บุพเพสันนิวาส และ พรหมลิขิต ดูอย่างไรให้มีความสุข

เนื้อหาแตกมาจากที่ผมได้อ่านกระทู้นี้ครับ
https://ppantip.com/topic/42312359
ผมว่าจะโพสที่กระทู้นั้นแล้ว แต่เปลี่ยนใจตั้งกระทู้ใหม่เลยดีกว่า และผมตั้งเป็นกระทู้คำถามนะครับ เพื่อให้ทุกคนสามารถคอมเมนต์ได้
เนื้อหาที่ผมเขียนไม่มีให้แท็กละคร บุพเพสันนิวาส และ พรหมลิขิต แต่มีให้แท็ก ปรัชญาชีวิต จิตวิทยา สังคมไทย การพัฒนาสังคม
ผมเลยต้องไปเลือกแท็ก บุพเพสันนิวาส และ พรหมลิขิต เอาเอง - -
และผมไม่ใช่คอละครไทย ไม่ใช่ติ่งช่องไหน ในรอบ30ปีมานี้ผมดูละครไทยแค่2-3เรื่องเองครับ จบพรหมลิขิตแล้วก็ไม่รู้ว่าจะได้ดูละครไทยอีกเมื่อไร
ฉะนั้น ผมคิดว่าตัวเองมีความเป็นกลางเพียงพอที่จะวิเคราะห์ได้อย่างถูกต้อง

ท้าวความก่อนว่า ยุคที่ฉายละครบุเพสันนิวาสนั้นเป็นปี2018 ปีที่คนไทยไม่ค่อยมีความสุข บ้านเมืองมีแต่เรื่องราววุ่นวายเด็กผู้ใหญ่ทะเลาะกัน
พอมีละครบุเพสันนิวาสมาฉายมันเลยกลายเป็นเวลาที่ประจวบเหมาะพอดีกับสภาพบ้านเมืองในตอนนั้น
มันเป็นปรากฏการณ์ที่ คนยุคปัจจุบันต้องไปใช้ชีวิตอยู่กับคนยุคโบราณ ความคิดที่แตกต่างกัน เด็กกับผู้ใหญ่ หัวสมัยใหม่กับหัวโบราณ รวมทั้งมุขตลกต่างๆและเรื่องของความรัก เรื่องเหล่านี้สร้างตรรกะทางความคิดแบบใหม่ให้กับสังคมไทย
คนยุคเก่ากับคนยุคใหม่จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันยังไง การปรับตัวเข้าหากัน คนยุคใหม่ปรับตัวเข้ากับคนยุคเก่า คนยุคเก่าปรับตัวให้เข้าใจคนยุคใหม่
คนยุคใหม่ต้องหัดพูดใหม่ฝึกมารยาทใหม่ คนยุคเก่าก็เข้าใจคนยุคใหม่และปรับตัวหา
แม้แต่อาหารการกินก็มีการปรับตัวเข้าหากัน หมูกระทะของคนยุคใหม่ที่คนยุคเก่ายอมรับและชื่นชอบ
ละครเรื่องนี้เหมือนจะบอกคนไทยว่า ไม่ว่าคนยุคไหนก็สามารถรักกันได้และอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข
และผมคิดว่า
ผู้แต่งนิยายและผู้เขียนบทละครเรื่องนี้ อยากจะบอกสังคมไทยแบบนี้เช่นกัน หรืออาจจะบอกไปโดยไม่รู้ตัวผ่านนิยายผ่านบทละครก็เป็นได้
นี่คือปรากฏการณ์ที่แท้จริงของละครเรื่องบุพเพสันนิวาสครับ มันเป็นสิ่งที่คุณอาจจะไม่รู้สึก แต่คุณได้ซึมซับมันไปโดยไม่รู้ตัว

หากข้ามภพย้อนเวลาได้ แล้วเอาพรหมลิขิตไปฉายก่อนบุเพสันนิวาส คุณลองพิจารณาดูสิว่าจะเป็นยังไง
พรหมลิขิตมีฉากต่างๆที่อลังการ CG กรุงศรีอยุธยาที่สวยงาม ความสามารถของนักแสดงที่ต้องเล่นหลายบทในเรื่องเดียว การแต่งกาย มุขตลกต่างๆ
หากฉายพรหมลิขิตไปก่อน แล้วค่อยเอาบุพเพสันนิวาสมาฉายต่อ คุณจะรู้สึกดรอปลงไปทันที ฉากต่างๆก็ดูเล็กลง CG ก็ไม่ดีเท่า การแต่งกายก็ไม่อลังการ ทุกอย่างมันจะดูเล็กลงไป ผมไม่ได้จะบอกว่าพรหมลิขิตดีกว่านะ
ผมแค่จะบอกว่าจริงๆแล้วมันเป็นแค่ความรู้สึกของเราเล่นตลกกับเราจนเราดูละครไม่มีความสุขครับ

