คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 93
แฟนเราพูดว่า "พ่อพี่ไม่ใช่คนหัวโบราณ งานกวาดเดี๋ยวเขาก็ปัดกวาดเช็ดถูให้ด้วยซ้ำ" เราตอบไปว่า "สมมุติวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ อยากนอนตื่นสายๆ สบายๆ แล้วถ้าน้องๆหลานๆพี่เขาทำเสียงดัง หรือพาใครมาบ้านวันหยุดล่ะ?" แฟนตอบ "เดี๋ยวพี่ก็จัดการมันเองแหละ เดี๋ยวพ่อก็ดุพวกมันไปเอง"
ซึ่งพอมองแล้วมันคงอาจจะมีโอกาสเกิดเหตุการ์ณแบบนี้ขึ้นได้จริงๆ เราพูดถึงเหตุผลเผื่อสิ่งที่เราจะเกิดขึ้น คำตอบของเขามันดูปัดความรับผิดชอบไหมคะ ให้เรื่องมันเกิดค่อยจัดการ แต่ความคิดเราคือไม่อยากให้เรื่องพวกนี้มาเป็นเรื่องที่เราให้มีความอึดอัดต่อกัน คือไม่ควรเอาใครเอามาเลยไม่ดีกว่าหรอ
ซึ่งพอมองแล้วมันคงอาจจะมีโอกาสเกิดเหตุการ์ณแบบนี้ขึ้นได้จริงๆ เราพูดถึงเหตุผลเผื่อสิ่งที่เราจะเกิดขึ้น คำตอบของเขามันดูปัดความรับผิดชอบไหมคะ ให้เรื่องมันเกิดค่อยจัดการ แต่ความคิดเราคือไม่อยากให้เรื่องพวกนี้มาเป็นเรื่องที่เราให้มีความอึดอัดต่อกัน คือไม่ควรเอาใครเอามาเลยไม่ดีกว่าหรอ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
เลิกได้ ก็เลิกค่ะ
ถ้าเลิกไม่ได้ ก็ต้องยอมแบบ ศิโรราบ ไปเลย
คุณมีทางเลือกแค่นั้นเองค่ะ
ผู้ชายคนนี้ ฝากผีฝากไข้ไม่ได้
ใช้วาจาร้ายกาจ เชือดเฉือนความรู้สึกคุณ เพียงแค่เพื่อ แก้แค้น ที่คุณไม่ยอมทำตามใจเค้า
ทั้งๆที่คุณบอกว่า คุณ sensitive กับคำพูดพวกนี้ เค้ากลับ ขึ้น -กู แล้วยิ่งสรรหาคำมาปาดมาเฉือนใจคุณไปอีก
เข้าใจว่าคุณรัก จึงเจ็บกับคำพูดเขา เขาก็ยิ่งพูด ยิ่งทำ
verbal abuse ค่ะ แบบนี้
ไม่ใช่ว่า เขาไม่ยอมเข้าใจความคิดคุณนะ
เขาน่ะเข้าใจได้ดีเลยล่ะ ว่าคุณกำลัง "รู้ทัน" และ "ไม่ยอมลงให้"
จึงได้อาละวาด เพื่อให้คุณยอม
ถ้าไม่ยอม เดี๋ยวไปคิดแผนมาใหม่
รอให้คุณซื้อบ้านก่อนเหอะ เดี๋ยวยกโขยงมานอนค้าง แล้วไม่กลับก็ได้ คืนบ้านเช่าไปเลย คุณอ่อนข้อให้ พวกเขามีแต่ได้อยู่แน่นอนอยู่แล้ว
บอกตรงๆนะ เลิกได้เลิก จริงๆ ทำใจเข้มแข็งไว้
ถ้าไม่เลิก จะอยู่แบบยันกันไปแบบนี้ เหมือนพายเรือรั่วๆ ก็ต้องคอยวิดน้ำออกตลอดเวลา ห้ามเมื่อย ห้ามขี้เกียจวิดน้ำค่ะ
แต่ ชีวิตคู่แบบที่คุณต้องใช้ไหวพริบตลอดเวลา แบบนั้น คุณมีความสุขจริงๆเหรอคะ ถามตัวเองค่ะ
ถ้าเลิกไม่ได้ ก็ต้องยอมแบบ ศิโรราบ ไปเลย
คุณมีทางเลือกแค่นั้นเองค่ะ
ผู้ชายคนนี้ ฝากผีฝากไข้ไม่ได้
ใช้วาจาร้ายกาจ เชือดเฉือนความรู้สึกคุณ เพียงแค่เพื่อ แก้แค้น ที่คุณไม่ยอมทำตามใจเค้า
