ประสบการณ์ รถล้มครั้งแรกในชีวิต เจอแต่คนหัวหมอ เสียเปรียบที่สุดในเหตุการณ์นี้

เรื่องเกิดวันที่ 28/10 ที่ผ่านมา เป็นวันทำงาน
ก็ออกไปทานข้าวเที่ยงตามปกติ ซึ่งร้านอยู่ถัดจากออฟฟิศไปแค่ซอยเดียวเท่านั้น วันนั้นจำได้ว่าระหว่างทานข้าวก็มีฝนตกหนัก จึงรอฝนซา แล้วค่อยขี่รถกลับ ทางกลับเป็นซอยเล็กๆ เป็นทางเดินรถแบบ one way ตอนนั้นจำได้ว่าขี่ประมาณ 30 ไม่ได้ขี่ไวเลย เพราะฝนยังปรอยๆอยู่
      
       จู่ๆก็มีรถแท็กซี่ จอดชิดขวาเทียบฟุตบาท น่าจะส่ง ผดส.ที่หน้าโรงแรม ที่นั่งผู้โดยสารเปิดประตูฝั่งซ้ายกระแทกรถเราอย่างแรง รถเราล้ม หัวเราก็กระแทกพื้น หมวกกันน็อคแตก หน้าเราไถไปกับพื้น เป็นแผลใต้ตากว้างประมาณ 5-6 ซม เป็นรอยกลม น่าจะใหญ่กว่าเหรียญ 10
     
      หลังจากนั้นก็มีอาการช็อค อึ้ง ทำอะไรไม่ถูก ตัวสั่น ใจสั่น เพราะตอนนั้นจำได้แค่ว่าปวดหัวมาก เลือดไหล ซีกซ้ายเป็นแผลตั้งแต่ไหล่ ถึงข้อเท้า มีบวมเขียวเพราะรถทับขา คือเดินปกติไม่ได้ ก็มีคนมาช่วยพาลุกไปนั่งที่โรงแรม
     
     แล้วก็มีใครต่อใครมาถาม จะไป รพ.ไหน อะไรยังไง ซึ่งเราพูดได้แค่ปวดหัวๆ แล้วมี พนง.โรงแรมถามว่า มีประกันสังคมที่ไหน ก็บอกๆไป ( ตามจริงแล้วควรไปที่ใกล้ที่สุด เพราะรถมี พรบ.) แต่ด้วยความไม่เคยประสบอุบัติเหตุ เลยเออออไปกับเขาเพราะอยากไปหาหมอ เพราะเราเลือดไหลและปวดหัว
     
    ต่อมา ก็ได้ทราบว่า คนเปิดประตูเป็นชาวต่างชาติ ประเทศบ่อน้ำมัน มีเมียไทย
     
    พอถึง รพ.ก็โดนเข้าห้องฉุกเฉิน x-ray ทำแผลต่างๆนาๆ พร้อมทดสอบว่าสมองยังจำอะไรได้ไหม หูได้ยินชัด ตาพล่ามัวหรือไม่ ฯลฯ
     
     ประมาณ 1 ชม. ก็มีประกันฝ่ายรถคันที่ผิด มาคุย ทีแรกบอกให้เรารักษา ปกส.แล้ว รับค่าทำขวัญจากคนที่เปิดประตูใาชนเรา พูดให้เรื่องจบง่ายๆ แบบไม่สนสี่สนแปด ตามนิสัยคนชอบเอาเปรียบ

     จากนั้นมีเจ้าหน้าที่ นิติประจำโรงพยาบาลมาแจ้งสิทธิ์ต่างๆนาๆ ว่า ใช้ประกันสังคม จะได้แบบนี้ๆ แต่ถ้า พรบ.ก็จะดีกว่า ประมาณนี้ ทีแรกเราไม่รู้เพราะคิดว่าประกันสังคมก็ง่ายดีเหมือนกัน
    
     แต่ตอนนั้นดีที่แฟนเราไม่ยอม ขอไปลงบันทึกประจำวัน แล้วค่ารักษาเบิกสิทธิ์ พรบ. เพราะ สิทธิต่างกันกับ ปสก.มาก
     