ผมจะบอกวิธีคิด คิดยังไงให้เป็นสุขใจ จะดูละครเรื่องนี้ยังไงให้สนุก ไม่ว่าอะไรถ้ามันไม่เลวร้ายจนเกินไป จงมีความสุขไปกับมันครับ
ปรากฏการณ์เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยาก นานๆถึงจะเกิดขึ้นซักครั้ง และต้องอาศัยช่วงเวลาที่ประจวบเหมาะด้วย
ปรากฏการณ์ใดๆก็แล้วแต่ มันอยู่ได้ไม่นาน มันเป็นความทรงจำดีๆในช่วงเวลานั้นๆ และมันอาจจะเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงชีวิตคุณ
พรหมลิขิตไม่ใช่ปรากฏการณ์ แต่เป็นการสานต่อปรากฏการณ์ ฉะนั้นมันไม่มีทางเป็นปรากฏการณ์ได้แบบบุพเพสันนิวาส
บางคนไม่ว้าวเหมือนเดิม เพราะมันผ่านช่วง first impression ไปแล้ว
ซึ่งจริงๆแล้วพรหมลิขิตมีความสนุกและดีงามในตัวของมันอยู่แล้ว ผมเห็นแค่ฉากต่างๆก็รู้แล้วว่าเขาทุ่มเทกับการทำงานมากแค่ไหน ยกนิ้วให้เลย
แม้แต่ตัวนิยายหรือบทละคร มันยากที่จะเขียนออกมานะครับ ผมบอกได้เลยว่าเป็นงานที่ยากกว่าเดิม คนมีพรสวรรค์เท่านั้นถึงจะเขียนออกมาได้

คนที่ดูแล้วไม่ว๊าวเป็นเพราะความรู้สึกเดิมๆมันไม่อาจหวนกลับมาอีกแล้ว
พอไขว่คว้าหาความรู้สึกแบบเดิมไม่ได้ก็เลยบอกไม่สนุกเท่าบุพเพสันนิวาส
ละคร2เรื่องนี้ก็เหมือนชีวิตคู่ซึ่งมีทั้งช่วงข้าวใหม่ปลามันและช่วงหมดโปร
เป็นธรรมดาที่ช่วงข้าวใหม่ปลามันอะไรก็ดีไปหมด แต่พอหมดโปรแล้วก็เป็นปกติที่ความรู้สึกทุกอย่างมันจะดรอปลงไป
ในเรื่องความรัก คุณเชื่อไหมว่า คนเราต่อให้ทำดีต่อกันมากแค่ไหน ก็ไม่มีผลเท่าช่วงแรกๆที่คบกัน
แรกๆที่คบกันพาไปกินข้าวดูหนังก็ดีใจแล้ว พออยู่กันไปนานๆพาไปเที่ยวต่างประเทศซื้อของแบรนด์เนมให้ยังบอกไม่ดีก็มี

ความสุขในอดีตจงเก็บเป็นความทรงจำที่ดีไว้ อย่านำมาเปรียบกับสิ่งใดๆ เพราะไม่มีอะไรจะมาเทียบเท่ากับความทรงจำดีๆได้
จงมองหาความสุขจากสิ่งเล็กน้อยให้เจอ และจงพอใจกับความสุขที่ได้รับในปัจจุบัน
อย่าไปไขว่คว้าความสุขในอดีตที่เคยผ่านมาแล้ว เพราะมันไม่มีทางเอากลับคืนมาได้อีกตลอดไป
หากยามใดคุณอยากได้ความสุขแบบเดิม จงให้ระลึกถึงว่า
ในช่วงเวลาหนึ่งเราได้เคยมีความสุขแบบนี้ พอระลึกถึงเช่นนี้ ความสุขนี้มันจะไม่จางหายไปจากคุณ มันจะเป็นความสุขของคุณตลอดไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่