วาทะกรรมเก่าแก่อย่างคำว่า "สลิ่ม"
จริงๆมันน่าจะตกยุคไปแล้วนะผมว่า มันน่าจะสูญพันธ์ไปแล้ว
อย่างคำว่า "ไพร่" ไงครับ
โอย...สมัยก่อน ฮิตกันทั้งบ้านทั้งเมือง
คนนู้นก็ไพร่ คนนี้ก็ไพร่ อยู่ดีๆคนอยากเป็นไพร่กันจะเป็นจะตาย
คำว่า "ไพร่" นี่ มาเร็ว ไปเร็ว ตกยุคเร็ว
อ้อ..."อำมาตย์" อีกคำนึง
มีคนผูกเรื่องไว้ ให้ ไพร่ ต้องต่อสู้กับ อำมาตย์
ไพร่ เป็นตัวแทนของฝ่ายธรรม ผู้ถูกกดขี่
(พล๊อตเรื่องเดียวกับ สังคมที่ถูกกดทับ และ อำนาจนิยมอะไรของพี่ทอนนั่นแหละ มุกนี้ขายดีในประเทศไทยอย่างมาก)
และ อำมาตย์ เป็นตัวแทนของอำนาจที่ชั่วร้าย
พล๊อตสุดคลาสสิค หากินได้อีกร้อยปี - ธรรมะ vs อธรรม และ สงครามชนชั้น
ผลเป็นไงครับ
คนไทยกระโจนลงไปเป็นไพร่กันครึ่งเมือง
เหมือนตอนพี่ทอนหาเสียงนี่แหละ อยู่ดีๆ คนไทยเกิดจะถูกกดทับขึ้นมากระทันหันซะงั้น ผมละขำกลิ้ง
แต่ยังมีอีกคำหนึ่งซึ่งควรจะมลายหายไปหลายปีแล้ว - คำว่า "สลิ่ม"
แต่ไม่
เพราะมีคนบางพวก ที่ไม่ค่อยสบาย คือป่วยอะครับ
เป็นโรค "สลิ่มขึ้นสมอง"
วันๆละเมอเพ้อพกร้องหาแต่ "สลิ่ม" เหมือนเป็นรักแรกวัยเยาว์ ที่จำฝังใจ ไม่มีวันลืม
สลิ่มนั้น สลิ่มนี้ สลิ่มนู้น สลิ่ม 5 บาท สลิ่ม 10 บาท สลิ่มสามสลึง ฯลฯ
วาทะกรรมคำว่า "สลิ่ม" มันถึงยังอยู่มาจนถึงทุกวันนี้
ทั้งๆที่มันควรจะตกยุค หรือ สูญพันธ์ไปตั้งนานแล้ว
ก็ต้องขอบคุณบรรดาผู้ป่วยโรค "สลิ่มขึ้นสมอง" เหล่านี้ ที่พากันเอา สลิ่ม วางไว้บนหัวของตัวเอง แบกไว้ให้มันหนักหัวเล่นๆซะงั้น
ไม่ยอมเอาเขวี้ยงทิ้งไปซะที สลิ่มมันก็เลยไม่ได้ไปผุดไปเกิดซะที
หลอกหลอนผู้ป่วย ไปได้เรื่อยๆ วันๆงานการไม่ทำ หมกหมุ่นอยู่แต่ ไอ้สลิ่ม ที่ตัวเองแบกพวกมันไว้บนหัว
สลิ่มก็สบายซิครับคราวนี้
กุไม่เคยให้ราคาพวกมิงเล้ย แต่พวกมิงกลับเอาพวกกุไปวางไว้บนหัวซะงั้น
แล้วจะรออะไร
ขำกลิ้ง ซิครับพี่น้อง (ฮา)
สลิ่ม จงภูมิใจซะ
จริงๆมันน่าจะตกยุคไปแล้วนะผมว่า มันน่าจะสูญพันธ์ไปแล้ว
อย่างคำว่า "ไพร่" ไงครับ
โอย...สมัยก่อน ฮิตกันทั้งบ้านทั้งเมือง
คนนู้นก็ไพร่ คนนี้ก็ไพร่ อยู่ดีๆคนอยากเป็นไพร่กันจะเป็นจะตาย
คำว่า "ไพร่" นี่ มาเร็ว ไปเร็ว ตกยุคเร็ว
อ้อ..."อำมาตย์" อีกคำนึง
มีคนผูกเรื่องไว้ ให้ ไพร่ ต้องต่อสู้กับ อำมาตย์
ไพร่ เป็นตัวแทนของฝ่ายธรรม ผู้ถูกกดขี่
(พล๊อตเรื่องเดียวกับ สังคมที่ถูกกดทับ และ อำนาจนิยมอะไรของพี่ทอนนั่นแหละ มุกนี้ขายดีในประเทศไทยอย่างมาก)
และ อำมาตย์ เป็นตัวแทนของอำนาจที่ชั่วร้าย
พล๊อตสุดคลาสสิค หากินได้อีกร้อยปี - ธรรมะ vs อธรรม และ สงครามชนชั้น
ผลเป็นไงครับ
คนไทยกระโจนลงไปเป็นไพร่กันครึ่งเมือง
เหมือนตอนพี่ทอนหาเสียงนี่แหละ อยู่ดีๆ คนไทยเกิดจะถูกกดทับขึ้นมากระทันหันซะงั้น ผมละขำกลิ้ง
แต่ยังมีอีกคำหนึ่งซึ่งควรจะมลายหายไปหลายปีแล้ว - คำว่า "สลิ่ม"
แต่ไม่
เพราะมีคนบางพวก ที่ไม่ค่อยสบาย คือป่วยอะครับ
เป็นโรค "สลิ่มขึ้นสมอง"
วันๆละเมอเพ้อพกร้องหาแต่ "สลิ่ม" เหมือนเป็นรักแรกวัยเยาว์ ที่จำฝังใจ ไม่มีวันลืม
สลิ่มนั้น สลิ่มนี้ สลิ่มนู้น สลิ่ม 5 บาท สลิ่ม 10 บาท สลิ่มสามสลึง ฯลฯ
วาทะกรรมคำว่า "สลิ่ม" มันถึงยังอยู่มาจนถึงทุกวันนี้
ทั้งๆที่มันควรจะตกยุค หรือ สูญพันธ์ไปตั้งนานแล้ว
ก็ต้องขอบคุณบรรดาผู้ป่วยโรค "สลิ่มขึ้นสมอง" เหล่านี้ ที่พากันเอา สลิ่ม วางไว้บนหัวของตัวเอง แบกไว้ให้มันหนักหัวเล่นๆซะงั้น
ไม่ยอมเอาเขวี้ยงทิ้งไปซะที สลิ่มมันก็เลยไม่ได้ไปผุดไปเกิดซะที
หลอกหลอนผู้ป่วย ไปได้เรื่อยๆ วันๆงานการไม่ทำ หมกหมุ่นอยู่แต่ ไอ้สลิ่ม ที่ตัวเองแบกพวกมันไว้บนหัว
สลิ่มก็สบายซิครับคราวนี้
กุไม่เคยให้ราคาพวกมิงเล้ย แต่พวกมิงกลับเอาพวกกุไปวางไว้บนหัวซะงั้น
แล้วจะรออะไร
ขำกลิ้ง ซิครับพี่น้อง (ฮา)