับต้น ๆ
กลับกันการลงวันละตอนในออนไลน์หากถึงตอนไหนที่ขยี้อารมณ์นักอ่านได้จนไม่อยากขาดตอนเขาจะไปต่ออีบุคค่ะ อันนี้เห็นได้จากยอดอีบุคจะพุ่งหลังจากปล่อยตอนไปแล้วทุกวันเลย เคล็ดลับอีกอย่าง อย่าลืมแปะลิงก์ใต้ตอนนะคะ เป็นไปได้ให้ก็อปลิงก์ทุกตอน นอกจากง่ายต่อคนอ่านแล้ว เราจะได้ค่าขนมเพิ่มขึ้นจากราคาอีบุค เฉลี่ยเริ่มลละสิบกว่าบาทเลย ขึ้นอยู่กับราคาอีบุกนะคะ แต่อยากบอกว่าอย่าลืมทิ้งลิงก์
เรื่องแรกจบไป เราได้คอมเมนต์จากนักอ่านเยอะมาก ที่สัมผัสได้ว่าเขาสนุกและอินกับเนื้อเรื่องของเรา เวลาช่วงต่อจากนี้เราก็ปล่อยจอย พักสมอง นัดเพื่อนเที่ยวสะสมไฟแล้วมาต่อเรื่องใหม่ จะบอกว่าหากเป็นนักเขียนเต็มเวลาจะสมหวังหรือผิดหวัง อย่าไปปลักกับมันใหม่ หันหน้าเข้าหาคอมสร้างเรื่องใหม่
และช่วงเวลาที่เรากำลังเขียนวายเรื่องที่สอง จู่ ๆ นักอ่านของนามปากกาแรกก็ทักข้อความในเพจเราเข้ามาว่า XXXX (นามปากกาเรา) หายไปไหน รออ่านเรื่องใหม่อยู่นะคะ เรานี่เอ๋อเลย คือตอนนี้อารมณ์ของชาย ภาพต่าง ๆ ในหัวของฉัน มันมีแค่ภาพชายกับชาย แม้แต่ตอนเขียนฉากรักก็ยังเป็นงวงช้างปะทะกัน เข้าใจไหมคะ คือฟีลฉันปลื้มพระนายของฉันไปแล้ว
เราเลยบอกนักอ่านไปตรง ๆ ว่าตอนนี้ไรต์เขียนวายค่ะ นามปากกาเดิมอารมณ์ไรต้เขียนไม่ได้เลย บอกไปก็รู้สึกผิดและเสียใจต่อรีดมาก รีดก็น่ารักขอเรื่องวายจะตามไปอ่าน เราก็ให้ไป ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์นางทักกลับมาว่าไรต์อยากอ่านเรื่องนี้เวอร์ชันชายหญิง คือเรื่องสนุกแต่เขาอ่านไม่อิน (น่าจะอ่านไปแค่ตัวอย่างของอีบุค)
เราก็โอเคไปก่อน เดี๋ยวจัดให้ ทั้งที่ตอนนั้นไม่รู้ว่าทำได้ไหม เราเมลไปถามพี่เมพว่าทำได้หรือเปล่า เนื้อหาเดียวกันแต่เปลี่ยนเวอร์ชันเป็นช ญ พอพี่เมพบอกทำได้ เพียงแต่ว่าจะไม่ขึ้นหนังสือมาใหม่ และหนังสือเล่มนั้นจะไปอยู่ในชั้นของเล่มเก่า และจะถูกปิดกั้นการมองเห็น เราก็โอเคทั้งที่ไม่เข้าใจระบบอะไรทั้งนั้น
ใช้เวลาสิบกว่าวันในการเปลี่ยนบริบทจากวายไปเป็นชายหญิง (อยากบอกว่าเหนื่อยกว่าเขียนใหม่มาก เพราะคำพูด สรรพนามจะละเอียดยิบเลย พลาดไม่ได้ด้วย ทั้งเหนื่อยและปวดตาเพราะมันไม่ใช่งานเขียนแต่เป็นการตรวจสอบ ทำไปทั้งที่ไม่รู้ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร แต่ได้รับปากรีดไปแล้วก็ต้องทำ)
ทีนี้ถึงเวลาปล่อย Ebook พี่เมพส่งลิงก์มาให้เราแจ้งลูกค้าเอง เพราะหนังสือไม่โชว์ในหน้ามาใหม่ เรากดเข้าไปดูยอดขายปรากฎว่ามียอดโหลดไปแล้ว 5 เล่ม เร็วมาก อันนี้คิดว่าน่าจะเป็นนักอ่านที่กดติดตามไว้
