คือเรื่องมันมีอยู่ว่าเราแต่งงานกับสามี มีลูกด้วยกัน 2 คน ซึ่ง แต่ก่อนสามีเคยแต่งงานมาแล้ว 1 ครั้งมีลูกติด 1 คนอยู่บ้านสามี
แล้วคือตอนนี้มีปัญหาการเงิน เลยมีแนวทางว่าจะย้ายไปอยู่บ้านของสามีที่มี แม่ พ่อ พี่ชาย ปู่ ย่า แล้วก็ลูกติดเขาอีก 1 คน
เพื่อประหยัดค่าบ้านและค่าใช้จ่ายหลายๆอย่าง ทางบ้านสามีสถานะทางบ้านค่อนข้างมีฐานะ ซึ่งต่างจากเรา จึงมีหลายปัจจัยที่ทำให้ไม่สะดวกในการย้ายไปอยู่บ้านเขา เช่น การเปรียบเทียบสถานะการเป็นอยู่ การศึกษา เปรียบเทียบการเลี้ยงดู เปรียบเทียบเด็ก
บอกได้เลยว่าการมาเป็นลูกสะใภ้ของบ้านนี้ไม่ค่อยมีคนยอมรับกันมากนัก เพราะท้องก่อนแต่งและไม่มีการงานและฐานะที่มั่นคง เป็นวัยรุ่น รุ่นใหม่ ไม่ค่อยลงรอยกับคนแก่หัวโบราณ
แล้วก็รู้สึกไม่ได้สบายใจที่จะย้ายไปอยู่ บ้านเขามีรูปครอบครัวทุกคนแม้กระทั่งเมียเก่าสามี ยังมีรูปติดกลางบ้าน ลูกสะใภ้ ลูกเขย ได้รับการให้เกียรติ มีรูปทุกคน ยกเว้นรูปเรากับรูปลูกๆเรา ซึ่งรูปพวกนั้นก็ยังตั้งแขวนมาจนถึงทุกวันนี้
แล้วเรื่องลูกเขา เหมือนกับเป็นเด็กไม่มีมารยาท ชอบเข้าออกห้องเราตลอดไปมาๆ เหมือนกับอยู่กับพ่อด้วยกันแค่สองคน จนเราไม่มีพื้นที่ส่วนตัว อึดอัดมากจะพูดมากก็ไม่ได้ เดี๋ยวผู้ใหญ่ก็จะมาบอกว่ากีดกันพ่อลูก แต่เข้าใจนะว่าคิดถึงพ่อ แต่ไม่มีขอบเขตเลย
ส่วนเรื่องบ้านบ้านเขาใหญ่โตมีเครื่องอำนวยความสะดวกทุกอย่าง แต่ติดที่ว่าไม่มีใครรักษาความสะอาดเลยสักคน เป็นบ้านที่สกปรกเลยก็ว่าได้ บ้านไม่เคยกวาด ถูกอย่างเดียวอาทิตย์ละ 2 ครั้ง คราบตู้เย็นมีแต่ขี้มือ ไปเที่ยวบ้านสามีเมื่อไหร่ท้องเสียตลอด รวมทั้งลูกเราด้วย
แล้วเราชอบโดนเปรียบเทียบว่าไม่รวย เรียนไม่จบ ดูคนนู้นสิ เขาเรียนจบนี่นะ เขาทำธุรกิจนี่นะ พูดอารมณ์เหมือนมาเกาะแดกลูกเขาไม่ทำอะไรเลย ตรงๆนะเลี้ยงลูก 2 คน เวลาเข้าห้องน้ำยังไม่มีเลยค่ะ ก็ได้แต่ยิ้มอ่อน แล้วพูดออกไปว่าได้ค่ะๆ ไม่เคยมีใครภูมิใจที่ได้เรามาเป็นสะใภ้ ไม่มีใครเอ่ยปาก ว่าเราเก่ง เราเหนื่อยมั้ย มีอะไรให้ช่วยมั้ย ไม่มีเลย ไปเอาอกเอาใจแต่ลูกเขยที่รวย
มีอยู่วันหนึ่งก็มีญาติเขานะเป็นน้องของแม่เขา มาบแกกับสามีเราว่า สามีเรานี่เลือกเมียไม่เป็นเลย เเต่ง 2 รอบ ก็ล้มเหลวได้เมียอะไรไม่รู้ 2 รอบเลย
นี่ฟังเเล้วควรรู้สึกยังไง