ทั้งๆที่คุณบอกว่า คุณ sensitive กับคำพูดพวกนี้ เค้ากลับ ขึ้น -กู แล้วยิ่งสรรหาคำมาปาดมาเฉือนใจคุณไปอีก
เข้าใจว่าคุณรัก จึงเจ็บกับคำพูดเขา เขาก็ยิ่งพูด ยิ่งทำ
verbal abuse ค่ะ แบบนี้
ไม่ใช่ว่า เขาไม่ยอมเข้าใจความคิดคุณนะ
เขาน่ะเข้าใจได้ดีเลยล่ะ ว่าคุณกำลัง "รู้ทัน" และ "ไม่ยอมลงให้"
จึงได้อาละวาด เพื่อให้คุณยอม
ถ้าไม่ยอม เดี๋ยวไปคิดแผนมาใหม่
รอให้คุณซื้อบ้านก่อนเหอะ เดี๋ยวยกโขยงมานอนค้าง แล้วไม่กลับก็ได้ คืนบ้านเช่าไปเลย คุณอ่อนข้อให้ พวกเขามีแต่ได้อยู่แน่นอนอยู่แล้ว
บอกตรงๆนะ เลิกได้เลิก จริงๆ ทำใจเข้มแข็งไว้
ถ้าไม่เลิก จะอยู่แบบยันกันไปแบบนี้ เหมือนพายเรือรั่วๆ ก็ต้องคอยวิดน้ำออกตลอดเวลา ห้ามเมื่อย ห้ามขี้เกียจวิดน้ำค่ะ
แต่ ชีวิตคู่แบบที่คุณต้องใช้ไหวพริบตลอดเวลา แบบนั้น คุณมีความสุขจริงๆเหรอคะ ถามตัวเองค่ะ
ความคิดเห็นที่ 369
อ่านทุกเม้นแล้วจริงๆค่ะ และอยากบอกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแต่งเลย เราพูดตามความจริงๆล้วนๆไม่ได้แต่งเติมอะไรเลย
ขอบอกทุกคนเลยว่า เราไม่ใจอ่อนและไม่ยอมเด็ดขาดค่ะ เราไม่ยอมให้ตัวเองต้องไปอยู่กับคนหมู่มากแบบนั้นแน่นอน
จะว่าไงดีเรายังไม่ได้เตรียมใจเพื่อที่จะเลิก เรายังมองว่าเผื่อเขาจะคิดได้บ้าง ว่าไม่ควรนำทุกคนมาอยู่ แต่สุดท้ายก็ลูปเดิมค่ะ เราน่าจะไม่สามารถเปลี่ยนความคิดเขาได้
วันนี้กลับถึงห้องก็คือบรรยากาศเดิมค่ะ ตึงๆอึนๆ กินข้าวโต๊ะเดียวกัน แต่เหมือนนั่งกินข้าวคนเดียว ช่วง 2-3 ทุ่ม ต่างคนต่างนอนหันหลังให้กันเหมือนเดิม เราอึดอัดกับความรู้สึกตอนนี้ ได้แต่ถอนหายในซ้ำๆๆ จนทนไม่ไหว นอนร้องไห้จนผล็อยหลับไป
ประมาณเที่ยงคืนครึ่งที่ผ่านมา ตามประสาคนหลับ เรานอนพลิกตัวไปฝั่งแฟน เขาพูดขึ้นมาว่า “ขยับไปดิ เบียดจนจะตกเตียงอยู่แล้ว” ซึ่งคือมันไม่ได้เบียดอะไรเขาเลย ปกติแล้วเวลานอนเรา เราเป็นคนหลับยากตื่นง่าย จะชอบนอนขดกดหมอนข้าง ซึ่งเราก็นอนในฝั่งของเรา ดึกๆไปเราก็นอนก่ายกันเป็นปกติของทุกคน ไม่ได้รำคาญอะไรกัน พอว่าวันนี้เขาพูดแบบนี้ จากที่หลับๆคือต้องตื่นเลยค่ะ “ทำไมต้องพูดขนาดนั้น บอกดีๆก็ได้ไหม” ยิ่งฟังคำพูดแบบนี้ เรายิ่งหลับไม่ลงกว่าเดิม เราโมโหเลยไปนั่งในห้องน้ำเพราะไม่อยากอยู่ใกล้
เขาอัพสตอรี่ว่า ประมาณว่าจะรีเซ็ทชีวิตตัวเองนู่นนี่นั้น เราเลยออกจากห้องน้ำมาคุยเลยค่ะ
เราเอาความคิดเห็นที่ทุกคนบอกไปใช้เป็นเหตุผลให้เขาฟัง (ไม่ได้บอกว่าตั้งกระทู้นะคะ แค่เอาความเห็นที่ทุกคนบอกไปพูด)