จากนั้นเราจึงแปะลิงก์ในรายตอนทำเทกนิคเดิมค่ะ คือปล่อยทีละตอน ยอดโหลดถือว่าโอเคนะคะ ค่อย ๆ เพิ่มขึ้น ถึงแม้เมพจะไม่ให้ป้ายแดง ฮือ ๆ แต่ก็ยอมรับและเข้าใจในระบบ
ทีนี้เราเลยมีรายได้สองแอกเคาต์จากเรื่องเดิม ใครจะเอาเทกนิคนี้ไปใช้ก็ได้นะคะ ถือว่าแต่งเรื่องเดียวแล้วขายได้ทั้งสองเวอร์ แต่สำคัญตรงที่
เราต้องแจ้งนักอ่านก่อนเสมอว่าเรื่องนี้มีสองเวอร์ชัน ใครไม่โอเคเขาก็จะผ่านค่ะ ไม่มีมาดราม่าอะไร (แต่เราอาจจะเห็นดราม่าจากนักเขียนด้วยกัน ก็แล้วแต่มุมมอง สำหรับเรา นักเขียนเขาไม่อ่านงานเราอยู่แล้ว เราเลยไม่สนใจเท่าไหร่)
ป.ล แจ้งพี่เมพด้วยค่ะว่าเรื่องนี้เคยขายแล้วในชื่อเรื่อง XXXX นามปากกา WWWW ไม่อย่างนั้นพี่เมพจะปัดตกทันที เขามีระบบตรวจสอบค่ะ
แต่เราก็ทำสำหรับเรื่องนั้นเรื่องเดียวนะคะ เพราะสำหรับเรามันเหนื่อยมากค่ะกับการปรับแก้ สะดวกเขียนใหม่เลย จะไวกว่า
การโปรโมตนิยาย งานวายจะมีช่องทางการโปรโมตที่หลากหลายกว่ามาก อันนี้ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม อาจเป็นเพราะหลายช่องในติกตอกหรือ X เขาถนัดอ่านแนวนี้ก็ได้
สุดท้ายแล้วอยากให้กำลังใจคนที่สร้างสรรค์งานทุกท่านนะคะ ใครที่เขียนงานด้วยใจรักแล้วไม่มีคนอ่าน ขายงานไม่ได้ อย่าคิดว่างานของท่านไม่ดีบางครั้งงานเรามันไม่ตรงกับจริตนักอ่านในห้วงเวลานั้นก็เป็นได้ค่ะ
เหมือนเราตอนที่อยากคลายเครียด เราจะอ่านขายหัวเราะ ตอนที่สมองโล่ง จิตใจปลอดโปร่งมีเวลามากพอในการตีความ เราก็อยากอ่านไตรภูมิพระร่วง โดยไม่มีใครบังคับหรือกำหนด
เพียงแค่อยากบอกว่า เขียนงานเพราะต้องการอะไร หากต้องการเงินในการดำรงชีพเราต้องตามแนวตลาดค่ะ แต่ควรสอดแทรกข้อคิดอะไรลงไปบ้างแบบไม่ยัดเยียด เพราะที่สุดแล้วนักอ่านก็จะถามตัวเองว่าฉันได้อะไรจากเรื่องนี้ หากเขารู้สึกดีกับเรื่องราวนิยายเรา เขาจะตามงานอื่น ๆ ของเราด้วย เป็นการเปิดโอกาสให้นามปากกาเราอยู่ในใขของนักอ่านค่ะ
หากอยากเขียนงานด้วยอุดมการณ์ มีจรรยาบรรณในแบบที่ตนชอบ ก็ต้องยอมรับในผลตอบรับเพราะความชอบของเราอาจไม่ตรงกับนักอ่านส่วนใหญ่ คิดได้แบบนี้เราจะเขียนได้นานค่ะ ไม่ท้อนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกระทู้ของเรา ในช่วงหัวตันค่ะ
อยากได้ดั่งใจ ไปเขียนเองสิ (กระทู้ต่อจากพนักงานออฟฟิศไปเป็นนักเขียน)
หลังจากลาออกในเดือนถัดมา เราก็มุ่งมั่นเขียนงานที่ค้างให้จบแต่มันก็ยังช้าเพราะช่วงนั้นเราติดโควิด ไอ้สายพันธ์โอไมครอนที่ติดง่ายจนเรางงว่าติดมาได้ไงวะ?
