สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 16
คุณพยายามสอน โดยการไม่สอนจริงจังแหละ มันขาดเนื้อ แล้วเล่าโคตรเยอะเลยครับ คนไทยไม่อ่านแบบเราแน่ เพราะเราอ่านแบบแปปเดียวแล้ว skip ข้ามช่วงอวดไปเลย
สรุปคือ ก็แค่หาเงินมาโปะ หาเงินมาโปะ สรุปมันเป็นเทคนิคใช่ไหม?? แบบว้าวมีแผนลึกลับ ไม่เลยครับ
กลับกันรู้สึกว่า อะไรพวกนี้ มีให้อ่านเยอะแล้วหนะครับ มันก็คือทางเดียวที่คนมีตังทำได้เท่านั้นแหละครับ คนทีเล่นสเปซของเงินเดือนเท่านั้น ถึงจะทำเงื่อนไข 5-10 ปีได้เท่านั้น
แต่คนส่วนใหญ่ทำได้หรอ?? ผมตอบเลย ไม่ครับ คุณมาเสนอไอเดียสุดแสนจะง่าย แต่มันแค่าสำหรับตัวคุณที่มีสถานะการเงินอีกแบบหนึ่ง
แต่ทุกคนแม้มติดกับดัก เพราะเชื่อครับว่ามันเวริค ไม่ควรผ่อนอะไรเกิน 50% ทั้งนั้นครับ แล้วมันไม่รู้เลยด้วยว่า มันคือกับดักครับ
เวลาผมจะสอนจะอธิบายยาวจัดเลยว่าทำไม อย่าเชื่อแนวคิดแบบนี้
1. การโปะแบบบ้าคลั่ง ทำให้การเงินหรือสถานะของเงินสดฉุกเฉิน มันนิ่งครับ หมายความว่าถ้าคุณรถชนขึ้นมา 1 ครั้งแต่ มีเงินติดบัญชีแค่ 1 แสน นี่หมายถึง การเอาชีวิตไปทิ้งกับความเสี่ยงในการขาดเงินหมุนเวียนมาใช้ฉุกเฉิน แล้วทำไงหละ ถ้าไม่โชคดีจริงจากที่ผมอ่านนี่ ก็ถือว่าดวงเฮงอยู่นะครับที่ไม่เจออะไรสาหัสมากจริงๆ ถึงต้องควักเงิน 6 หลักออกไปใช้ก่อน
2. เงินสดหายาก เงินผ่อนหาง่าย และ เงินผ่อนมีสเปซให้เล่นกับเวลา ในกรณีที่ช็อตหรือด่วน
หลักการนี้ถูกนำมาใช้เพื่ออะไร ก็เพื่อตอนเราช็อต เราสามารถพักงวดเพื่อนำเงินหรือจ่ายขั้นต่ำ แบบจำยอมอะครับก็ยอมกันได้ เอาเงินสดในอนาคตมาใช้ก่อนก็ได้นะ มีด้วยซ้ำ อยากให้กู้รีโนเวทจังเลยวงเงิน 2 แสน เอาเงินตรงนั้นมาก็ได้นะ หรือ จะใช้เงินเดือนนั้น แล้ว เอาเงินสดจากบัตรอื่นมาหมุน
มันมีเทคนิคพอแก้เฉพาะทางไปได้ แต่ไม่ควรสะสมหนี้หลายทาง ถ้าไม่จำเป็นอย่าใช้ เพราะมันทำให้ติดหนี้เพิ่ม แต่มันทำให้เรายืดลมหายไปอัก 3 เดือนอย่างต่ำ
เช่น เอาเงินเดือนทั้งหมดไปยัดหนี้ที่กำลังจี้ตัว แล้วยอมกินข้าวแบบประหยัดแบบตัดผ่านบัตรเครดิตไปก่อน แล้วค่อยกู้สถานะการ์ณเงินปิดยอดบัตรอย่าให้พอกหางหมู อะไรทำนองนี้ คอนเซ็บของการใช้เงินอนาคตให้เป็นแล้วเกิดประโยชน์ แต่คนดันทำไม่ได้อีก เงินมันหอมแล้วท้องมันหิว บัตรบางใบจ่าย lotus/top ได้ มาม่าไข่วนไปสักเดือน ก็กู้วิกฤตได้แค่ต้องอดทนมาก
3. หลักการนี้ใช้ไม่ได้กับทุกระดับเงินเดือนครับ รวมถึงการขยันโปะด้วย โดยเฉพาะ การผ่อนหนี้ไม่เกิน 50 % ใช้ได้แค่คนเงินเดือนสูงกว่า 40K เท่านั้นด้วย
เพราะอะไรหละ คนเราไม่ฉลาดคิดเยอะครับ บางคนคิดว่าเอ้ยใช้เงินเดือน
