ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า ระยะเวลา 9 ปีเกือบ จะ 10 ปี มันไม่ได้ช่วยอะไร ถ้ามองย้อนไป คือเราโดนหักหลังมาตลอด หากย้อนกลับไปดูกระทู้เก่าๆของผม เมื่อ 7-8 ปี ที่ผ่านมา ผมเล่าเรื่องราวความรัก ระหว่าง ช-ช ไว้หลายเรื่อง หลายกระทู้ จริงอยู่มันก็มีทั้งเรื่องที่ดี และ สับสนในนั้น จริงๆ เรื่องมัน ก็มีระแคะระคายเมื่อกลางปีก่อนแล้วล่ะ (2565) แต่ก็ด้วยความไว้ใจ ในเมื่อเขาบอกไม่มีอะไร ก็เชื่อตามนั้น จนเวลมาล่วงเลยผ่านมา 5-6 เดือน เขาถึงกล้าที่จะพูดกับเราว่าได้รู้สึกเปลี่ยนไป มันไม่เหมือนเดิม เขาบอกว่าเขาคุยกับคนอื่น ตั้งใจคบกัน จะออกไปใช้ชีวิตด้วยกัน จำได้ขึ้นใจว่าวินาทีนั้น เป็นเวลเช้า ประมาณ 6 โมงกว่า ซึ่งผมกำลังทำงานอยู่ โลกมันมืดไปหมด มองไปทางไหนไม่มีหนทางให้เดิน มือไม้สั่นทำอะไรไม่ถูก ได้แต่คิดวนไปวนมา ว่าเราทำอะไรผิด เราไม่ดีตรงไหน แล้วน้ำตา มันนัดกันมาเยอะมาก ไหลปานว่าท่อประปาแตก ผมอยากไปหาเขา อยากไปคุยว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เขาก็ไม่ให้ไป ให้รอไปเจอกันทีเดียววันที่ต้องทำงานด้วยกัน นั่นก็คือ อีก 2 วัน ถึงจะได้คุย แต่ในคืนนั้น เราคุยโทรศัพท์กันเยอะมาก จนเขามั่นใจว่าเขาไปแน่ๆ เขาไม่กลับมาแน่ๆ เราตัวคนเดียว ไม่มีเพื่อนหรือใครให้ปรึกษาหรือคุยเป็นเพื่อนเลยได้แต่ร้องไห้อยู่ในห้องนอนอยู่อย่างนั้น ข้าวปลาไม่กิน จนวันที่ต้องไปเจอกันทำงานด้วยกัน หลังทำงานเสร็จผมก็คุยด้วยเหตุผล ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาบอกว่า เขารู้สึกว่าผมไม่ได้รักเขาแล้ว ซึ่งแน่นอนมันไม่ใช่ความจริงอยู่แล้ว ผมไม่รู้ว่าเขาเข้าใจผิดแบบนั้นไปได้ยังไง เรานั่งคุยกันอยู่พักใหญ่ ผมอ้อนวอน ขอให้เขากลับมา ตัดสินใจใหม่ได้ไหม ผมจำภาพนั้นได้ชัดเจนตอนเอื้อมมือไปจับมือเขา และเขาสะบัดทิ้ง และลุกหนี ผมรู้สึกหมดแรงมาก ไม่มีแรงแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามอง และนั่งร้องอยู่แบบนั้น ส่วนเขาเลือกที่จะเดินจากไปเพื่อคุยโทรศัพท์กับคนที่เขาเลือก... ณ ตอนนั้น ผมพยามเข้าใจ ทำใจ และยอมรับมันให้ได้ เพื่อที่จะได้หลับตามพักผ่อนจากงานที่หนักมาทั้งวัน จนถึงเช้าเขาก็ออกไปทำงานปกติ แต่ผมคิดว่าผมน่าจะยังไม่ได้นอน 555 ตอนนั้นเวลาประมาณ 7 โมงเช้า ผมตัดสินใจเก็บข้าวของทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยใช้ในบ้านเขา รวมทั้งเสื้อผ้า ทุกชิ้น เพื่อกลับบ้าน (แปรงสีฟัน มีดโกนหนวด ผมทิ้งไว้ในถังขยะหน้าห้องน้ำ) และออกจากตรงนั้นมาเพื่อกลับแล้ว เขาไม่รัก เขาไม่ต้องการจะอยู่ไปเพื่อออะไร แต่เมื่อผมขับรถออกมาได้สักพัก เขาโทรมาร้องไห้ฟูมฟาย บอกว่าขอโทษ ที่ไม่ได้ทันคิดอะไร เขาให้ผมกลับมาก่อนได้มั้ย ไอ้เราก็นะ ใจอ่อนเร็วมาก รีบกลับอย่างไว เรากลับมาคุยกันอีกครั้งเขาก็อยากให้มีคนนั้น เขาบอกว่าเลิกคุยทันทีเลยไม่ได้ ผมก็โอเค ในเมื่อทำทันทีไม่ได้ ก็ค่อยๆ ห่างกันไปละกัน ผมปล่อยให้เขาได้คุยกัน ในทุกๆวัน ทั้งวิดีโอคอล ทั้งคุยปกติ ถึงไม่คุยต่อหน้าแต่ผมก็สังเกตสีหน้าท่าทางเวลาเขาคุยกันดูมีความสุขกันจัง ผมทนอยู่แบบนั้นประมาณ 3 เดือนได้ เลยบอกให้เขาตัดสินใจอีกครั้งว่าจะยังไง เพราะจากการกระทำ เขาไม่ได้ลดการคุยกันลงเลย มีแต่จะเพิ่มขึ้น และผมขออย่างหนึ่งคือ คุยกันก็แค่คุยนะ ขออย่าไปมีอะไรกัน เพราะเป็นข้อเดียวที่ผมรับไม่ได้ แม้แต่ตอนไปเที่ยวทะเลด้วยกัน เขาก็หนีไปคุยกันทุกคืน ไปเดินเที่ยวหาดด้วยกันเขาก็ทิ้งผมเดินคนเดียวส่วนเขาเดินคุยโทรศัพท์กลับห้องก่อนด้วยซ้ำ ครั้งนี้เขาก็ยังตัดสินใจบอกว่าเลือกผมอยู่เหมือนเดิม จนเวลาผ่านไป อีก 1 เดือน เขาบอกว่าขอไปพักผ่อนใช้ชีวิต ทบทวนเรื่องราวต่างๆ อาทิตย์หนึ่ง เหมือนไปพักร้อน ที่กระบี่ ผมบอกว่าไปคนเดียว ถามว่าผมเชื่อมั้ยแต่แรก ไม่เชื่อหรอกครับว่าไปคนเดียว จนกลับมา เขาก็บอกว่ายังเลือกผมเหมือนเดิม จบกับคนนั้นแล้ว ก็แค่เพื่อนคนนึง ในจนเวลาผ่านไป 1 อาทิตย์ผมก็จับได้จริงๆ ว่าเขาไปเที่ยวด้วยกัน มันเป็นความเจ็บปวดที่ซ้ำแล้ว ซ้ำอีก แต่ผมก็ให้โอกาสเขาอีกนะ นี่คือครั้งที่ 2 ที่ผมให้โอกาสเขาได้ปรับตัว ปรับความรู้สึก จนเวลาผ่านไป 2เดือน เขาก็เหมือนจะโอเคขึ้นทำตัวดีขึ้น เลยตกลงจะใช้ชีวิตด้วยกันจริงๆ จังๆ เลยตกลงซื้อบ้านด้วยกัน....
แต่โชคชะตาฟ้าลิขิต หรือเพราะเราไม่ได้เป็นคู่กันตั้งแต่แรก บ้านที่ซื้อด้วยกันยังไม่ทันได้ผ่อน ผมก็รู้ว่าเขานัดไปมีอะไรกับคนอื่น ที่ไม่ใช่คนที่เขาคุยด้วย นั่นแปลว่ามีตัวละครลับ โผล่มาอีก 1 คน ซึ่งเรื่องนี้มันทำให้ผม ทนไม่ได้อีกต่อไป จึงขอแยกใช้ชีวิตของใครของมัน อย่าได้มีความสัมพันธ์อะไรต่อกันอีกเลยนอกจากเรื่องงาน และผมก็ให้เขาได้แค่สถานะเพื่อนเท่านั้น ซึ่งตลอดเวลาที่คบกันมา ผมก็เพิ่งรู้ว่าเขานัดไปมีอะไรกับใคร อยู่หลายครั้ง หรือแม้กระทั่ง คอล เสียว กับคนอื่นก็หลายหน
ผมเลยกลับมามองว่า นี่หรือรางวัลของความซื่อสัตย์ รางวัลของการที่ไม่เคยนอกใจแม้แต่สักครั้ง แม้แต่เพื่อนผู้ชายผมยังไม่กล้าไปพบ เพราะกลัวเขาเข้าใจผิด แต่ผลที่ได้คือ “น้ำตา” ในวันที่บอกเลิกกันผมบอกว่าถ้าพระเจ้าสร้างเรามาคู่กันจริงๆ เดี๋ยวเราก็คงกลับมาเจอกันเอง ผมให้เวลาเขาได้คิดทบทวนตัวเอง เป็นเวลา 1 เดือน ก็ไม่เห็นมีทีท่าว่าเขาจะมาง้อ มาขอโทษหรือขอคืนดี ไม่มีอะไรเลย ผมเลยยิ่งมั่นใจว่าโอเค เขาคงไม่ได้รักเราแล้วล่ะ ผมจึงเริ่มมีคนคุยเข้ามา และเวลาผ่านไปก็เลยตกลงคบกัน