นิยายเรื่องล่าสุดของเราผิดแผนไปหมดเลยค่ะ สรุปบ้งไม่แมส Ebook ยอดเงียบสุด ๆ รายตอนเราไม่ได้ลงต่อเพราะตอนที่ยังทำงานทนแรงกดดันจากนักอ่านไม่ได้ สุดท้ายเรื่องนั้นทำเราผิดหวังมาก ทั้งที่มีรีวิวจากหลายท่านยกขึ้นไปรีวิวให้คะแนนแปดเต็มสิบ (นิยายเราไม่เคยจ้างรีวิว เพราะตอนนั้นมือใหม่ากไม่รู้จักใคร ไม่รู้อะไรเป็นอะไร)
ทีนี้เรามานั่งวิเคราะห์ว่าเพราะอะไร ก็พบข้อผิดพลาดหลายอย่าง
หนึ่ง เนื้อหาไม่เป็นที่นิยม ตอนนั้นนิยมพระเอกโบ้กันและต้องมีNC ดุเดือด แนวฟีลกู้ดรักในวัยเรียนแบบของเราเขาไม่อ่านกัน แต่ก็มีอ่านเฉพาะกลุ่ม สอง ปกของเราไม่โดน รู้เพราะเคยมีเมนต์ในโพสต์ของนักรีวิวบอกว่ามองข้ามเพราะไม่ชอบปก แต่นักรีวิวบอกว่าสนุกเดี๋ยวจะตามไปอ่าน
สาม ข้อผิดพลาดเรื่องการเผยแพร่งาน งานที่ยืดยื้อ นักอ่านรองานเขาจะเทค่ะ เพราะนักอ่านเขามีนิยายเป็นหมื่นเรื่องให้อ่าน ไม่มีใครมานั่งรอนิยายที่ยังไม่จบ และไม่รู้ว่าจะจบวันไหน ไรต์จะหายวันไหน (เอานี้เราเอาฟีลของนักอ่านมาวิเคราะห์ด้วย เพราะเมื่อก่อนเคยรอคอยการ์ตูนญี่ปุ่นแบบถดท้อใจ จนต้องไปหาเรื่องใหม่อ่านเบรกอารมณ์ค้างของตัวเอง นักอ่านทุกสายพันธ์ุก็น่าจะเหมือนกัน)
หลังจากนั่งคิดถ้วนถี่ โอเค หยุดความผิดหวัง เศร้าเสียใจ เพราะกระโจนมาทางนี้แล้ว เริ่มร่างพล๊อต เอาใหม่ทีนี้เอาแนวตลาดให้สุด ๆ ไปเลย จัดไปค่ะ แนวโรมานซ์ชายหญิง พระเอกโบ้ บทรักถึงพริกถึงขิง เอาคืนให้สาสม ให้พระเอกหอนไปเลยจนแก่
พอเขียนไปได้สักเจ็ดสิบเปอร์เซนต์เราจึงค่อยลงในรายตอน อัปไปเลยวันแรกสี่ห้าตอน อ่านให้จุใจกันไป ผลตอบรับเริ่มกลับมา เริ่มเก็บเข้าชั้น มีคอมเมนต์ด่าพระเอกเมามันมาก นักเขียนก็ยิ่งมันไปใหญ่ แล้ว Ebook ของเราก็คลอด ได้ป้ายแดงภายในสี่วัน (ป้ายแดง คือbest seller) มีรีวิวให้ดาวและคอมเมนต์ในmeb แล้วบังเอิญเช่นกันไปเจอหนึ่งคอมเมนต์ที่วิจารณ์ตรง ๆ ว่า นางเอกของเราโง่และง่ายตั้งแต่ต้นจนจบ พระเอกก็เลวเกิน ไรต์น่าจะไปเขียน
แนวอีโรติก
เราก็อึ้งและนิ่งไป แต่ใดใดเรานั่งอิ่มสุขอยู่พักใหญ่ แล้วคิดพล๊อตงานเรื่องต่อไป ทีนี้เกิดคำถามในใจว่าฉันเขียนงานดีจริงหรือแค่บังเอิญอยู่ในแนวที่ตลาดต้องการ (ยอมรับว่าในความคิดมันจะมีอีโก้มีแววถือดีอยู่ในนั้นด้วย) ไม่เชิงว่าอยากลบคำสบประมาทของรีด เราแค่อยากทดสอบตลาด งานเขียนเรื่องถัดไปของเราจึงฉีกแนวไปเลย เป็นแนวรักชายหญิงที่ไม่หวือหวา ไม่ดราม่า ออกแนวชาวบ้านปถุชน
สรุปเรื่องนั้นแป๊กค่ะ ยอดขายอีบุกไม่คุ้มค่าปกกับค่าพิสูจน์อักษรด้วยซ้ำ
ฮือ ร้องไห้เลย...