25K เลยนะเว้ย ผ่อนคอนโด 12.5K เลยนะเว้ย มันแค่ 50% แปลว่าเราไม่ติดกับดักหรอกเว้ย
โง่สิ้นดี การเสียเงินไปแล้ว 12.5K แล้วเหลือกินใช้ 12.5K บาท พอจะมีชีวิตรอดหรอครับถามจริง?? มันทำแบบคุณได้หรอ 5 ปีหมด เอาเงินไหนมาโปะ เสกก็เงินไม่ออกนะครับจริงปะ
นี่แหละครับ กับดักอันเท่าบ้าน ชิหายแล้ว เงินเร่งไม่มี เงินพอกินก็ไม่ได้ เงินเก็บไม่ต้องถามก็เพราะมันไม่พอกิน เป็นไงกฎ 50% เน่าเป็นหมาขายโดนยึดไปสิ
ต้น 5 บาทดอกเบี้ย 9995 เอาไปกิน นี่แหละครับสิ่งที่คนไทยถึงจะมีหนี้แค่ 2 หรือ 4 ล้าน ก็ทำชีวิตพังแบบแหลกเหลว
ก็มันไม่มี space ของเงินเดือนไง แล้วผมบอกมาตั้งแต่ข้อ 1 แล้วว่า ถ้าไม่มีเงินเก็บฉุกเฉิน ทำยังไง
การลงทุนจะสอนให้เรารู้จักหน้าที่ของเงิน แล้วการดองเงินเป็นผักหลักคลึ่งล้านเพื่ออะไร ไมใช่เพื่อทุ่มทุนมาโปะครับ แต่เพื่อรักษาสถานะการเงินไม่ให้เกิดวิกฤตนั่นเอง
ในกรณีเร่งด่วน เงินจะมีสำรองแล้วจ่ายออกไปโดยที่ทำให้ การชำระหนี้ยังอยู่ในระดับปกติ ถ้ามั่นใจว่าเร่งได้ ให้เร่ง ไม่มั่นใจ อย่ามั่นว่าโปะแล้วจะรอดครับ อะไรก็เกิดขึ้นได้ถ้าแผนไม่ดี โปะเงินจนหมดอาจจะต้องใช้เงินด่วนหลังโปะก็ได้
แล้วทำไมผมถึงบอกอย่างมั่นหน้ามั่นใจว่า 40K เท่านั้น มันเป็นหลักการคิดเลขที่ผิดมา แล้วพวกไลฟ์โค้ชชอบสอนครับ
จริงๆ แล้วตัวเลขต้องแบ่งเป็น 3 ส่วน ก่อนนำมาคิด 30 40 50 %
1. เงินขั้นต่ำในการครองชีพขั้นต่ำ
2. เงินสำหรับการผ่อนติดหนี้
3. เงินเก็บ buffer สำหรับการโปะหนี้ และ สร้างเงินฉุกเฉิน
แล้วตัวเลขนี้ต้องคิดแยกแบบ 20K มันเป็นค่ากินใช้จ่ายบริโภคขั้นต่ำครับ นี่ให้ป๋ามากเลยนะ แล้วมันเป็นตัวเลข fixed หรือ รายจ่ายคงที่
9K ถ้ากินเฉลี่ยวันละ 300 ตามค่าแรงขั้นต่ำ บุฟเฟ่ต์ ขนมนมเนย
3K คือ น้ำ ไฟ เน็ต มือถือ เน็ตฟิก
2K เดินทางไปทำงาน น้ำมัน
5K buffer shopping เที่ยว ควรให้รางวัลชีวิตได้มีแรงใจผ่อนหนี้ครับ
10K ส่วนแรก ก็ผ่อนบ้าน ไม่มีอะไร
10K ส่วนที่ 2 ก็คือเงินโปะหรือเงินเก็บฉุกเฉินครับ ตรงนี้เราลดให้ได้เหลือ 5K แต่มันก็ต่างไม่ได้เยอะแยะแหละ ก็แค่เก็บเงินช้า หรืออาจจะโดนธนาคารจับให้ผ่อนเดือนละ 15K ก็นั่งร้องไห้ไร้เงินเก็บแล้วหละ ผมถึงให้มันเป็น 10K หรือ 1 เท่าของยอดผ่อนขั้นต่ำที่เป็นไปได้
แล้วจะรู้เลยว่ามันเป็นแค่ 30K 10K มันจะอยู่แค่ 30-40% เท่านั้น ห้ามเกินเด็ดขาด เพราะต่อให้เราบอกว่า 30K ก็ได้ปะลดรายจ่ายเอา
ถ้ากินใช้จ่ายฟุ่มเฟือยไป 20K มันก็เหมือนผ่อนต่อเดือนไป 10K อย่างเดียวปะ ไหนหละเงินโปะ มโนแล้วมีแต่อดอยากปากแห้งลดเงิน 20K แล้วครับ กินใช้ 15K ก็อดเที่ยวตลอด 10 ปีไง??
นี่แหละครับ 3 กฎเหล็กของการติดหนี้ด้วยเงื่อนไข ที่ทำให้ติดหนี้ไม่เกิน 10 ปี แล้วคนไทยตายตั้งแต่ เงินเดือนไม่ถึง 40K แต่ติดหนี้ 50% แล้วครับ
แล้วพอไม่มีเงินสดเป็นยังไง?? รีไฟแนนซ์เอาเงินจากไหนจาก 1 % ถ้าเงินเก็บไม่มี รีเทนชั่นดอกลดแต่ก็ติดสัญญาไปอีก นี่แหละทำไมเราถึงต้องไม่ผ่อนอะไร 50% แต่ควรทำได้ 30% ไม่เกินเลยแหละครับ ห้ามเด็ดขาด
แล้วมันต้องทำ เพื่อนี่ไงค่ารีไฟแนนซ์ มันโดนกันประจำเพื่อลดดอกเบี้ย
มันจะไปติดกับดัก 25K ผ่อนได้แค่ 10K กินใช้ 15K ลดรายจ่ายได้อีกไหม 15K ผมถึงให้รายจ่ายคงที่มันอยู่ที่ 20K เพราะคนจะอยู่ได้โดยไม่อึดอัดเกินไปพอมีความสุขเล็กๆ น้อยๆ ลดมากว่านี้ไม่ได้แล้วเหลือ 10K นี่ค่าเดินทางจะไม่พอเลย หวังช็อปปิ้งไม่ได้ เสื้อผ้าซื้อทีมีช็อต เห็นไหมอยู่กับตัวเลขนี้ไม่ได้เลยครับ
แล้วต่อให้มีเงินเดือน 60K บางคนก็ใช้จ่ายจนชิน ก็ 20K เหมือนเดิม นั่นแหละครับ แล้วเอาเงินที่เพิ่มไปโปะตามแผนของคุณมันจะไวไม่ถึง 10 ปี
มันมีเงื่อนไขในการใช้อยู่ครับ ไอ้กฎการโปะ และ เงื่อนไข 50% ของรายได้ เพราะเขาพลาดตรง fixed รายจ่ายของตัวเอง
excel ไม่มีประโยชน์สำหรับคนไม่มี space ของเงินจะนำไปโปะอยู่ดีครับ ก็แค่พวกไม่มีเค้ก แต่พยายามจะแบ่งเค้กทั้งที่ไม่มี
ดังนั้นวิธีคุณใช้ได้แค่ กับ บางคนเท่านั้นเลยแหละ แล้วอาจจะเป็นคนที่วินัยการเงินดีอยู่แล้วจนไม่ต้องไปสอนเลยหละ เขาจะรู้เรื่องการรีไฟแนนซ์ หรือ รีเทนชั่น ติดต่อไว้รอเลยไม่ลากยาว 4-5 ปีครับ
สรุปคือ ก็แค่หาเงินมาโปะ หาเงินมาโปะ สรุปมันเป็นเทคนิคใช่ไหม?? แบบว้าวมีแผนลึกลับ ไม่เลยครับ
กลับกันรู้สึกว่า อะไรพวกนี้ มีให้อ่านเยอะแล้วหนะครับ มันก็คือทางเดียวที่คนมีตังทำได้เท่านั้นแหละครับ คนทีเล่นสเปซของเงินเดือนเท่านั้น ถึงจะทำเงื่อนไข 5-10 ปีได้เท่านั้น
แต่คนส่วนใหญ่ทำได้หรอ?? ผมตอบเลย ไม่ครับ คุณมาเสนอไอเดียสุดแสนจะง่าย แต่มันแค่าสำหรับตัวคุณที่มีสถานะการเงินอีกแบบหนึ่ง
แต่ทุกคนแม้มติดกับดัก เพราะเชื่อครับว่ามันเวริค ไม่ควรผ่อนอะไรเกิน 50% ทั้งนั้นครับ แล้วมันไม่รู้เลยด้วยว่า มันคือกับดักครับ
เวลาผมจะสอนจะอธิบายยาวจัดเลยว่าทำไม อย่าเชื่อแนวคิดแบบนี้