แล้วอีกอย่างชอบเปรียบเทียบลูกเรา ซึ่งเป็นอะไรที่เราไม่ชอบเอามากๆ มันยุคสมัยไหนแล้ว การเลี้ยงลูกแบบคนยุคใหม่หรือให้เด็กเรียนรู้เองไม่กดดันเด็กให้เด็กไปตามยุคตามวัย เราว่ามันดีกว่า แต่เเกก็จะมาชอบเปรียบเทียบให้ดูว่าลูกคนอื่นแบบนั้นแบบนี้
เลยคิดว่า ทุกวันนี้ค่านิยมที่ว่ามีห้องหอมีเรือนหอไว้ใช้ชีวิต จะมีทำซากอะไร
ผู้ใหญ่ชอบพูดให้ประหยัดนะประหยัด แต่เรามีค่าใช้จ่ายหลายทางมาก มันไม่เหมือนกับสมัยก่อน ตอนนี้ค่าครองชีพก็แพงเขาไม่ได้มองมาจุดๆนี้ เพราะเขาไม่ได้มีปัญหาทางการเงิน มีเงินเกษียณ บำนาญ มีทรัพย์สมบัติไว้ใช้ มีลูกเขยลูกสะใภ้ที่มีฐานะ
เลย งง ว่านี่เราผิดเหรอวะ
หรือเราอคติกับเขามากเกินไป
ไม่อยากไปอยู่เลยค่ะ ถ้าเลือกได้และมีทางอื่น
รู้สึกไม่มีพื้นที่ส่วนตัว ไม่มีพื้นที่ในการใช้ชีวิตครอบครัว พ่อ แม่ ลูก ที่สมบูรณ์แบบ ไม่อยากอยู่ภายใต้สายตาคนอื่นตลอดเวลา จองแต่จะจับผิดว่าเราทำอะไรอยู่ เที่ยวไหน กลับกี่โมง ตื่นกี่โมง
นี่เราก็โตจนมีลูกเเล้วป่านนี้ พ่อแม่เรายังไม่คาดคั้นขนาดนี้เลยค่ะ
คนเราเติบโตมาคนละสังคม คนละสถานะ ก็เข้าใจนะคะ บางทีก็รู้สึกอึดอัด ที่ต้องมีคนคอยคาดหวังอะไรจากเราตลอดเวลา
ไม่อยากไปอยู่บ้านสามีผิดมั้ยคะ
แล้วคือตอนนี้มีปัญหาการเงิน เลยมีแนวทางว่าจะย้ายไปอยู่บ้านของสามีที่มี แม่ พ่อ พี่ชาย ปู่ ย่า แล้วก็ลูกติดเขาอีก 1 คน
เพื่อประหยัดค่าบ้านและค่าใช้จ่ายหลายๆอย่าง ทางบ้านสามีสถานะทางบ้านค่อนข้างมีฐานะ ซึ่งต่างจากเรา จึงมีหลายปัจจัยที่ทำให้ไม่สะดวกในการย้ายไปอยู่บ้านเขา เช่น การเปรียบเทียบสถานะการเป็นอยู่ การศึกษา เปรียบเทียบการเลี้ยงดู เปรียบเทียบเด็ก
บอกได้เลยว่าการมาเป็นลูกสะใภ้ของบ้านนี้ไม่ค่อยมีคนยอมรับกันมากนัก เพราะท้องก่อนแต่งและไม่มีการงานและฐานะที่มั่นคง เป็นวัยรุ่น รุ่นใหม่ ไม่ค่อยลงรอยกับคนแก่หัวโบราณ
แล้วก็รู้สึกไม่ได้สบายใจที่จะย้ายไปอยู่ บ้านเขามีรูปครอบครัวทุกคนแม้กระทั่งเมียเก่าสามี ยังมีรูปติดกลางบ้าน ลูกสะใภ้ ลูกเขย ได้รับการให้เกียรติ มีรูปทุกคน ยกเว้นรูปเรากับรูปลูกๆเรา ซึ่งรูปพวกนั้นก็ยังตั้งแขวนมาจนถึงทุกวันนี้
แล้วเรื่องลูกเขา เหมือนกับเป็นเด็กไม่มีมารยาท ชอบเข้าออกห้องเราตลอดไปมาๆ เหมือนกับอยู่กับพ่อด้วยกันแค่สองคน จนเราไม่มีพื้นที่ส่วนตัว อึดอัดมากจะพูดมากก็ไม่ได้ เดี๋ยวผู้ใหญ่ก็จะมาบอกว่ากีดกันพ่อลูก แต่เข้าใจนะว่าคิดถึงพ่อ แต่ไม่มีขอบเขตเลย