พักอก พักใจ และได้ประสบการณ์มาเพิ่มอีกหนึ่งอย่าง ยอมรับว่าเหนื่อย ช่วงเวลานี้เราก็นั่งมองนิยายที่ฮิตติดท็อปชาร์ตว่านักอ่านชอบอ่านแนวไหน อีกทั้งเข้าร่วมกลุ่มนักเขียน (ที่เพิ่งรู้ว่าเขามีกลุ่มด้วย) นั่งอ่านโพสต์ที่พอจะเป็นประโยชน์ให้กับตัวเอง สั่งสมความรู้ไว้เก็บเล็กผสมน้อย เลยรู้ว่าเราสามารถแตกแยกนามปากกาได้ แตกแอกเคาต์ได้ เราเลยตัดสินใจที่จะเขียนนิยายวาย เพราะมองเห็นแล้วว่าแนวนี้มีช่องทางในการโปรโมตเยอะ มีนักรีวิวที่เขาอ่านแนวนี้เยอะมาก
นิยายเรื่องถัดมาของเราจึงเป็นนิยายวาย แนวท้องได้ ครอบครัวมีดราม่า เอ็นซีสองตอน เราได้สมัครแอกเคาต์ใหม่ไป
เรื่องแรกของเรา ทำตามเทกนิคในกลุ่มเขาเลยค่ะ เพราะเราเป็นนามปากกาใหม่ ไม่มีฐานคนอ่าน
เราลงทุนจากปกก่อน เพราะปกเหมือนเสื้อผ้าหน้าผม เราซื้อปกสำเร็จที่ตรงกับอิมเมจตัวละคร นิยายวายเน้นปกที่เป็นตัวละคร พระเอก นายเอกหล่อ ๆ ล่ำ ๆ แตกต่างจากนิยายรักทั่วไปที่เป็นรูปวิว รูปท้องฟ้า ทะเล ให้อารมณ์เพ้อฝันและน่าค้นหา แต่ปกวายจะโดดเด่นและชัดเจน (ต้นทุนปกอยู่ที่สองพัน)
เราเลือกเปิดเรื่องในวันศุกร์ ลงวันแรกซัดไปเลยห้าตอนรวด เพราะในมุมมองนักอ่าน มันมีอะไรให้อ่านแล้ว ห้าตอนนี้เราจัดหนักไปเลยที่เป็นประเด็นหรือปมของเรื่องให้ดูมีกิมมิกน่าติดตาม จากนั้นเราก็โพสต์แลกใจในกลุ่มนักเขียน วิธีนี้เราแนะนำมากเพราะมีผลทำให้นิยายเราถูกมองเห็นมากขึ้น
ผลปรากฎว่านิยายเรื่องแรกของเรา เพื่อนนักเขียนทักมาให้กำลังใจว่านิยายคุณแมสมาก ตอนนั้นมีคนเก็บเข้าชั้นน่าจะสองพันปลาย ๆ ยอดวิวประมาณแสนกว่า ๆ (เราซึ่งเพิ่งลงสนามวาย ก็ยังไม่แน่ใจ เพราะตลาดวายคนอ่านเยอะ เราก็ไม่รุ้ว่าระดับไหนที่จะเรียกว่าแมส พอไรต์ท่านอื่นบอกว่าแมสเราก็โอเคแมสก็แมส 555)
ถึงเวลาEbook คลอด เราก็ได้ป้ายมาภายในสามวันเช่นกัน แต่ว่ายอดโหลดน้อยกว่าโรมานซ์ชายหญิง (อันนี้เคยหาความรู้ ถึงได้ทราบว่าการได้ป้ายมันไม่เสมอไป บางท่านขายได้เป็นพันโหลดยังไม่ได้ป้ายก็มี)
พอมีอีบุค เราก็ยังปล่อยรายตอนให้อ่านฟรีวันละตอนไปด้วย อย่าคิดว่าวิธีจะขาดทุนนะคะ เพราะว่ามันเป็นวิธีที่ทำให้หนังสือของเราถูกมองเห็นได้มากขึ้น อย่าหวังว่าแค่มีในเมพแล้วจะขายได้ พ้นจากสามวันแรกที่หนังสือเราปัดตกจะไม่มีใครมองเห็นแล้วค่ะ หากนิยายไม่ขายดีจนอยู่ลำดับต้น ๆ