1. การโปะแบบบ้าคลั่ง ทำให้การเงินหรือสถานะของเงินสดฉุกเฉิน มันนิ่งครับ หมายความว่าถ้าคุณรถชนขึ้นมา 1 ครั้งแต่ มีเงินติดบัญชีแค่ 1 แสน นี่หมายถึง การเอาชีวิตไปทิ้งกับความเสี่ยงในการขาดเงินหมุนเวียนมาใช้ฉุกเฉิน แล้วทำไงหละ ถ้าไม่โชคดีจริงจากที่ผมอ่านนี่ ก็ถือว่าดวงเฮงอยู่นะครับที่ไม่เจออะไรสาหัสมากจริงๆ ถึงต้องควักเงิน 6 หลักออกไปใช้ก่อน
2. เงินสดหายาก เงินผ่อนหาง่าย และ เงินผ่อนมีสเปซให้เล่นกับเวลา ในกรณีที่ช็อตหรือด่วน
หลักการนี้ถูกนำมาใช้เพื่ออะไร ก็เพื่อตอนเราช็อต เราสามารถพักงวดเพื่อนำเงินหรือจ่ายขั้นต่ำ แบบจำยอมอะครับก็ยอมกันได้ เอาเงินสดในอนาคตมาใช้ก่อนก็ได้นะ มีด้วยซ้ำ อยากให้กู้รีโนเวทจังเลยวงเงิน 2 แสน เอาเงินตรงนั้นมาก็ได้นะ หรือ จะใช้เงินเดือนนั้น แล้ว เอาเงินสดจากบัตรอื่นมาหมุน
มันมีเทคนิคพอแก้เฉพาะทางไปได้ แต่ไม่ควรสะสมหนี้หลายทาง ถ้าไม่จำเป็นอย่าใช้ เพราะมันทำให้ติดหนี้เพิ่ม แต่มันทำให้เรายืดลมหายไปอัก 3 เดือนอย่างต่ำ
เช่น เอาเงินเดือนทั้งหมดไปยัดหนี้ที่กำลังจี้ตัว แล้วยอมกินข้าวแบบประหยัดแบบตัดผ่านบัตรเครดิตไปก่อน แล้วค่อยกู้สถานะการ์ณเงินปิดยอดบัตรอย่าให้พอกหางหมู อะไรทำนองนี้ คอนเซ็บของการใช้เงินอนาคตให้เป็นแล้วเกิดประโยชน์ แต่คนดันทำไม่ได้อีก เงินมันหอมแล้วท้องมันหิว บัตรบางใบจ่าย lotus/top ได้ มาม่าไข่วนไปสักเดือน ก็กู้วิกฤตได้แค่ต้องอดทนมาก
3. หลักการนี้ใช้ไม่ได้กับทุกระดับเงินเดือนครับ รวมถึงการขยันโปะด้วย โดยเฉพาะ การผ่อนหนี้ไม่เกิน 50 % ใช้ได้แค่คนเงินเดือนสูงกว่า 40K เท่านั้นด้วย
เพราะอะไรหละ คนเราไม่ฉลาดคิดเยอะครับ บางคนคิดว่าเอ้ยใช้เงินเดือน
25K เลยนะเว้ย ผ่อนคอนโด 12.5K เลยนะเว้ย มันแค่ 50% แปลว่าเราไม่ติดกับดักหรอกเว้ย
โง่สิ้นดี การเสียเงินไปแล้ว 12.5K แล้วเหลือกินใช้ 12.5K บาท พอจะมีชีวิตรอดหรอครับถามจริง?? มันทำแบบคุณได้หรอ 5 ปีหมด เอาเงินไหนมาโปะ เสกก็เงินไม่ออกนะครับจริงปะ
นี่แหละครับ กับดักอันเท่าบ้าน ชิหายแล้ว เงินเร่งไม่มี เงินพอกินก็ไม่ได้ เงินเก็บไม่ต้องถามก็เพราะมันไม่พอกิน เป็นไงกฎ 50% เน่าเป็นหมาขายโดนยึดไปสิ