สุดท้ายแล้วเขาบอกว่า เขาใช้ชีวิตกับคนที่อติกับครอบครัวเขาไม่ได้ ยังไม่ทันจะได้รู้นิสัยใจคออะไรของครอบครัวเขา แต่อติไปก่อน
เราเลยตอบไปว่า “นี่ไง*ชื่อเรา* ยังไม่รู้จักนิสัยของครอบครัวพี่เลย (แต่เคยได้ยินบ้างว่าน้องชายเขาเคยทำเรื่องไม่ดี เป็นหนี้เป็นสินกับคนที่ทำงานและหยิบยืมเงินใครอยู่บ่อยๆ ส่วนพ่อของเขาน่าจะทำธุรกิจเกี่ยวกับที่ดินมาก่อน แต่เหมือนโดนหลอกให้ลงทุน จนสุดท้ายต้องเสียบ้านไปเลยต้องเช่าอยู่ ที่บอกว่าลูกติดพ่ออีก 2 คน คือ พ่อของแฟนมีเมียใหม่ ซึ่งเมียใหม่อายุน้อยมีลูกติดมา 2 คน แต่ด้วยโรคภัยจึงทำให้เมียพ่อแฟนเสียชีวิต พ่อแฟนเลยต้องดูแลเด็ก 2 คนนี้)
เราก็บอกไปอีกว่า “ลองเช่าบ้านแล้วอยู่ก่อนไหมล่ะ ว่าเราจะสามารถอยู่ด้วยกันได้ทั้งหมดนี่จริงๆไหม” (เราพูดไปงั้นแหละค่ะ ไม่กล้า แถมกลัวด้วย)
แฟนตอบ “อยู่ไม่ได้หรอก ถ้ายังมีความคิดอคติแบบนี้” “แล้วถ้าสมมุติ พ่อแม่*ชื่อเรา* ลำบาก แล้วพี่บอกว่าไม่อยากให้อยู่ด้วย จะโอเคไหม“
เราตอบว่า ”*ชื่อเรา* จะไม่ให้พ่อแม่ลำบาก จะไม่ให้พ่อแม่มาก้าวกายอะไรในบ้านของเรา ถ้าป่วยก็คงเอามาดูแลที่บ้าน แตาถ้าหายก็ให้เขากลับบ้านไป ไม่มีความคิดที่จะให้เขาอยู่ถาวร"
แฟนตอบ “*ชื่อเรา* ไม่เคยลำบากนิ รักพี่แต่ไม่รักครอบครัวพี่ เราไปต่อกันไม่ได้หรอก ความคิดเห็นไม่ตรงกันขนาดนี้”
เราฟังแล้วเราก็เงียบไปพักนึง แล้วพูดไปว่า ”เรื่องนี้เราคุยกันไปรอบนึงแล้ว นึกว่าพี่จะเข้าใจตั้งแต่ตอนนั้น“
แฟนตอบมาอีก ”ก็ตอนนั้นพูดกัน นึกว่าจะสามารถพูดให้*ชื่อเรา*เข้าใจและเปลี่ยนใจได้“ เราเลยตอบไปว่า ”แล้วพี่ไม่เคารพความคิดกันบ้างเลยหรอ พี่เอาแต่ความคิดแต่ของตัวเอง พอ*ชื่อเรา*คิดอีกแบบ พี่ก็ไม่พอใจ มาประชดประชันกันอยู่แบบนี้ ขนาดพี่ยังไม่เปลี่ยนความคิดนั้นเลย แล้วทำไม*ชื่อเรา* ต้องยอมพี่ทุกอย่าง ทั้งๆที่บอกว่าไม่สะดวกใจ พี่ก็ยังจะทำให้มันเกิดขึ้นน่ะหรอ?”
แฟนหัวเราะ หึๆ แล้วพูดว่า “บอกครอบครัวกูด้วยความอคติ ไม่เห็นใจครอบครัวกูเลย เดี๋ยวจะไปจากที่นี่ ไปสร้างไปหาอะไรของกูเอง อดทนเอาอีกหน่อย มีแฟนก็กะว่าจะสร้างด้วยกัน แต่ในเมื่อมันเป็นงี้ก็ตามนั้น”
เราถามไปอีกว่า “แล้วถ้าวันนี้พี่ไม่มีแฟน ไม่มี*ชื่อเรา* มันจะเป็นแบบไหน” “พี่ทำงานสร้างบ้านให้ครอบครัวก็ได้นิ ส่วน*ชื่อเรา*จะซื้อบ้านในส่วนของเราก็ได้” แฟนตอบ “แล้วเราจะไปเป็นหนี้ 2 ทางทำไม ในเมื่อมันสามารถอยู่ร่วมกันได้ เป็นหนี้ก้อนเดียวไม่ดีกว่าหรอ” เราตอบกลับ “ก็คือพี่ไม่เข้าใจใช่ไหมว่า คำว่าไม่สะดวกใจที่จะอยู่แบบนั้น” แฟนตอบ “งั้นก็แยกย้าย เดี๋ยวกูไปของกูเอง”
เรา : “จะไปไหน?”