กลับกันการลงวันละตอนในออนไลน์หากถึงตอนไหนที่ขยี้อารมณ์นักอ่านได้จนไม่อยากขาดตอนเขาจะไปต่ออีบุคค่ะ อันนี้เห็นได้จากยอดอีบุคจะพุ่งหลังจากปล่อยตอนไปแล้วทุกวันเลย เคล็ดลับอีกอย่าง อย่าลืมแปะลิงก์ใต้ตอนนะคะ เป็นไปได้ให้ก็อปลิงก์ทุกตอน นอกจากง่ายต่อคนอ่านแล้ว เราจะได้ค่าขนมเพิ่มขึ้นจากราคาอีบุค เฉลี่ยเริ่มลละสิบกว่าบาทเลย ขึ้นอยู่กับราคาอีบุกนะคะ แต่อยากบอกว่าอย่าลืมทิ้งลิงก์
เรื่องแรกจบไป เราได้คอมเมนต์จากนักอ่านเยอะมาก ที่สัมผัสได้ว่าเขาสนุกและอินกับเนื้อเรื่องของเรา เวลาช่วงต่อจากนี้เราก็ปล่อยจอย พักสมอง นัดเพื่อนเที่ยวสะสมไฟแล้วมาต่อเรื่องใหม่ จะบอกว่าหากเป็นนักเขียนเต็มเวลาจะสมหวังหรือผิดหวัง อย่าไปปลักกับมันใหม่ หันหน้าเข้าหาคอมสร้างเรื่องใหม่
และช่วงเวลาที่เรากำลังเขียนวายเรื่องที่สอง จู่ ๆ นักอ่านของนามปากกาแรกก็ทักข้อความในเพจเราเข้ามาว่า XXXX (นามปากกาเรา) หายไปไหน รออ่านเรื่องใหม่อยู่นะคะ เรานี่เอ๋อเลย คือตอนนี้อารมณ์ของชาย ภาพต่าง ๆ ในหัวของฉัน มันมีแค่ภาพชายกับชาย แม้แต่ตอนเขียนฉากรักก็ยังเป็นงวงช้างปะทะกัน เข้าใจไหมคะ คือฟีลฉันปลื้มพระนายของฉันไปแล้ว
เราเลยบอกนักอ่านไปตรง ๆ ว่าตอนนี้ไรต์เขียนวายค่ะ นามปากกาเดิมอารมณ์ไรต้เขียนไม่ได้เลย บอกไปก็รู้สึกผิดและเสียใจต่อรีดมาก รีดก็น่ารักขอเรื่องวายจะตามไปอ่าน เราก็ให้ไป ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์นางทักกลับมาว่าไรต์อยากอ่านเรื่องนี้เวอร์ชันชายหญิง คือเรื่องสนุกแต่เขาอ่านไม่อิน (น่าจะอ่านไปแค่ตัวอย่างของอีบุค)
เราก็โอเคไปก่อน เดี๋ยวจัดให้ ทั้งที่ตอนนั้นไม่รู้ว่าทำได้ไหม เราเมลไปถามพี่เมพว่าทำได้หรือเปล่า เนื้อหาเดียวกันแต่เปลี่ยนเวอร์ชันเป็นช ญ พอพี่เมพบอกทำได้ เพียงแต่ว่าจะไม่ขึ้นหนังสือมาใหม่ และหนังสือเล่มนั้นจะไปอยู่ในชั้นของเล่มเก่า และจะถูกปิดกั้นการมองเห็น เราก็โอเคทั้งที่ไม่เข้าใจระบบอะไรทั้งนั้น
ใช้เวลาสิบกว่าวันในการเปลี่ยนบริบทจากวายไปเป็นชายหญิง (อยากบอกว่าเหนื่อยกว่าเขียนใหม่มาก เพราะคำพูด สรรพนามจะละเอียดยิบเลย พลาดไม่ได้ด้วย ทั้งเหนื่อยและปวดตาเพราะมันไม่ใช่งานเขียนแต่เป็นการตรวจสอบ ทำไปทั้งที่ไม่รู้ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร แต่ได้รับปากรีดไปแล้วก็ต้องทำ)