ต้น 5 บาทดอกเบี้ย 9995 เอาไปกิน นี่แหละครับสิ่งที่คนไทยถึงจะมีหนี้แค่ 2 หรือ 4 ล้าน ก็ทำชีวิตพังแบบแหลกเหลว
ก็มันไม่มี space ของเงินเดือนไง แล้วผมบอกมาตั้งแต่ข้อ 1 แล้วว่า ถ้าไม่มีเงินเก็บฉุกเฉิน ทำยังไง
การลงทุนจะสอนให้เรารู้จักหน้าที่ของเงิน แล้วการดองเงินเป็นผักหลักคลึ่งล้านเพื่ออะไร ไมใช่เพื่อทุ่มทุนมาโปะครับ แต่เพื่อรักษาสถานะการเงินไม่ให้เกิดวิกฤตนั่นเอง
ในกรณีเร่งด่วน เงินจะมีสำรองแล้วจ่ายออกไปโดยที่ทำให้ การชำระหนี้ยังอยู่ในระดับปกติ ถ้ามั่นใจว่าเร่งได้ ให้เร่ง ไม่มั่นใจ อย่ามั่นว่าโปะแล้วจะรอดครับ อะไรก็เกิดขึ้นได้ถ้าแผนไม่ดี โปะเงินจนหมดอาจจะต้องใช้เงินด่วนหลังโปะก็ได้
แล้วทำไมผมถึงบอกอย่างมั่นหน้ามั่นใจว่า 40K เท่านั้น มันเป็นหลักการคิดเลขที่ผิดมา แล้วพวกไลฟ์โค้ชชอบสอนครับ
จริงๆ แล้วตัวเลขต้องแบ่งเป็น 3 ส่วน ก่อนนำมาคิด 30 40 50 %
1. เงินขั้นต่ำในการครองชีพขั้นต่ำ
2. เงินสำหรับการผ่อนติดหนี้
3. เงินเก็บ buffer สำหรับการโปะหนี้ และ สร้างเงินฉุกเฉิน
แล้วตัวเลขนี้ต้องคิดแยกแบบ 20K มันเป็นค่ากินใช้จ่ายบริโภคขั้นต่ำครับ นี่ให้ป๋ามากเลยนะ แล้วมันเป็นตัวเลข fixed หรือ รายจ่ายคงที่
9K ถ้ากินเฉลี่ยวันละ 300 ตามค่าแรงขั้นต่ำ บุฟเฟ่ต์ ขนมนมเนย
3K คือ น้ำ ไฟ เน็ต มือถือ เน็ตฟิก
2K เดินทางไปทำงาน น้ำมัน
5K buffer shopping เที่ยว ควรให้รางวัลชีวิตได้มีแรงใจผ่อนหนี้ครับ
10K ส่วนแรก ก็ผ่อนบ้าน ไม่มีอะไร
10K ส่วนที่ 2 ก็คือเงินโปะหรือเงินเก็บฉุกเฉินครับ ตรงนี้เราลดให้ได้เหลือ 5K แต่มันก็ต่างไม่ได้เยอะแยะแหละ ก็แค่เก็บเงินช้า หรืออาจจะโดนธนาคารจับให้ผ่อนเดือนละ 15K ก็นั่งร้องไห้ไร้เงินเก็บแล้วหละ ผมถึงให้มันเป็น 10K หรือ 1 เท่าของยอดผ่อนขั้นต่ำที่เป็นไปได้
แล้วจะรู้เลยว่ามันเป็นแค่ 30K 10K มันจะอยู่แค่ 30-40% เท่านั้น ห้ามเกินเด็ดขาด เพราะต่อให้เราบอกว่า 30K ก็ได้ปะลดรายจ่ายเอา
ถ้ากินใช้จ่ายฟุ่มเฟือยไป 20K มันก็เหมือนผ่อนต่อเดือนไป 10K อย่างเดียวปะ ไหนหละเงินโปะ มโนแล้วมีแต่อดอยากปากแห้งลดเงิน 20K แล้วครับ กินใช้ 15K ก็อดเที่ยวตลอด 10 ปีไง??