นั่นแหล่ะ เขาถึงเริ่มที่จะเข้าหา มาง้อ ขอคืนดี ซึ่งมันไม่ทันกาลแล้ว ผมรอเขามามากพอแล้ว “ทำไมเพิ่งมาเห็นค่ากันตอนที่จะเสียกันไป ขอโทษนะที่ทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้ไม่ได้ เพราะเราไม่ได้เป็นคนผิดสัญญาตั้งแต่แรก หลังจากนี้ก็ขอให้เลือกเดินทางที่ดี ก่อนจะมีใครใหม่ก็ควรปรับตัวเองให้ดีก่อน อย่าไปทำแบบนี้กับใครอีก สงสารคนที่จะเข้ามา” นั่นคือความในใจที่ผมบอกเขาไป และผมมั่นใจว่าผมคงกลับไปไม่ได้แล้ว เพราะเขาใช้โอกาสได้เปลืองเหลือเกิน ถึงแม้จะไม่มีใครเข้ามา ก็ขออยู่ด้วยตัวเองน่าจะดีกว่า ไม่ต้องเจ็บ ไม่ต้องทรมาน
จริงๆ ดีเทล เล็กๆน้อยๆ เยอะมาก แต่ผมขอเล่าให้อ่าน แค่นี้ดีกว่าครับ ดูเยอะเกินไปด้วยซ้ำ สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้นะครับ อาจจะไม่ค่อยมีสาระอะไร นอกจากคนที่โดนหักหลังคนหนึ่งเท่านั้นเอง และอยากจะบอกว่า ความรักมันไม่ได้ขึ้นกับเวลา ไม่ว่าจะคบกันมานานขนาดไหน เมื่อเขาจะไป เวลามันก็ช่วยอะไรไม่ได้ ขอบคุณครับ
รางวัลของความซื่อสัตย์คือ "น้ำตา"
ผมเลยกลับมามองว่า นี่หรือรางวัลของความซื่อสัตย์ รางวัลของการที่ไม่เคยนอกใจแม้แต่สักครั้ง แม้แต่เพื่อนผู้ชายผมยังไม่กล้าไปพบ เพราะกลัวเขาเข้าใจผิด แต่ผลที่ได้คือ “น้ำตา” ในวันที่บอกเลิกกันผมบอกว่าถ้าพระเจ้าสร้างเรามาคู่กันจริงๆ เดี๋ยวเราก็คงกลับมาเจอกันเอง ผมให้เวลาเขาได้คิดทบทวนตัวเอง เป็นเวลา 1 เดือน ก็ไม่เห็นมีทีท่าว่าเขาจะมาง้อ มาขอโทษหรือขอคืนดี ไม่มีอะไรเลย ผมเลยยิ่งมั่นใจว่าโอเค เขาคงไม่ได้รักเราแล้วล่ะ ผมจึงเริ่มมีคนคุยเข้ามา และเวลาผ่านไปก็เลยตกลงคบกัน นั่นแหล่ะ เขาถึงเริ่มที่จะเข้าหา มาง้อ ขอคืนดี ซึ่งมันไม่ทันกาลแล้ว ผมรอเขามามากพอแล้ว “ทำไมเพิ่งมาเห็นค่ากันตอนที่จะเสียกันไป ขอโทษนะที่ทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้ไม่ได้ เพราะเราไม่ได้เป็นคนผิดสัญญาตั้งแต่แรก หลังจากนี้ก็ขอให้เลือกเดินทางที่ดี ก่อนจะมีใครใหม่ก็ควรปรับตัวเองให้ดีก่อน อย่าไปทำแบบนี้กับใครอีก สงสารคนที่จะเข้ามา” นั่นคือความในใจที่ผมบอกเขาไป และผมมั่นใจว่าผมคงกลับไปไม่ได้แล้ว เพราะเขาใช้โอกาสได้เปลืองเหลือเกิน ถึงแม้จะไม่มีใครเข้ามา ก็ขออยู่ด้วยตัวเองน่าจะดีกว่า ไม่ต้องเจ็บ ไม่ต้องทรมาน
จริงๆ ดีเทล เล็กๆน้อยๆ เยอะมาก แต่ผมขอเล่าให้อ่าน แค่นี้ดีกว่าครับ ดูเยอะเกินไปด้วยซ้ำ สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้นะครับ อาจจะไม่ค่อยมีสาระอะไร นอกจากคนที่โดนหักหลังคนหนึ่งเท่านั้นเอง และอยากจะบอกว่า ความรักมันไม่ได้ขึ้นกับเวลา ไม่ว่าจะคบกันมานานขนาดไหน เมื่อเขาจะไป เวลามันก็ช่วยอะไรไม่ได้ ขอบคุณครับ