ทีนี้ถึงเวลาปล่อย Ebook พี่เมพส่งลิงก์มาให้เราแจ้งลูกค้าเอง เพราะหนังสือไม่โชว์ในหน้ามาใหม่ เรากดเข้าไปดูยอดขายปรากฎว่ามียอดโหลดไปแล้ว 5 เล่ม เร็วมาก อันนี้คิดว่าน่าจะเป็นนักอ่านที่กดติดตามไว้
จากนั้นเราจึงแปะลิงก์ในรายตอนทำเทกนิคเดิมค่ะ คือปล่อยทีละตอน ยอดโหลดถือว่าโอเคนะคะ ค่อย ๆ เพิ่มขึ้น ถึงแม้เมพจะไม่ให้ป้ายแดง ฮือ ๆ แต่ก็ยอมรับและเข้าใจในระบบ
ทีนี้เราเลยมีรายได้สองแอกเคาต์จากเรื่องเดิม ใครจะเอาเทกนิคนี้ไปใช้ก็ได้นะคะ ถือว่าแต่งเรื่องเดียวแล้วขายได้ทั้งสองเวอร์ แต่สำคัญตรงที่ เราต้องแจ้งนักอ่านก่อนเสมอว่าเรื่องนี้มีสองเวอร์ชัน ใครไม่โอเคเขาก็จะผ่านค่ะ ไม่มีมาดราม่าอะไร (แต่เราอาจจะเห็นดราม่าจากนักเขียนด้วยกัน ก็แล้วแต่มุมมอง สำหรับเรา นักเขียนเขาไม่อ่านงานเราอยู่แล้ว เราเลยไม่สนใจเท่าไหร่)
ป.ล แจ้งพี่เมพด้วยค่ะว่าเรื่องนี้เคยขายแล้วในชื่อเรื่อง XXXX นามปากกา WWWW ไม่อย่างนั้นพี่เมพจะปัดตกทันที เขามีระบบตรวจสอบค่ะ
แต่เราก็ทำสำหรับเรื่องนั้นเรื่องเดียวนะคะ เพราะสำหรับเรามันเหนื่อยมากค่ะกับการปรับแก้ สะดวกเขียนใหม่เลย จะไวกว่า
การโปรโมตนิยาย งานวายจะมีช่องทางการโปรโมตที่หลากหลายกว่ามาก อันนี้ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม อาจเป็นเพราะหลายช่องในติกตอกหรือ X เขาถนัดอ่านแนวนี้ก็ได้
สุดท้ายแล้วอยากให้กำลังใจคนที่สร้างสรรค์งานทุกท่านนะคะ ใครที่เขียนงานด้วยใจรักแล้วไม่มีคนอ่าน ขายงานไม่ได้ อย่าคิดว่างานของท่านไม่ดีบางครั้งงานเรามันไม่ตรงกับจริตนักอ่านในห้วงเวลานั้นก็เป็นได้ค่ะ
เหมือนเราตอนที่อยากคลายเครียด เราจะอ่านขายหัวเราะ ตอนที่สมองโล่ง จิตใจปลอดโปร่งมีเวลามากพอในการตีความ เราก็อยากอ่านไตรภูมิพระร่วง โดยไม่มีใครบังคับหรือกำหนด
เพียงแค่อยากบอกว่า เขียนงานเพราะต้องการอะไร หากต้องการเงินในการดำรงชีพเราต้องตามแนวตลาดค่ะ แต่ควรสอดแทรกข้อคิดอะไรลงไปบ้างแบบไม่ยัดเยียด เพราะที่สุดแล้วนักอ่านก็จะถามตัวเองว่าฉันได้อะไรจากเรื่องนี้ หากเขารู้สึกดีกับเรื่องราวนิยายเรา เขาจะตามงานอื่น ๆ ของเราด้วย เป็นการเปิดโอกาสให้นามปากกาเราอยู่ในใขของนักอ่านค่ะ
หากอยากเขียนงานด้วยอุดมการณ์ มีจรรยาบรรณในแบบที่ตนชอบ ก็ต้องยอมรับในผลตอบรับเพราะความชอบของเราอาจไม่ตรงกับนักอ่านส่วนใหญ่ คิดได้แบบนี้เราจะเขียนได้นานค่ะ ไม่ท้อนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกระทู้ของเรา ในช่วงหัวตันค่ะ