ส่วนเรื่องบ้านบ้านเขาใหญ่โตมีเครื่องอำนวยความสะดวกทุกอย่าง แต่ติดที่ว่าไม่มีใครรักษาความสะอาดเลยสักคน เป็นบ้านที่สกปรกเลยก็ว่าได้ บ้านไม่เคยกวาด ถูกอย่างเดียวอาทิตย์ละ 2 ครั้ง คราบตู้เย็นมีแต่ขี้มือ ไปเที่ยวบ้านสามีเมื่อไหร่ท้องเสียตลอด รวมทั้งลูกเราด้วย
แล้วเราชอบโดนเปรียบเทียบว่าไม่รวย เรียนไม่จบ ดูคนนู้นสิ เขาเรียนจบนี่นะ เขาทำธุรกิจนี่นะ พูดอารมณ์เหมือนมาเกาะแดกลูกเขาไม่ทำอะไรเลย ตรงๆนะเลี้ยงลูก 2 คน เวลาเข้าห้องน้ำยังไม่มีเลยค่ะ ก็ได้แต่ยิ้มอ่อน แล้วพูดออกไปว่าได้ค่ะๆ ไม่เคยมีใครภูมิใจที่ได้เรามาเป็นสะใภ้ ไม่มีใครเอ่ยปาก ว่าเราเก่ง เราเหนื่อยมั้ย มีอะไรให้ช่วยมั้ย ไม่มีเลย ไปเอาอกเอาใจแต่ลูกเขยที่รวย
มีอยู่วันหนึ่งก็มีญาติเขานะเป็นน้องของแม่เขา มาบแกกับสามีเราว่า สามีเรานี่เลือกเมียไม่เป็นเลย เเต่ง 2 รอบ ก็ล้มเหลวได้เมียอะไรไม่รู้ 2 รอบเลย
นี่ฟังเเล้วควรรู้สึกยังไง
แล้วอีกอย่างชอบเปรียบเทียบลูกเรา ซึ่งเป็นอะไรที่เราไม่ชอบเอามากๆ มันยุคสมัยไหนแล้ว การเลี้ยงลูกแบบคนยุคใหม่หรือให้เด็กเรียนรู้เองไม่กดดันเด็กให้เด็กไปตามยุคตามวัย เราว่ามันดีกว่า แต่เเกก็จะมาชอบเปรียบเทียบให้ดูว่าลูกคนอื่นแบบนั้นแบบนี้
เลยคิดว่า ทุกวันนี้ค่านิยมที่ว่ามีห้องหอมีเรือนหอไว้ใช้ชีวิต จะมีทำซากอะไร
ผู้ใหญ่ชอบพูดให้ประหยัดนะประหยัด แต่เรามีค่าใช้จ่ายหลายทางมาก มันไม่เหมือนกับสมัยก่อน ตอนนี้ค่าครองชีพก็แพงเขาไม่ได้มองมาจุดๆนี้ เพราะเขาไม่ได้มีปัญหาทางการเงิน มีเงินเกษียณ บำนาญ มีทรัพย์สมบัติไว้ใช้ มีลูกเขยลูกสะใภ้ที่มีฐานะ
เลย งง ว่านี่เราผิดเหรอวะ
หรือเราอคติกับเขามากเกินไป
ไม่อยากไปอยู่เลยค่ะ ถ้าเลือกได้และมีทางอื่น
รู้สึกไม่มีพื้นที่ส่วนตัว ไม่มีพื้นที่ในการใช้ชีวิตครอบครัว พ่อ แม่ ลูก ที่สมบูรณ์แบบ ไม่อยากอยู่ภายใต้สายตาคนอื่นตลอดเวลา จองแต่จะจับผิดว่าเราทำอะไรอยู่ เที่ยวไหน กลับกี่โมง ตื่นกี่โมง
นี่เราก็โตจนมีลูกเเล้วป่านนี้ พ่อแม่เรายังไม่คาดคั้นขนาดนี้เลยค่ะ
คนเราเติบโตมาคนละสังคม คนละสถานะ ก็เข้าใจนะคะ บางทีก็รู้สึกอึดอัด ที่ต้องมีคนคอยคาดหวังอะไรจากเราตลอดเวลา