แฟน : “ทำไมต้องบอก”
เรา : “คนเป็นแฟนกัน ทำไมถึงต้องไม่บอก”
แฟน : “ยังคิดได้อยู่หรอว่ากูเป็นแฟน”
เรา : “เดี๋ยวนะ นี่ไปทำงานทุกเช้า เวลาถึงเวลากลับส่งข้อความทิ้งไว้ตลอด ส่วนพี่ 2-3 วันที่ผ่าน เห็นข้อความแล้วอ่านแต่ไม่ตอบ ซึ่งมันไม่ปกติ ปกติพี่จะตอบกลับทุกครั้ง แชท*ชื่อเรา*หนักขวาอยู่ข้างเดียว เหนื่อยงาน กลับห้องมาต้องมาเจอบรรยากาศแบบนี้อีก ไม่ไหวอะ”
แฟน : “งั้นก็เลิก แยกย้าย ตามนั้น จะไปอยู่ไป ทำอะไร หรือจะกลับบ้านไปอยู่กับพ่อแม่อะไรก็ตามแต่”
เรา : “พี่พูดเองนะ.. ได้...! อยากไปใช่ไหม *ชื่อเรา*อยู่คนเดียวได้ อยู่ไม่ได้ก็จะอยู่ให้ได้” (พูดไปนำตาอาบแก้มไป เสียใจมากจริงๆที่ได้ยินคำพูดพวกนี้พ่นออกมาจากปากแฟน
แล้วบทสนทนาก็จบ เราไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ หรือวันข้างหน้า เราจะเจ็บปวดใจแค่ไหน แต่ถึงเวลาแล้วแหละมั้งที่ต้องยอมรับ
ว่าเราไม่สามารถอยู่กับคน Toxic คนนี้ไปได้อีกแล้ว กลับห้องมาก เจอขวดน้ำที่ไม่ปิดฝา เจอถุงขนมปังที่เปิดปากไว้ เจอถุงขนมที่กินแล้วไม่ยอมทิ้ง พอเราพูดว่าทำไมกินแล้วไม่เก็บ กินแล้วทำไมไม่ทิ้ง แฟนกลับถอนหายใจ ว่าเราบ่น
มันถึงเวลาแล้วจริงๆ เจ็บให้มันจบจริงๆค่ะ ต้องเริ่มชีวิตใหม่แล้วจริงๆ เรายังอายุไม่เยอะค่ะ หน้าตาก็ไม่ได้แย่อย่างที่คอมเม้นบอกว่าเราไม่มีทางเลือก
แฟนคนนี้เป็นแฟนคนแรก และเป็นคนแรกที่เราเริ่มทำอะไรหลายๆอย่างด้วย เปิดใจกับคนนี้เป็นครั้งแรก เลยไม่อยากลองเริ่มอะไรใหม่กับใคร รู้ค่ะว่ามันเริ่มใหม่ได้ แต่เราไม่อยากหาใหม่ เราคิดว่าแฟนจะสามารถปรับตัว ปรับทัศนคติเข้ากันได้ แต่สุดท้ายไม่เป็นแบบที่คิด
แฟนบอกว่า ”กูเปลี่ยนไม่ได้หรอก กูก็เป็นของกูแบบนี้แหละ“ คำพูดนี้มันทำให้เรารู้เลยว่า คนๆนี้เปลี่ยนแปลงอะไรเพื่อกันและกันไม่ได้จริงๆ
ขอบคุณทุกคน ทุกกำลังใจมากๆเลยนะคะ ต่อไปนี้คงจะตั้งใจทำงาน หาเงิน รักตัวเองให้มากขึ้น อยู่คนเดียวก็คงเหงาๆ แต่คงไม่ตายหรอกมั่งคะ 🥹
ขอบอกทุกคนเลยว่า เราไม่ใจอ่อนและไม่ยอมเด็ดขาดค่ะ เราไม่ยอมให้ตัวเองต้องไปอยู่กับคนหมู่มากแบบนั้นแน่นอน
จะว่าไงดีเรายังไม่ได้เตรียมใจเพื่อที่จะเลิก เรายังมองว่าเผื่อเขาจะคิดได้บ้าง ว่าไม่ควรนำทุกคนมาอยู่ แต่สุดท้ายก็ลูปเดิมค่ะ เราน่าจะไม่สามารถเปลี่ยนความคิดเขาได้
วันนี้กลับถึงห้องก็คือบรรยากาศเดิมค่ะ ตึงๆอึนๆ กินข้าวโต๊ะเดียวกัน แต่เหมือนนั่งกินข้าวคนเดียว ช่วง 2-3 ทุ่ม ต่างคนต่างนอนหันหลังให้กันเหมือนเดิม เราอึดอัดกับความรู้สึกตอนนี้ ได้แต่ถอนหายในซ้ำๆๆ จนทนไม่ไหว นอนร้องไห้จนผล็อยหลับไป