    ไปถึง โรงพัก ตำรวจก็ให่เจรจาไกล่เกลี่ยค่าทำขวัญต่างๆนาๆ เมียของคนที่เปิดประตูมาชนเรา เสนอให้เรา 5 พัน

     แต่แฟนเราไม่ยอม ตัวเรามีแต่แผล เราเจ็บหนัก หน้าเราแหกขนาดนี้ ต้องรักษานานแค่ไหน รถเราพังต้องซ่อมถึงเมื่อไร เราต้องไปโรงบาลล้างแผล วันเว้นวัน เงิน 5 พันจะเอาไปทำอะไรได้ ปรึกษาเพื่อน ทั้งเพื่อนเรา เพื่อนแฟน ไม่มีใครพูดถึงเงินหลักพันเลย บางคนก็บอกเจ็บขนาดนี้ 3 หมื่น บางคนก็บอก 4 หมื่น บางคนก็บอก 5 หมื่นเผื่อต่อ ซึ่งเป็นอะไรที่ยากและกดดันมากสำหรับเราและแฟนกับสิ่งที่เจออยู่ มาตีค่าเป็นเงิน และที่ยากไปกว่านั้น คือคนที่ไปล้มพร้อมกับเราเขายอมความเขารับเงินตามที่เสนอ ( แต่เขาไม่ได้เจ็บอะไรมาก ไม่มีบาดแผล ไม่มี x-ray ) ซึ่งตอนนั้นความกดดันทั้งหมดทั้งมวลตกมาที่เรา จนเราอึ้งแบบตัวสั่นจะร้องไห้

  ในส่วนของเมียของต่างชาติ พูดภาษอังกฤษไม่ได้เลย ส่วนผู้ชายก็อังกฤษแบบประเทศแถบๆอาหรับ ซึ่งฟังยาก แฟนเราก็พูดภาษาอังกฤษกับชาวต่างชาติคนนั้นว่าเราไม่โอเคกับเงิน 5 พัน แล้วก็พูดกับ เมียฝรั่งคนนั้นว่า 5 พันมันไม่สมเหตุสมผล นางก็โวยวายว่า จะเอาก็เอา ไม่เอาก็ไม่ได้แล้วเพราะสามีนางจะกลับสิ้นเดือนนี้แล้ว ( สิ้นเดือน ต.ค.) โวยวายตามสไตล์คนหัวหมอ บอกไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยแผลแค่นี้ ผิดก็ผิดทั้งคู่ ( งง ผิดทั้งคู่ยังไง ) ไหนๆก็เจ็บแล้วจะแก้ไขอะไรได้ เขาจ่ายให้แท็กซี่ไปแล้ว 7 พัน และจ่ายค่ายาให้คนซ้อนไปแล้วอีก ซึ่งที่เขาจ่ายไปมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรา

     เราเลยบอกว่า งั้นขอเปลี่ยนจากลงบันทึกประจำวันเป็นแจ้งความ ไม่ต้องมีใครได้ไปไหนทั้งนั้น แบบนี้ ดีไหม ( ยอมรับว่าตอนนั้นเราโมโหมาก ) และเกลียดมาก
  
     จากนั้นทั้งเราและแฟนก็ได้ปรึกษาคนรอบข้างว่าจะเอายังไง เมียฝรั่งก็พูดขึ้นมาว่า งั้น 7 พัน เราก็ส่ายหน้าแบบเอือมระอา แฟนเราขอที่ 15k แต่ทางนั้นต่อเหลือ 10k ไอเราก็อยากจบแยกย้ายกลับบ้าน อยากกลับไปพักเพราะเจ็บไปทั้งตัว คิดอะไรไม่ออก ไม่อยากให้ยืดเยื้อ เลยบอกกับแฟนว่ารับๆให้จบไป ซึ่งถามว่าเงิน 1 หมื่นคุ้มไหม ถ้าใครมาอยู่จุดนี้คงพูดได้เลยว่าไม่คุ้มเสียเลย ถ้าเลือกได้อยู่ดีๆมีคนมาทำให้เจ็บคงไม่มีใครยอม
  