นี่แหละครับ 3 กฎเหล็กของการติดหนี้ด้วยเงื่อนไข ที่ทำให้ติดหนี้ไม่เกิน 10 ปี แล้วคนไทยตายตั้งแต่ เงินเดือนไม่ถึง 40K แต่ติดหนี้ 50% แล้วครับ
แล้วพอไม่มีเงินสดเป็นยังไง?? รีไฟแนนซ์เอาเงินจากไหนจาก 1 % ถ้าเงินเก็บไม่มี รีเทนชั่นดอกลดแต่ก็ติดสัญญาไปอีก นี่แหละทำไมเราถึงต้องไม่ผ่อนอะไร 50% แต่ควรทำได้ 30% ไม่เกินเลยแหละครับ ห้ามเด็ดขาด
แล้วมันต้องทำ เพื่อนี่ไงค่ารีไฟแนนซ์ มันโดนกันประจำเพื่อลดดอกเบี้ย
มันจะไปติดกับดัก 25K ผ่อนได้แค่ 10K กินใช้ 15K ลดรายจ่ายได้อีกไหม 15K ผมถึงให้รายจ่ายคงที่มันอยู่ที่ 20K เพราะคนจะอยู่ได้โดยไม่อึดอัดเกินไปพอมีความสุขเล็กๆ น้อยๆ ลดมากว่านี้ไม่ได้แล้วเหลือ 10K นี่ค่าเดินทางจะไม่พอเลย หวังช็อปปิ้งไม่ได้ เสื้อผ้าซื้อทีมีช็อต เห็นไหมอยู่กับตัวเลขนี้ไม่ได้เลยครับ
แล้วต่อให้มีเงินเดือน 60K บางคนก็ใช้จ่ายจนชิน ก็ 20K เหมือนเดิม นั่นแหละครับ แล้วเอาเงินที่เพิ่มไปโปะตามแผนของคุณมันจะไวไม่ถึง 10 ปี
มันมีเงื่อนไขในการใช้อยู่ครับ ไอ้กฎการโปะ และ เงื่อนไข 50% ของรายได้ เพราะเขาพลาดตรง fixed รายจ่ายของตัวเอง
excel ไม่มีประโยชน์สำหรับคนไม่มี space ของเงินจะนำไปโปะอยู่ดีครับ ก็แค่พวกไม่มีเค้ก แต่พยายามจะแบ่งเค้กทั้งที่ไม่มี
ดังนั้นวิธีคุณใช้ได้แค่ กับ บางคนเท่านั้นเลยแหละ แล้วอาจจะเป็นคนที่วินัยการเงินดีอยู่แล้วจนไม่ต้องไปสอนเลยหละ เขาจะรู้เรื่องการรีไฟแนนซ์ หรือ รีเทนชั่น ติดต่อไว้รอเลยไม่ลากยาว 4-5 ปีครับ
แสดงความคิดเห็น
อยากให้ทุกคนที่กำลังเป็นหนี้บ้าน รับรู้ถึงความมหัศจรรย์แห่งการ "โปะหนี้" ครับ
จึงอยากให้ทุกคนที่กำลังเป็นหนี้อยู่ในเวลานี้ ได้รับรู้และเข้าใจถึงความมหัศจรรย์แห่งการ "โปะหนี้" ครับ
ก่อนหน้านั้น ผมไม่เคยรับรู้ถึงความสำคัญของการโปะหนี้เลย แต่ก่อนเป็นหนี้เท่าไหร่ เค้าให้ผ่อนงวดละเท่าไหร่ ก็ผ่อนเท่านั้น ไม่เคยคิดจะจ่ายเพิ่มเติมเลย
แต่ว่าก่อนหน้า 3 ปีก่อนที่จะมากู้ซื้อบ้านหลังนี้ (คือประมาณปี 57) ผมเป็นหนี้เงินกู้ ธอส. อยู่ประมาณ 6 แสน ซึ่งกู้มานานมากแล้ว ก็ผ่อนค่างวดตามที่เค้าให้ชำระไปเรื่อยๆ ความคิดที่จะโปะหนี้ไม่เคยมีอยู่ในหัวเลย จนถึงวันที่ว่างงาน (ลาออกจากงานมาอยู่บ้านเฉยๆ) ก็ผิดนัดชำระหนี้ จนธนาคารเตือนแล้วเตือนอีก จนฟ้องร้องไปที่ศาล แล้วไปจบที่กรมบังคับคดีเอาบ้านผมออกขายทอดตลาด