ประมาณเที่ยงคืนครึ่งที่ผ่านมา ตามประสาคนหลับ เรานอนพลิกตัวไปฝั่งแฟน เขาพูดขึ้นมาว่า “ขยับไปดิ เบียดจนจะตกเตียงอยู่แล้ว” ซึ่งคือมันไม่ได้เบียดอะไรเขาเลย ปกติแล้วเวลานอนเรา เราเป็นคนหลับยากตื่นง่าย จะชอบนอนขดกดหมอนข้าง ซึ่งเราก็นอนในฝั่งของเรา ดึกๆไปเราก็นอนก่ายกันเป็นปกติของทุกคน ไม่ได้รำคาญอะไรกัน พอว่าวันนี้เขาพูดแบบนี้ จากที่หลับๆคือต้องตื่นเลยค่ะ “ทำไมต้องพูดขนาดนั้น บอกดีๆก็ได้ไหม” ยิ่งฟังคำพูดแบบนี้ เรายิ่งหลับไม่ลงกว่าเดิม เราโมโหเลยไปนั่งในห้องน้ำเพราะไม่อยากอยู่ใกล้
เขาอัพสตอรี่ว่า ประมาณว่าจะรีเซ็ทชีวิตตัวเองนู่นนี่นั้น เราเลยออกจากห้องน้ำมาคุยเลยค่ะ
เราเอาความคิดเห็นที่ทุกคนบอกไปใช้เป็นเหตุผลให้เขาฟัง (ไม่ได้บอกว่าตั้งกระทู้นะคะ แค่เอาความเห็นที่ทุกคนบอกไปพูด)
สุดท้ายแล้วเขาบอกว่า เขาใช้ชีวิตกับคนที่อติกับครอบครัวเขาไม่ได้ ยังไม่ทันจะได้รู้นิสัยใจคออะไรของครอบครัวเขา แต่อติไปก่อน
เราเลยตอบไปว่า “นี่ไง*ชื่อเรา* ยังไม่รู้จักนิสัยของครอบครัวพี่เลย (แต่เคยได้ยินบ้างว่าน้องชายเขาเคยทำเรื่องไม่ดี เป็นหนี้เป็นสินกับคนที่ทำงานและหยิบยืมเงินใครอยู่บ่อยๆ ส่วนพ่อของเขาน่าจะทำธุรกิจเกี่ยวกับที่ดินมาก่อน แต่เหมือนโดนหลอกให้ลงทุน จนสุดท้ายต้องเสียบ้านไปเลยต้องเช่าอยู่ ที่บอกว่าลูกติดพ่ออีก 2 คน คือ พ่อของแฟนมีเมียใหม่ ซึ่งเมียใหม่อายุน้อยมีลูกติดมา 2 คน แต่ด้วยโรคภัยจึงทำให้เมียพ่อแฟนเสียชีวิต พ่อแฟนเลยต้องดูแลเด็ก 2 คนนี้)
เราก็บอกไปอีกว่า “ลองเช่าบ้านแล้วอยู่ก่อนไหมล่ะ ว่าเราจะสามารถอยู่ด้วยกันได้ทั้งหมดนี่จริงๆไหม” (เราพูดไปงั้นแหละค่ะ ไม่กล้า แถมกลัวด้วย)
แฟนตอบ “อยู่ไม่ได้หรอก ถ้ายังมีความคิดอคติแบบนี้” “แล้วถ้าสมมุติ พ่อแม่*ชื่อเรา* ลำบาก แล้วพี่บอกว่าไม่อยากให้อยู่ด้วย จะโอเคไหม“
เราตอบว่า ”*ชื่อเรา* จะไม่ให้พ่อแม่ลำบาก จะไม่ให้พ่อแม่มาก้าวกายอะไรในบ้านของเรา ถ้าป่วยก็คงเอามาดูแลที่บ้าน แตาถ้าหายก็ให้เขากลับบ้านไป ไม่มีความคิดที่จะให้เขาอยู่ถาวร"
แฟนตอบ “*ชื่อเรา* ไม่เคยลำบากนิ รักพี่แต่ไม่รักครอบครัวพี่ เราไปต่อกันไม่ได้หรอก ความคิดเห็นไม่ตรงกันขนาดนี้”
เราฟังแล้วเราก็เงียบไปพักนึง แล้วพูดไปว่า ”เรื่องนี้เราคุยกันไปรอบนึงแล้ว นึกว่าพี่จะเข้าใจตั้งแต่ตอนนั้น“
แฟนตอบมาอีก ”ก็ตอนนั้นพูดกัน นึกว่าจะสามารถพูดให้*ชื่อเรา*เข้าใจและเปลี่ยนใจได้“ เราเลยตอบไปว่า ”แล้วพี่ไม่เคารพความคิดกันบ้างเลยหรอ พี่เอาแต่ความคิดแต่ของตัวเอง พอ*ชื่อเรา*คิดอีกแบบ พี่ก็ไม่พอใจ มาประชดประชันกันอยู่แบบนี้ ขนาดพี่ยังไม่เปลี่ยนความคิดนั้นเลย แล้วทำไม*ชื่อเรา* ต้องยอมพี่ทุกอย่าง ทั้งๆที่บอกว่าไม่สะดวกใจ พี่ก็ยังจะทำให้มันเกิดขึ้นน่ะหรอ?”
