[CR] เที่ยวปากีสถานดูสีชมภู Cheery Blossom


ทริปนี้เป็นทริปที่เราเคยวางแผนที่จะเดินทางไปปากีสถานเพื่อดูสีชมภูCherry Blossomตั้งแต่ก่อนโควิดแต่ไม่ได้เดินทางทั้งๆที่ได้จองตั๋วเครื่องบินกันหมดแล้ว แต่พอโควิดมาการบินไทยก็ไม่คืนเงินแต่ให้เราแลกเป็นVoucherเก็บไว้แทนและใช้เวลาตั้ง3ปี และแล้วก็มาถึงวันนี้ในเดือนเมษายน2023และพวกเราจะไม่ทนอีกต่อไปขอเที่ยวแบบไม่กลัวโควิดเพราะกำลังจะลงแดงตายจากการที่ไม่ได้เดินทางมาหลายปี ทริปนี้มีปัญหามากมายกว่าจะได้เกิด เพราะจริงๆแล้วพวกเราวางแผนไว้ว่าจะมีบินจากIslamabadไปลงที่ Skarduและเที่ยวตั้งแต่Skarduลงมาที่Gilgit, Hunzaและกลับลงมาที่Islamabat.แต่ช่วงที่พวกเราเดินทางคือช่วงวันหยุดยาวสงการณ์วันที่ 12-23เมษา2023และมีบินจากIslamabadคือวันที่ 13เมษาแต่ปรากฏว่าก่อนเดินทางอยู่1เดือนทาง travelling agency ที่ปากีสถานที่เราติดต่อไว้แจ้งกับมาบอกพวกเราว่าสายการบินแจ้งยกเลิกบินในวันที่ 13เมษา ตายละสิว่าวุ่นเลยทีนี้ ทางtravelling agency เลยต้องทำ plan A และ Plan B ไว้ให้พวกเราเลือกกันไหม่ คือบินลงที่Gilgitแทน หรือไม่ก็ต้องนั่งรถจากIslamabadไปที่Gilgit คือทั้งสองplanนั้นไม่มีนั่งรถไป skarduเลยเนื่องจากถ้านั่งรถจะไกลมากและเสียเวลาไปกับการนั่งรถ พีเจและเพื่อนได้คุยกันและตกลงว่าจะยังคงconceptเดิมคือประหยัดเวลาเดินทางให้น้อยที่สุดเลยเหลือกที่จะบินลงที่Gilgitแทน การเดินทางภายในประเทศของปากีจาก Islamabad ไป Gilgit หรืด skardu มีความเสียงที่โดนยกเลินบินได้ตลอดเวลา เป็นประเทศที่ไม่มีอะไรแน่นอนเรื่องตารางเวลาบินจริงๆแต่พวกเราและเพื่อนๆก็เขาใจว่าเป็นเหตุสุดวิสัยไม่มีใครอยากให้เกิด.
           
เครื่องบินที่ใช้บินลงGilgitลำเล็กมากในสายตาพีเจแต่ ณ จุดๆนั้นทุกคนไม่ได้ให้ความสนใจกับขนาดของเครืองบินกันเท่าไร แต่ทุกคนว้าวุ้นกับการวิ่งวุ่นวายถ่ายรูปกันมากกว่า ทริปนี้มีแต่ผู้หญิงมีผู้ชายไปดูแลเหล่ามหาราณีอยู่แค่2คน พวกเราก็แบกน้ำพริกไปกีนกันเพราะรู้ว่าอาหารแขกคงไม่ถูกปากพวกเราแน่ๆ มาม่าอีกอย่างที่เพื่อนๆควรพกติดตัวไปทานด้วยจะได้แก้เลี้ยนได้