    มาถึงเรื่องรถที่พัง ตอนที่เรารถชนก็ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล ด้านรถเรา ก็มีพี่ที่ออฟฟิศมาขี่ไปให้ ไปไว้ที่ออฟฟิศ จากนั้นสัก 2-3 ชั่วโมงก็มีคนไลน์มาบอกว่ามีประกันมาขี่รถเราไปที่อู่แล้ว เราก็งง จากการหาข้อมูลคือ ประกันต้องออกใบเคลมให้เราแล้วเราเอาไปศูนย์เองไม่ใช่หรอ ทำไมประกันถือวิสาสะขี่รถเราไปที่อู่ ( ที่น่าจะดิวกันไว้ ) แล้วคนที่ออฟฟิศก็ปล่อยให้เอารถเราไปพร้อมทั้งเอกสารรถใต้เบาะไปด้วย ยอมรับว่ายัง งงๆ คือยังไงหะ ซึ่งพอถึงตอนนั้น เราจะไปทำอะไรได้ ตัวก็อยู่ รพ.ไม่ทันได้จัดการอะไรเลยสักอย่าง
  
    หลังจากวันนั้น (วันประสบเหตุ) 28/10 เรารักษาตัวจนวันนี้ 3/11 เราต้องไปล้างแผล วันเว้นวัน รถเราเข้าอู่ ก็เสียโอกาสในการใช้รถ ไม่ได้ทำงานทำการต้องเป็นภาระคนอื่นมาทำงานแทน เจ็บทั้งตัว รถก็พัง เสียเวลา ต่างๆนาๆ
  
   เมื่อวานนี้ 2/11 ทางอู่แจ้งให้ไปรับรถซ่อมเสร็จแล้ว เราก็ไปรับ แต่ตอนออกใบรับรถ เขาเขียนให้เรา
    
     วันที่นำรถมาซ่อม 30/10
     วันรับรถซ่อมเสร็จ 31/10 ซ่อมรถวันเดียวรวมสั่งอะไหล่อีก เทวดาจะทำได้ไหมถามจริง

จากนั้นเราก็ถามร้านว่า ประกันเอารถเรามา วันที่ 28 ไม่ใช่ 30 เขียนผิดหรือเปล่า ทางอู่ก็ถามเรากลับว่า 28,29 คือวันเสาร์อาทิตย์รึเปล่า

    เราเลย หะ! แล้ววัน ส-อา เราไม่ใช้รถรึไง วันหยุดราชการคือวันหยุดใช้รถรึไง สรุปเอารถมา 28/10 - 2/11 เท่ากับจอดรถไว้ทางอู่ก็บอก ไปบี้เอากับประกันโน่น เราก็ไลน์ไปหาประกันว่า เอารถไป 28 ทำไมอู่เขียน 30 ประกันตอบว่า ตามใบรับรถเลย อ่อ หัวหมอ โอเค เราก็ไม่พูดไรก็ตามนั้น

  จริงๆด้วยนิสัยเราไม่ได้เป็นคนเรื่องมากอะไรเลย ไม่อยากมีปัญหาด้วยซ้ำ แต่โชคไม้ดีเจอแต่คนเอาเปรียบ หัวหมอ เจ็บตัวไม่พอ เจ็บใจอีก

  ทุกคนจะว่าเราโง่ก็ได้ เราไม่เคยประสบอุบัติเหตุแบบนี้ มันหลายขั้นตอนเอกสารเยอะมาก ต้องไป สน. 2-3 รอบเพื่อขอใบชันสูตรบาดแผล ไป รพ.ติดต่อหลายแผนก ติดต่อนั่นนี่สารพัด และเราก็ป่วยสมองเบลอๆ คิดไม่ทัน ก็เลยโดนเอาเปรียบในเหตุการณ์นี้
- -*
ยาวมาก ขอบคุณทุกคนที่อ่านจบค่ะ 🙏
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่