แฟนหัวเราะ หึๆ แล้วพูดว่า “บอกครอบครัวกูด้วยความอคติ ไม่เห็นใจครอบครัวกูเลย เดี๋ยวจะไปจากที่นี่ ไปสร้างไปหาอะไรของกูเอง อดทนเอาอีกหน่อย มีแฟนก็กะว่าจะสร้างด้วยกัน แต่ในเมื่อมันเป็นงี้ก็ตามนั้น”
เราถามไปอีกว่า “แล้วถ้าวันนี้พี่ไม่มีแฟน ไม่มี*ชื่อเรา* มันจะเป็นแบบไหน” “พี่ทำงานสร้างบ้านให้ครอบครัวก็ได้นิ ส่วน*ชื่อเรา*จะซื้อบ้านในส่วนของเราก็ได้” แฟนตอบ “แล้วเราจะไปเป็นหนี้ 2 ทางทำไม ในเมื่อมันสามารถอยู่ร่วมกันได้ เป็นหนี้ก้อนเดียวไม่ดีกว่าหรอ” เราตอบกลับ “ก็คือพี่ไม่เข้าใจใช่ไหมว่า คำว่าไม่สะดวกใจที่จะอยู่แบบนั้น” แฟนตอบ “งั้นก็แยกย้าย เดี๋ยวกูไปของกูเอง”
เรา : “จะไปไหน?”
แฟน : “ทำไมต้องบอก”
เรา : “คนเป็นแฟนกัน ทำไมถึงต้องไม่บอก”
แฟน : “ยังคิดได้อยู่หรอว่ากูเป็นแฟน”
เรา : “เดี๋ยวนะ นี่ไปทำงานทุกเช้า เวลาถึงเวลากลับส่งข้อความทิ้งไว้ตลอด ส่วนพี่ 2-3 วันที่ผ่าน เห็นข้อความแล้วอ่านแต่ไม่ตอบ ซึ่งมันไม่ปกติ ปกติพี่จะตอบกลับทุกครั้ง แชท*ชื่อเรา*หนักขวาอยู่ข้างเดียว เหนื่อยงาน กลับห้องมาต้องมาเจอบรรยากาศแบบนี้อีก ไม่ไหวอะ”
แฟน : “งั้นก็เลิก แยกย้าย ตามนั้น จะไปอยู่ไป ทำอะไร หรือจะกลับบ้านไปอยู่กับพ่อแม่อะไรก็ตามแต่”
เรา : “พี่พูดเองนะ.. ได้...! อยากไปใช่ไหม *ชื่อเรา*อยู่คนเดียวได้ อยู่ไม่ได้ก็จะอยู่ให้ได้” (พูดไปนำตาอาบแก้มไป เสียใจมากจริงๆที่ได้ยินคำพูดพวกนี้พ่นออกมาจากปากแฟน
แล้วบทสนทนาก็จบ เราไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ หรือวันข้างหน้า เราจะเจ็บปวดใจแค่ไหน แต่ถึงเวลาแล้วแหละมั้งที่ต้องยอมรับ
ว่าเราไม่สามารถอยู่กับคน Toxic คนนี้ไปได้อีกแล้ว กลับห้องมาก เจอขวดน้ำที่ไม่ปิดฝา เจอถุงขนมปังที่เปิดปากไว้ เจอถุงขนมที่กินแล้วไม่ยอมทิ้ง พอเราพูดว่าทำไมกินแล้วไม่เก็บ กินแล้วทำไมไม่ทิ้ง แฟนกลับถอนหายใจ ว่าเราบ่น
มันถึงเวลาแล้วจริงๆ เจ็บให้มันจบจริงๆค่ะ ต้องเริ่มชีวิตใหม่แล้วจริงๆ เรายังอายุไม่เยอะค่ะ หน้าตาก็ไม่ได้แย่อย่างที่คอมเม้นบอกว่าเราไม่มีทางเลือก
แฟนคนนี้เป็นแฟนคนแรก และเป็นคนแรกที่เราเริ่มทำอะไรหลายๆอย่างด้วย เปิดใจกับคนนี้เป็นครั้งแรก เลยไม่อยากลองเริ่มอะไรใหม่กับใคร รู้ค่ะว่ามันเริ่มใหม่ได้ แต่เราไม่อยากหาใหม่ เราคิดว่าแฟนจะสามารถปรับตัว ปรับทัศนคติเข้ากันได้ แต่สุดท้ายไม่เป็นแบบที่คิด
แฟนบอกว่า ”กูเปลี่ยนไม่ได้หรอก กูก็เป็นของกูแบบนี้แหละ“ คำพูดนี้มันทำให้เรารู้เลยว่า คนๆนี้เปลี่ยนแปลงอะไรเพื่อกันและกันไม่ได้จริงๆ