พอถึงGilgitคุณไกด์ก็พาพวกเรานั่งรถมาเพื่อที่จะขึ้นแฟรีมีโดซึ่งรถตู้ไม่สามารถขึ้นได้ต้องขึ้นด้วยรถJeepเหมือนในรูปข้างบน ทางขึ้นแฟรีนั้นคดเคียวแต่ดูแล้วถนนกีกว่าเมือ5ปีที่แล้วที่พีเจเคยมาtrekkingดูสีเขียวตอนนั้นถนนยังไม่ขยายและดูน่ากลัวกว่าตอนนี้ พอสุดทางรถJeepก็ต่อด้วยการขี่ม้าขึ้นเขาพวกเรามาถึงที่นี้เย็นมากแล้วและม้าแต่ละตัวก็ดูจะเหนื่อยล้ามากเพราะคงจะเดินมาทั้งวัน
พวกเราไปถึงที่พักบนแฟรีกันเย็นพอสมควรปีนี้คุณไกด์บอกว่าหิมะละลายเร็วกว่าทุกปีจึงทำให้อากาศที่นี้ไม่หนาวมากเหมือนเมษาปีก่อนๆแต่ขอบอกเลยว่าสำหรับพวกเราแล้วอากาศคือหนาวมากคุณไกดิ์จัดที่พักให้พวกเราซึ่งจะมีเตาผิงข้างในเพราะตอนกลางคืนอากาศจะลดลงต่ำมากชนิดที่น้ำที่ตั้งไว้ในห้องกลายเป็นน้ำแข็งเลยที่เดียว แฟรีอยู่สูงมากถ้าเพื่อนๆจะมาต้องเช็คร่างกายด้วยนะคะว่าแพ้ความสูงไหมเพราะเพื่อนๆพีเจมีอาการปวดหัวคลื่นใส่ด้วยแต่โชคดีที่พื่อนในกลุ่มเตรียมยาไปด้วยเลยได้ทานกันสำหรับคนที่มีอาการAttitude Sickness.
   

และนี้คือบรรยากาศหน้าที่พักพวกเรา นี้ขนาดว่าปีนี้เจอGlobal warmingทำให้หิมะละลายเร็วกว่าทุกปี แต่เล่นเอาพวกเราไม่อยากอาบน้ำกันเลยคะ อาบน้ำอุ่นเสร็จนี้ร้องจ๊ากกันเลย แต่ที่นี้ระบบน้ำและไฟฟ้าเขาไม่ค่อยดีนะคะ ที่ปากีรัฐบาลจะเปิดปิดไฟเป็นเวลาทำให้ไฟฟ้าตกๆดับๆน้ำก็ด้วยเช่นกันไหลบ้างไม่ไหลบ้างคุณต้องรีบรองน้ำไว้ใช้เวลาที่ยังไม่ค่ำเพราะถ้าดึกแล้วน้ำไม่ไหลและคนที่ดูแลresortก็จะไม่อยู่

วันนี้ทุกคนเหนือยก็จะรีบเข้านอนกัน บางคนก็จะไม่มาทานข้าวเย็นเพราะว่าอากาศหนาวและเพื่อนๆคงจะเหนื่อยจากการขี้ม้ากัน เพราะม้าบางตัวที่เหนื่อยจากการให้บริการลูกค้าตลอดทั้งวันจู่ๆก็ดือไม่ยอมเดิน พวกเราก็หยุดให้ม้าพักบ้าง และเมือม้าหายเหนื่อยก็นั่งกันต่อ บ้างเจอม้าตัวไหม่ที่กำลังเดินลงมาเจ้าของม้าก็เปลี่ยนม้าให้พวกเราบ้าง เลยทำให้เพื่อนๆเหนื่อยบางคนบอกไม่ขอทานข้าวเย็นขอตัวไปนอนก่อน
         

วันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ทุกคนต้องขี่ม้าขึ้นbasecampแต่เช้านี้ดูม้ามีพลังขันเยอะกว่าเมือวาน สงสัยคงเพราะว่าได้พักแล้วและพวกเราเป็นกลุ่มแรกที่ขี่ม้าขึ้นbasecamp แต่เช้าเลย ขอบอกว่าวันนี้สนุกมากเพราะข้างบนbasecampสวยตะการตาด้วยหิมะสีขาว แต่อย่างที่บอกไปว่าปีนี้หิมะละลายเร็วจึงทำให้ม้ามันลื้นจากการที่ข้างล้างหิมะมันละลายเป็นน้ำ ม้าตัวที่พีเจขี่สองขาหน้าลื้นและเข่างอเหมื่อนจะล้มทำให้พีเจตกม้าแต่โชคดีที่คนจูงคอยละวังทำให้ม้าไม่เยียบพีเจแต่พีเจเอามือค้ำยันพื้นไว้เลยมีลอยทะลอกที่เมือจริงๆแล้วถ้าเป็นปีก่อนๆหิมะจะหนากว่านี้และจะยังไม่ละลายเร็วแบบนี้.เพื่อนๆในทริปมีม้าที่ลื้นหิมะแบบนี้อยู่2-3คนแต่เพื่อนๆไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากมายคงจะด้วยทุกคนระวังตัวเองและมีคนจูงมาคอยดูแลด้วย        