แต่ว่าก่อนจะประกาศขายทอดตลาด ผมได้เร่งผ่อนหนี้ในตอนนั้นด้วยการโปะหนี้อย่างเร็วที่สุด มีเงินจากแหล่งไหนได้มา ผมก็เอาไปโปะหนี้ เงินเดือนออกมา ก็โปะหนี้ ได้รายได้พิเศษมา ก็โปะหนี้ จนปิดหนี้ได้หมดในเวลาอันรวดเร็ว เพียง 2-3 เดือน ทำให้ผมรู้สึกทึ่งว่า เอ เวลาเราผ่อนหนี้ให้เยอะๆ หนี้มันก็หมดเร็วได้นี่หว่า แป๊บเดียวก็หมดแล้ว
ตอนมาเป็นหนี้กู้ซื้อบ้านคราวนี้ (หลังจากครบ 3 ปีที่ติดประวัติเครดิตบูโร) ก็เลยตั้งใจว่า จะรีบผ่อนชำระหนี้ให้ได้ไวที่สุด มีเท่าไหร่ ก็จะโปะๆๆ มีรายได้พิเศษเข้ามา ก็โปะ ได้โบนัสมา ก็โปะ ขายบ้านหลังเก่าได้ (ขายได้ 1.5 ล้านกว่า) ก็เอามาโปะ โปะแบบไม่คิดชีวิต พอเงินเดือนออก ผมจะคำนวณเงินที่ต้องใช้จ่ายทั้งเดือนไว้ให้พอ ส่วนที่เหลือก็เอาไปโปะทันที บางเดือน เงินหมดเกลี้ยงบัญชีจริงๆ ก็จะใช้วิธีไปกดจากบัตรเงินสดมาครั้งละ 500 บาท หรือ 1 พันบาท (แต่จะพยายามกดเงินจากบัตรนี้ให้ช้าที่สุดน้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น ซึ่งเสียดอกเบี้ยก็ไม่กี่สิบบาท ไม่เคยถึงร้อย)
แล้วผมจะทำไฟล์ excel กำหนดแผนการผ่อนชำระไว้ตั้งแต่ต้น ว่าจะผ่อนให้หมดภายใน 3 ปีครึ่ง แต่ก็มีผิดแผนไป เพราะดันไปกู้ซื้อรถเก๋งป้ายแดงคันใหม่ราคา 1.1 ล้านอีกในปีที่สอง เลยทำให้แผนต้องล่าช้าจากที่ตั้งใจมาเป็น 5 ปี 3 เดือน (แต่คำนวณดูแล้ว ผมได้เสียดอกเบี้ยให้แบ๊งค์ไปทั้งหมด ประมาณ 2.5 แสนบาท จากยอดเงินกู้ 4.5 ล้านบาทครับ)
สรุปว่า ตอนนี้หมดหนี้บ้านแล้ว และกำลังจะผ่อนรถยนต์หมดในเดือนกุมภาปีหน้า (เหลืออีก 3 งวด จากทั้งหมด 48 งวด)
และตอนนี้ ผมไม่มีเงินเก็บเลยซักกะบาท (นอกจาก กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ที่มีเงินออมอยู่ประมาณล้านกว่าบาทเอง)
แต่ผมยังเหลือเวลาอีก 8 ปีจะเกษียณ ตอนนี้ก็จะเริ่มตั้งหน้าตั้งตาเก็บเงินไว้ใช้ยามเกษียณ (ผมไม่มีภาระ ไม่มีลูกเมีย เป็นโสด) คิดว่าตอนนี้คงยังไม่น่าจะช้าเกินไปถ้าจะเริ่มเก็บเงินไว้ใช้ยามเกษียณ (ต้องท่องเอาไว้ว่า ไม่มีคำว่า สายเกินไปถ้าจะเริ่มเก็บเงินไว้ใช้ยามเกษียณ 555)