ขอบคุณทุกคน ทุกกำลังใจมากๆเลยนะคะ ต่อไปนี้คงจะตั้งใจทำงาน หาเงิน รักตัวเองให้มากขึ้น อยู่คนเดียวก็คงเหงาๆ แต่คงไม่ตายหรอกมั่งคะ 🥹
ความคิดเห็นที่ 7
อย่าซื้อครับ ถ้ายังหาตรงกลางไม่ได้ อีกอย่างฝ่ายชายไม่มีความเป็นผู้นำเลยที่อ้างว่ามีแฟนก็อยากจะพึ่งแฟน นี่ไม่ใช่ความคิดของผู้นำครอบครัวที่ดี ข้อเรียกร้องของเค้ามันเกิดประโยชน์ต่อฝั่งของเค้าโดยตรง ผมเข้าใจละว่าเค้าต้องการให้ครอบครัวเค้าสุขสบายขึ้น แต่ถ้าเค้ามีเหตุผลพอและหาตรงกลางที่ทั้ง2ฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกันมันดีที่สุด ผมคิดว่าวิธีที่ดีที่สุดก็อย่างที่คุณคิด คือสร้างบ้านให้พ่อและครอบครัวเขาได้อยู่เป็นหลักแหล่งก่อน แล้วค่อยมาคิดซื้อบ้านของตัวเอง ถึงจะจบปัญหานี้ได้ แต่ถ้าเค้ายังงอแง คุณต้องคิดแล้วแหละครับว่าถ้าแต่งงานใช้ชีวิตร่วมกัน เวลามีปัญหาหรือเรื่องที่โหญ่กว่านี้เข้ามาผู้ชายคนนี้จะมีสติและมีความเป็นผู้นำครอบครัวในการแก้ปัญหาหรือเปล่าและคุณยอมรับได้หรือเปล่านะครับ ทุกปัญหามีทางออกถ้าคุณกันด้วยสติและมีเหตุมีผล😊
แสดงความคิดเห็น
ตั้งใจจะซื้อบ้านอยู่กับแฟนแค่ 2 คน แต่แฟนอยากให้น้องชาย พ่อและลูกติดของพ่อแฟนอีก 2 คนมาอยู่ด้วย
เรื่องการซื้อบ้านเราเคยคุยกันเมื่อปีที่แล้วไปแล้ว 1 รอบ เนื่องจากครอบครัวของแฟนเราปัจจุบันเช่าบ้านอยู่ แฟนเราบอกว่าอยากให้ครอบครัวเขามาอยู่ด้วย อยากให้พ่อและน้องๆเขาได้กินอาหารฝีมือเรา พอฟังแล้วเราก็นิ่ง ไม่รู้ว่าควรตอบแบบไหนถึงจะถนอมน้ำใจแฟนได้มากที่สุด ด้วยความที่เราค่อนข้างที่จะเป็นคนรักความสงบ ชอบความเป็นส่วนตัวมาก ตอนนั้นเราเลยบอกแฟนไปตรงๆว่า ขึ้นชื่อว่าเป็นบ้านของเรา 2 คน ก็อยากให้มีแค่เรา
ส่วนครอบครัวของกันและกัน ไว้เราค่อยไปเยี่ยมบ้าง หรือไว้ให้พ่อแม่ของกันและกะนมาเยี่ยม มาค้างที่บ้านเราดีกว่าไหม
พร้อมบอกเหตุผลว่า ถ้าสมมุติทุกคนจะมาอยู่ เผื่อน้องชายแฟนเขามีแฟน พาแฟนมาที่บ้าน หรือ ลูกติดพ่อเขาอีก(อายุประมาณ 15-16) มีแฟน ลูกติดพ่อแฟนอีกคนอายุ 6-7 ขวบ ชอบเล่นเสียงดังตั้งแต่เช้า จนเย็น จนดึก เรากังวลเรื่องพวกนี้เลยบอกแฟนไป การคุยกันเรื่องบ้านครั้งแรกก็หยุดไป
วันนี้เรามีการปรึกษาหารือกันเรื่องบ้านอีกครั้ง ย้อนกลับมาที่หัวข้อเลย คุยกันเรื่องกู้บ้านจริงจังกันอีกรอบเขาก็ย้อนไปที่ประโยคเดิมว่าจะเอาพ่อเอาน้องเอาหลานมาอยู่ด้วย เราเลยพูดไปว่าเราสร้างบ้านให้พ่อดีกว่าไหม ไว้เราค่อยไปเที่ยวเล่นกับพ่อบ่อยๆ เราก็จะได้มีพื้นที่ส่วนตัวสำหรับเราสองคน อยากจะทำอะไรในบ้านเราก็ได้ แฟนก็บอกว่าเราไม่เข้าใจ ไม่สงสารพ่อเขาที่ต้องเช่าบ้านอยู่ เพราะชีวิตเรามีบ้านเป็นของตัวเอง ชีวิตเราไม่เคยลำบาก ไม่เข้าใจความรู้สึกเขา