พอถึงbasecampแค่นั้นแหละ เหล่ามหาราณีและราชาทั้งหลายวิ่งวุ่นวายหาวิวถ่ายรูปกัน ทุกคนตื่นเต้นกับวิวหิมะที่มีฉากหลังเป็นภูเขาหิมะสีขาวกันแต่ละคนไม่มีใครยอมใครคะคงจะได้กันร้อยรูปเลยละคะ

ตลอดทางที่ขี่ม้าขึ้นbasecampพวกเราใช้เวลากัน2ชมได้ที่นานนี้ไม่ได้หมายความว่ามันไกลนะคะแต่เพราะว่าระหว่างทางวิวสวยล้านแปดและเพื่อนๆก็จะลงมาถ่ายรูปกันตลอดทาง ขี่ม้าบ้างลงมาถ่ายรูปบ้าง โดยเฉพาะวิวที่เป็นhighlightรูปข้างบนนี้


พวกเราใช้เวลาดื่มด่ำอยู่ที่แฟรีกัน2คืน3วันก็ถึงเวลากลับลงมาและไปที่อื่นต่อ.

Passu ช่วงเดือนเมษาความสวยที่ไม่เคยปราณีใคร

ทางเดินเข้าไปหมู่บ้านPassuสองข้างทางมีหินลายลอม ปีนี้พวกเราโชคร้ายที่มาเจอGlobal warmingทำให้ดอกเชอร์รีบานเร็วกว่าทุกปีตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมแล้ว จริงๆดอกเชอร์รีจะบานช่วงกลางเดือนเมษาช่วงเวลาที่พวกเราเดินทางนี้ละแต่ปีนี้กลับตาระปัดบานเร็วและที่เหลือสีชมภูให้ได้ดูคือบนภูเขาสูงเท่านั้นและก็มีบางพื้นที่ที่ลูกCheeryแดงเร็วกว่าทุกปีเช่นกัน ปกติลูกcherryจะแดงช่วงปลายเดือนพฤษภาแต่ปีนี้กลางเมษาก็มีลูกcherryให้เก็บแล้วสำหรับบางพื้นที่ที่อยู่ต่ำนะคะอันนี้คุณไกดิ์บอกพีเจ


แต่ที่ข้างในหมู่บ้านPassuยังพอมีดอกไม้สีชมภูให้ได้ถ่ายรูปกันอยู่สังเกตได้จากหน้าพีเจบานแข่งกันกับดอกไม้




พื้นดินที่เห็นเหลื่องๆนั้นปกคลุมไปด้วยดอกหญ้าสีเลืองสวยงามและยังมีฉากหลังเป็นภูเขาpassuอีกบอกเลยว่าสถานที่จริงงดงามเหมือนภาพวาดเลยละ


จริงๆไม่คิดว่าจะได้เห็นดอกหญ้าสีเหลืองแบบนี้มาก่อน สวยมากเลยถ้าใครไม่แวะเข้าที่หมู่บ้านนี้เสียดายแน่ แต่พวกเราโชคดีที่คุณไกดิ์จองที่พักที่ดีที่สุดในย่านนี้และเป็นที่พักที่ไม่ใกล้จากpassuมากหนักแค่เดินข้ามฝากจากถนนมาไม่ใกลก็ได้วิวล้านแปดแล้ว.