แต่ขอบอกเลยว่า จนถึงทุกวันนี้ ก็รู้สึกดีใจว่า วันนั้นตัดสินใจไม่ผิดจริงๆ (แม้ว่าตอนนั้นจะมีแต่คนคัดค้านไม่เห็นด้วยกับการซื้อบ้านเพราะเห็นว่าอายุมากแล้ว) บ้านหลังนี้เป็นบ้านหลังที่ผมรักมากๆ คิดว่า มันถูกสร้างมาเพื่อผมจริงๆ เป็นบ้านหลังเล็กๆ ที่เหมาะกับคนโสดอย่างผม ดูแลง่าย หน้าบ้านติดสวนโครงการ หลังบ้านไม่ติดใคร ติดเพื่อนบ้านแค่ด้านเดียว (ทุกวันนี้ เวลาเข้าครัว ผมก็จะนึกชมครัวตัวเองว่าทำไมครัวมันสวยอย่างนี้หว่า เวลาอาบน้ำ ก็จะชมห้องน้ำตัวเองว่าทำไมห้องน้ำเรามันสวยอย่างนี้หว่า หรือชมวิวที่มองจากห้องนอนตัวเองไปเห็นสวนโครงการว่าทำไมสวนมันสวยอย่างนี้หว่า ชมสวนข้างบ้านตัวเองว่าทำไมมันสวยอย่างนี้หว่า ทำไมต้นแก้วเจ้าจอมที่เราซื้อมาลงตอนแรก ทำไมตอนนี้มันเติบใหญ่ออกดอกสวยสะพรั่งอย่างนี้หว่า ทำไมต้นหลิวออสเตรเลียที่เราปลูกเรียงรายในสวนข้างบ้าน ตอนนี้มันขึ้นต้นพริ้วสวยอย่างนี้หว่า หรือชมแม้กระทั่งผนังกำแพงบ้านตัวเองว่าทำไมมันแข็งแรงอย่างนี้หว่า คือผมชอบเอามือไปทุบผนังบ้านเล่นเพื่อรู้สึกถึงความแข็งแรงของมันเพราะมันเป็นผนังพรีแคสท์ 555+ รู้สึกดีใจว่ามันสามารถกันเสียงจากเพื่อนบ้านได้แทบจะ 100% ไม่เคยได้ยินเสียงคุย เสียงทีวีดัง เสียงปิดประตูจากเพื่อนบ้านเลยตั้งแต่อยู่มา 5 ปี ไม่เหมือนตอนอยู่บ้านเก่าที่จะคอยรำคาญเสียงเย็บจักรจากเพื่อนบ้านที่มักจะดังเวลากลางคืน เสียงเพื่อนบ้านตั้งวงกินเหล้าหน้าบ้านในตอนกลางคืน อยู่บ้านใหม่นี้ ผมไม่เคยมีปัญหาเรื่องรถจอดขวางหน้าบ้าน เวลาจะไปหาของกินเยาวราช ตลาดพลู สีลม ตรอกจันทร์ ก็ใช้เวลาขับรถประมาณ 20 กว่านาที ที่ทำงานอยู่ที่สาทรก็ห่างจากบ้านประมาณ 12 กิโล ใช้เวลาขับรถประมาณ 30-40 กว่านาทีโดยไม่ต้องเสียเงินขึ้นทางด่วนเลย และก็ไม่มีแยกไฟแดงเลยตั้งแต่ออกจากบ้าน ไปจนถึงตีนสะพานตากสิน ถึงจะเริ่มมีไฟแดงแรก ฯลฯ)
ที่มาตั้งกระทู้นี้ เอาจริงๆ เลยก็เป็นความภาคภูมิใจของผมอ่ะแหละที่อยากจะอวดทุกคนครับ 555+
แต่ก่อนเคยคิดว่า ถ้าปิดหนี้บ้านได้สำเร็จแล้ว จะเอาโฉนดมาติดกรอบรูปแขวนโชว์ที่ห้องนั่งเล่นให้ญาติพี่น้องเห็นเลย แต่มาตอนนี้ ผมตั้งใจจะไม่บอกญาติพี่น้องเลยว่า ผมสามารถปิดหนี้บ้านได้หมดแล้ว ปล่อยให้พวกเค้าคิดว่า ผมยังมีภาระหนักต้องผ่อนบ้านหน้าดำคร่ำเครียด เงินตึงมือ ไม่ค่อยพอใช้แต่ละเดือนไปอย่างนี้จะดีกว่า 555+
ปล. จากคนที่เคยต้องไปนั่งดูบ้านตัวเองถูกเอาออกขายทอดตลาดที่กรมบังคับคดีเมื่อ 8 - 9 ปีก่อน เคยต้องขึ้นศาลคดีบัตรเครดิต คดีฟ้องบังคับจำนอง ต้องนั่งตบยุงเพราะไม่มีงานทำเกือบสิบปี แค่มาได้ถึงขนาดนี้ ไม่ต้องมากมาย ผมก็ดีใจมากแล้วครับ