เราเลยบอกว่าไม่ใช่ไม่เข้าใจนะ เข้าใจ แต่ก็อยากให้บ้านที่เราจะใช้ชีวิตอยู่มันเป็นพื้นที่ส่วนตัว ไม่สะดวกใจที่จะใช้ชีวิตร่วมกับคนหมู่มาก (บ้านเกิดแท้ๆของเรา ข้างบ้านเป็นญาติๆหมด แม้แต่แค่เราเดินไปกินข้าวบ้านย่าแล้วมีญาติรวมกันเยอะๆเราก็อยู่ได้ไม่นาน ต้องปลีกตัวกลับบ้านก่อนเพราะอึดอัด)
เราเลยลองถามกลับไปว่า แล้วถ้ากลับกันถ้าเราจะเอาพ่อกับแม่มาอยู่ด้วย แฟนเราจะโอเคไหม เขาตอบ ได้! ทั้งๆที่เราก็รู้คำตอบว่าเขาไม่โอเคหรอก เขาก็คงอึดอัดกับพ่อแม่เราเหมือนกัน
บรรยากาศเงียบไปพักนึง เราเลยพูดขึ้นไปว่า "พี่*ชื่อแฟน*คิดว่าไง ที่*ชื่อเรา*มีความคิดแบบนี้ ดูเป็นคนเห็นแก่ตัวหรือใจแคบไหม"
แฟนตอบ "....ไม่หรอก บ้าน*ชื่อเรา*เนอะ พี่จะไปอะไรได้ ในเมื่อไม่สะดวกใจจะให้ครอบครัวพี่อยู่ด้วย" ซึ่งประโยคแบบนี้ฟังแล้วรู้สึกยังไงกันบ้างคะ
เรารู้สึกไม่โอเคหน่อยๆที่ได้ยินแบบนี้ ไม่รู้ว่าได้อารมณ์ที่คุยกันก่อนหน้านี้หรือเปล่า รู้สึกอ่อนไหวกับประโยคนี้มาก ที่เราบอกเหตุผลหลายๆข้อไป นึกว่าแฟนจะมองในมุมของคน 2 คน ว่าควรจะมีพื้นที่ส่วนตัวหรือมุมมองอื่นๆที่พยายามจะมอง
แต่แฟนลุกขึ้นจากเตียงแล้วพูดประมาณว่า "มีแฟน ก็หวังจะพึ่งใบบุญแฟน แต่จะทำไงได้ เดี๋ยวสร้างของกูเองก็ได้วะ ต่างคนต่างซื้อ ต่างคนต่างอยู่"
เราอ่อนไหวกับคำพูดเชิงประชดนี้หนักกว่าเดิม (แฟนบอกไม่ได้ประชด หรือเราอ่อนไหวกับประโยคนี้ไปเองว่าคือการประชด?)
เราเลยพูดว่าทำไมต้องพูดแบบนั้น ลองมองในมุมของเราบ้างหรือยัง แฟนตอบ "*ชื่อเรา*ไม่เข้าใจหรอก ไม่สงสารครอบครัวพี่ที่ต้องอยู่บ้านเช่า ที่ต้องลำบาก ก็อยากให้เขามาอยู่สบายๆไม่ต้องมาคอยจ่ายค่าเช่าบ้าน"
เราตอบไปว่า "ถึงบอกว่าอยากสร้างบ้านให้ครอบครัวพี่สักหลัง ส่วนบ้านของเราก็คือบ้านของเราไง" แฟนตอบมาอีก "ช่างเถอะ จะไม่คุยเรื่องนี้อีกแล้ว ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างซื้อ เดี๋ยวกูหาทางของกูเอง ดิ้นรนของกูเอง
สุดท้าย คืนนี้เราต้องจมอยู่กับความรู้สึกหน่วงๆนี้ โดยที่ข่มตานอนแล้วก็ไม่สามารถนอนหลับได้ เพราะไม่สบายใจเลย
มันเป็นความรู้สึกหนักใจ เรามีความคิดแบบนี้ แฟนมีความคิดแบบนั้น ลองมองในมุมแฟนดูก็เห็นใจ แต่ลองคิดภาพเราไปหาพ่อแฟนได้ ไปทำอาหารให้กินบ่อยๆได้ แบบนั้นจะสะดวกใจมากกว่า การที่จะให้ทุกคนมาอยู่ในบ้านแบบถาวร ความอึดอัด ความไม่สะดวกใจของเรามันจะมากมายขนาดไหนเชียว แล้วมันต้องเป็นไปอย่างนั้นอีกกี่ปี..
*อัพเดต1 ความเห็น 349*
*อัพเดต2 ความเห็น 369*
*อัพเดต3 ความเห็น 474*