และนี้คือวิวหน้า รร นี้อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านpassuเท่าไหร่ พีเจจำชื่อ รร ไม่ได้ แต่ว่าที่นี้ถ่ายได้วิวสวยที่สุดในย่านpassu.


บรรยากาศตอนเช้าตื่นขึ้นมาเห็นหมอกลอยมาเป็นระยะหน้าที่พักบอกเลยฟินมาก วันนี้ดูเหมือนอากาศคลึ่มเหมือนฟนจะตกในใจก็หวันๆกลัวฟนตกเพราะวันนี้พวกเราจะไปดูดอกcheeryบนภูเขาhopper valleyวันนี้คุณไกดิ์ให้พวกเราเตรียมชุดกันฟนเพราะแกคงจะดูพยากรอากาศมา พวกเราโชคร้ายมาในปีที่เกิดGlobal warmingก็ตามคาดคะขับรถมาถึงที่ hopper valley แต่เจอฟนตกปลอยๆพวกเราก็ใส่ชุดกันฟนกันตามรูปเลยคะ




ข้างหลังพีเจนั้นเป็น hopper Garcia เป็นการ์เซียสีดำ ด้านหน้าพีเจคือดอกไม้สีชมภูแต่ข้างบนคือฟน ดูเหมือนปีนี้ไม่ใช้ปีของพีเจมาเจอภาวะโลกร้อนเข้า แต่ว่าสถานที่จริงสวยงามมากนะคะถึงแม้ว่าจะเจอฟน.


ล่องเรือที่ Attabad Lake ตอนแรกบอกคุณไกดิ์ว่าขอล่องเรือนานๆนะ ไกดิ์ก็พยักหน้าแต่พอลงจากรถจะขึ้นเรือบอกเลยหนาวมาก ลมแรงมากและไอความเย็นจากlakeหนาวมากพอลงเรือได้ประมาณ5นาทีทุกคนบอกไกดิ์ว่าขอเปลี่ยใจแล้วขอล่องแค่5นาทีพอเพราะทนกับลมหนาวไม่ไหวกัน.

อีกหนึ่ง highlight ที่ห้ามพลาดคือAltit Fortสวยงามเห็นวิวทั้งเมือง ที่นี้เคยเป็นคุกที่กักขังนักโทษเมือรายร้อยปีมาแล้วไม่น่าเชื่อว่าจะสวยขนาดนี้

Hussaini Bridgeเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ต้องไปเก็บภาพ ที่นี้มี Zip Lineให้เล่นด้วยนะคะและมีพี่ผู้ช่ายท่านนี้ได้ไปประลองเล่นมาแล้วคะค่าเล่นเท่าไหร่ 1500-2000รูปีนี้ละไม่แน่ใจ.
จริงๆวันนี้พวกเราต้องได้ขึ้นไป Nalta valley แต่ด้วยเมือวานนี้ฟนตกเลยทำให้มี land slice ตรงทางขึ้นทำให้ถนนปิดไม่สามารถขึ้นได้ ดังนั้นคุณไกดิ์ก็พยายามหาสวนเชอร์รีให้พวกเราได้ไปเก็บกันบนต้นcheerry จริงอยากเขียนเยอะกว่านี้แต่พันทิพย์กำหนดตัวอักษรให้เขียนได้เท่านี้

 ถ้าใครสนใจตามรอยก็ติดต่อพีเจจัดกรุ๊ปให้ได้ที่FB: https://www.facebook.com/profile.php?id=61559407647864 (Dream Destination Tour and Travel) หรือสามารถเข้าไปดูโปรแกรมที่พีเจจัดได้ที่ https://dreamdestinationtourandtravel.co.th  Line ID: destinationtour , Tel 0898072382 หรือสมารถติดตามการเดินทางของพีเจได้ที่ FB: https://www.facebook.com/s.pj18/ ยันยันเดินทางตั้งแต่2ท่านขึ้นไป แต่ถ้าไม่ถึง10คนก็จะไม่มีหัวหน้าไกดิ์จากไทยไปด้วย แต่เรามีไกดิ์ท้องถิ่นคอยดูแลแทนคะ
ชื่อสินค้า:   เที่ยวปากีสถานดูสีชมภู Cheery Blossom
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่