ผลประกอบการไตรมาส3 2566 ของ ปตท OR ออกมาดีกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์
จากที่โบรกส่วนใหญ่เคยวิเคราะห์คาดเดา ว่าจะแย่กว่า Q2 (แถว 2,700ล้าน บลาๆๆ) ยอดขายจะตกเพราะฤดูฝน คนเดินทางท่องเที่ยวน้อย และถูกกดดันแทรกแทรงจากภาครัฐ กดค่าการตลาดต่ำเตี้ยเรี่ยดิน
แต่แล้วงบรวม Q3 จริงออกมา กำไรสุทธิสูง กว่า 5,167ล้านบาท หรือ 0.43บาทต่อหุ้น
(ดีกว่าไตรมาสมาสก่อน และดีกว่า Q3 ปีที่แล้วหลายเท่า)
โดยไตรมาส3นี้ มีรายได้ยอดขายราวเกือบ 2แสนล้านบาท แบ่งตามประเภท
Mobility จากการขายน้ำมันในประเทศมีส่วนแบ่งตลาดอันดับหนึ่ง ราว 178,000ล้านบาท มีกำไรสุทธิราว 3,700ล้านบาท ซึ่งถือว่าอัตรากำไรราว 2% ซึ่งต่ำมาก หรือกำไรต่อลิตรต่ำเป็นสตางค์ไม่เต็มบาท เมื่อเทียบการทำธุรกิจทั่วไป เกณฑ์อัตรากำไร ราว 15-20% นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญ ที่บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ต่างชาติหลายเจ้าทยอยเลิกกิจการในไทยขายทิ้ง (จากนโยบายรัฐประชานิยมไทยกดดันแทรกแซงกลไกลตลาด)
ซึ่งราคาที่ขายหน้าปั้มถูกรัฐบวกค่าภาษีต่างๆเพียบ สรรพสามิต, Vat ภาษีมูลค่าเพิ่ม ,ภาษีอื่นๆ รัฐได้หลายบาทต่อลิตร ส่วนผู้ประกอบการเหลือกำไรสุทธิไม่เต็มบาท
Lifestyle ขายกาแฟคาเฟ่อเมซอนและของกินอื่นๆ ไตรมาสนี้ ยอดขายรายได้ ราว 5,700ล้านบาท กำไรสุทธิราว 1,100ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ ราว20%
( จะพบว่า ธุรกิจกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน จะมีอัตรากำไรที่ดีกว่ามาก )
Global ธุรกิจสาขาในต่างประเทศทั้งปั้มน้ำมันและกาแฟอเมซอนและร้านค้าขายของกิน ไตรมาสนี้ ยอดขายรายได้ราว 12,000ล้านบาท มีกำไรสุทธิราว400ล้านบาทหรือ อัตรากำไรราว 4% (ซึ่งอัตรากำไรก็ยังดีกว่าขายน้ำมันในประเทศไทยที่ราว2%)
ผลประกอบการไตรมาส3 2566 ของ ปตท OR ออกมาดีกว่านักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ ยอดขายน้ำมันเครื่องบินโต มีกำไรต่อลิตรดีกว่า
จากที่โบรกส่วนใหญ่เคยวิเคราะห์คาดเดา ว่าจะแย่กว่า Q2 (แถว 2,700ล้าน บลาๆๆ) ยอดขายจะตกเพราะฤดูฝน คนเดินทางท่องเที่ยวน้อย และถูกกดดันแทรกแทรงจากภาครัฐ กดค่าการตลาดต่ำเตี้ยเรี่ยดิน
แต่แล้วงบรวม Q3 จริงออกมา กำไรสุทธิสูง กว่า 5,167ล้านบาท หรือ 0.43บาทต่อหุ้น
(ดีกว่าไตรมาสมาสก่อน และดีกว่า Q3 ปีที่แล้วหลายเท่า)
โดยไตรมาส3นี้ มีรายได้ยอดขายราวเกือบ 2แสนล้านบาท แบ่งตามประเภท
Mobility จากการขายน้ำมันในประเทศมีส่วนแบ่งตลาดอันดับหนึ่ง ราว 178,000ล้านบาท มีกำไรสุทธิราว 3,700ล้านบาท ซึ่งถือว่าอัตรากำไรราว 2% ซึ่งต่ำมาก หรือกำไรต่อลิตรต่ำเป็นสตางค์ไม่เต็มบาท เมื่อเทียบการทำธุรกิจทั่วไป เกณฑ์อัตรากำไร ราว 15-20% นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญ ที่บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ต่างชาติหลายเจ้าทยอยเลิกกิจการในไทยขายทิ้ง (จากนโยบายรัฐประชานิยมไทยกดดันแทรกแซงกลไกลตลาด)
ซึ่งราคาที่ขายหน้าปั้มถูกรัฐบวกค่าภาษีต่างๆเพียบ สรรพสามิต, Vat ภาษีมูลค่าเพิ่ม ,ภาษีอื่นๆ รัฐได้หลายบาทต่อลิตร ส่วนผู้ประกอบการเหลือกำไรสุทธิไม่เต็มบาท
Lifestyle ขายกาแฟคาเฟ่อเมซอนและของกินอื่นๆ ไตรมาสนี้ ยอดขายรายได้ ราว 5,700ล้านบาท กำไรสุทธิราว 1,100ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ ราว20%
( จะพบว่า ธุรกิจกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน จะมีอัตรากำไรที่ดีกว่ามาก )
Global ธุรกิจสาขาในต่างประเทศทั้งปั้มน้ำมันและกาแฟอเมซอนและร้านค้าขายของกิน ไตรมาสนี้ ยอดขายรายได้ราว 12,000ล้านบาท มีกำไรสุทธิราว400ล้านบาทหรือ อัตรากำไรราว 4% (ซึ่งอัตรากำไรก็ยังดีกว่าขายน้ำมันในประเทศไทยที่ราว2%)