The Last Samurai (2003) Official Trailer
The Last Samurai เป็นภาพยนตร์ดราม่าแอคชั่นย้อนยุค ปี 2003 ที่กำกับและอำนวยการสร้างโดยเอ็ดเวิร์ด ซวิค โดยเขียนบทร่วมกับจอห์น โลแกนและมาร์แชล เฮอร์สโควิตซ์ จากเรื่องราวที่โลแกนวางแผนไว้ นำแสดงโดย ทอม ครูซ (รับบทเป็นร้อยเอกนาธาน อัลเกรน) เคน วาตานาเบ้ (คัตซึโมโตะ) ร่วมกับ ทิโมธี สปอล (เกรแฮม), บิลลี่ คอนนอลลี่, โทนี่ โกลด์วิน (พันเอกแบ็กลีย์), ฮิโรยูกิ ซานาดะ (ยูจิโอ), โคยูกิ (ทากะ) และ มาซาโตะ ฮาราดะ (โอมูระ) ในบทบาทสนับสนุน ดนตรีประกอบโดยฮันส์ ซิมเมอร์ ภาพยนตร์ได้รับคำชมในด้านการแสดง ภาพ การถ่ายภาพยนตร์ และดนตรีประกอบ ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ 4 รางวัล รางวัลลูกโลกทองคำ 3 รางวัล แต่ทั้งหมดไม่ได้รับรางวัล ภาพยนตร์ถ่ายทำในประเทศนิวซีแลนด์และญี่ปุ่นเป็นหลัก
ทอม ครูซ รับบทเป็นร้อยเอกนาธาน อัลเกรน อดีตทหารผ่านศึกในสงครามกลางเมืองและสงครามอินเดียน แม้ว่าเขาจะเป็นทหารที่มีความสามารถพิเศษ แต่เขาก็ยังถูกหลอกหลอนด้วยบทบาทของเขาในการสังหารหมู่ชนพื้นเมืองอเมริกันที่แซนด์ครีกหรือชิวิงตัน และการสังหารหมู่ชนพื้นเมืองอเมริกันที่แม่น้ำวาชิตะ หลังจากที่เขาปลดประจำการจากกองทัพสหรัฐและใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมาย เขาตกลงรับงานที่จะช่วยรัฐบาลฟื้นฟูเมจิชุดใหม่ ฝึกฝนกองทัพทหารเกณฑ์แบบตะวันตกชุดแรก ด้วยเงินจำนวนมหาศาล และต่อมามันก็ทำให้เขาได้สัมผัสกับชีวิตนักรบซามูไรในช่วงการฟื้นฟูเมจิในญี่ปุ่นศตวรรษที่19 และเปลี่ยนแปลงชีวิตเขาไปโดยสิ้นเชิง เนื้อเรื่องของภาพยนตร์ได้รับแรงบันดาลใจจากกบฏซัตสึมะในปี พ.ศ. 2420 ซึ่งนำโดยไซโง ทาคาโมริและการเปลี่ยนแปลงของญี่ปุ่นให้เป็นตะวันตกโดยมหาอำนาจจากต่างประเทศ ตัวละครของอัลเกรนมีพื้นฐานมาจากเออแฌน คอลลาเชและจูลส์ บรูเนต์ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ องครักษ์ของจักรวรรดิฝรั่งเศส ทั้งคู่ที่ต่อสู้เคียงข้างเอโนโมโตะ ทาเคอากิในสงครามโบชิน
เรื่องย่อ :
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ในปี 1876 อดีตหัวหน้ากองร้อยแห่งกองทัพสหรัฐฯ ร้อยเอกนาธาน อัลเกรน ซึ่งเป็นทหารฝีมือดีที่กลายเป็นคนติดเหล้าและบอบช้ำจิตใจจากการกระทำโหดร้ายที่เขาก่อขึ้นระหว่างสงครามอเมริกันอินเดียน ได้รับการติดต่อจากอดีตผู้บัญชาการของเขาพันเอกแบ็กลีย์ แบกลีย์ขอให้เขาฝึกกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นที่สร้างขึ้นใหม่ ให้กับนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นโอมูระ ซึ่งตั้งใจจะใช้กองทัพนี้เพื่อปราบปรามการก่อกบฏที่มีหัวคิดแบบซามูไรต่อต้านจักรพรรดิองค์ใหม่ของญี่ปุ่น แม้ว่าเขาจะเกลียดแบ็กลีย์ แต่อัลเกรนผู้ยากจนก็รับงานเพื่อเงิน เขาเดินทางไปญี่ปุ่นพร้อมกับจ่าสิบเอกเซบุลอน แกนต์ เพื่อนเก่าของเขา เมื่อมาถึงอัลเกรนก็ได้พบกับไซมอน เกรแฮม ช่างถ่ายภาพและนักวิชาการชาวอังกฤษที่มีความรู้เกี่ยวกับซามูไร ซึ่งถูกว่าจ้างให้เป็นล่ามของเขารอต้อนรับอยู่
อัลเกรนเรียนรู้ว่าทหารของจักรวรรดิเป็นเพียงชาวนาที่ถูกเกณฑ์มา ซึ่งได้รับการฝึกฝนต่ำและมีระเบียบวินัยน้อย ขณะฝึกให้พวกเขายิงปืนอยู่ อัลเกรนได้รับแจ้งว่าซามูไรกำลังโจมตีทางรถไฟสายหนึ่งของโอมูระ โอมูระต้องการให้ส่งกองทัพไปที่นั่นทันที แม้ว่าอัลเกรนจะประท้วงว่าพวกเขายังไม่พร้อมก็ตาม การสู้รบครั้งนี้ถือเป็นหายนะ กองทัพทหารเกณฑ์ที่ไม่มีวินัยถูกส่งไปรบกับกองทัพซามูไร และแกนต์ก็ถูกสังหาร อัลเกรนต่อสู้จนถึงจุดสุดท้ายก่อนที่เขาจะถูกล้อมและจับกุมตัวได้ในที่สุด ผู้นำซามูไรคัตสึโมโตะตัดสินใจไว้ชีวิตเขาและจับเขาไว้เป็นเชลยโดยหวังเรียนรู้สิ่งใหม่ๆของชาติตะวันตกจากศัตรู(รวมถึงกลยุทธ์ในการสู้รบโดยใช้ปืน) นายพลฮาเซกาวะ อดีตซามูไรที่รับราชการในกองทัพจักรวรรดิ ทำพิธีเซ็ปปุกุ(ฮาราคีรี-คว้านท้องตนเอง)เพื่อรักษาเกียรติแทนที่จะถูกจับตัวเป็นเชลย
อัลเกรนถูกนำตัวไปที่หมู่บ้านของคัตสึโมโตะ และตามคำร้องขอของคัตสึโมโตะ ทากะ น้องสาวของคัตสึโมโตะและเป็นภรรยาม่ายของซามูไรที่ถูกอัลเกรนสังหาร ยอมให้เขาเข้ามาอยู่อาศัยในบ้านด้วยกับครอบครัวของเธอตามคำร้องขอของคัตสึโมโตะ แม้ว่าเขาจะได้รับการปฏิบัติต้อนรับที่ไม่ดีในตอนแรก แต่ในที่สุดเขาก็ได้รับความเคารพจากซามูไรและได้สนทนาใกล้ชิดกับคัตสึโมโตะอยู่เสมอ ด้วยความช่วยเหลือของทากะและวิถีซามูไรซึ่งนับถือพุทธนิกายเซน อัลเกรนสามารถเอาชนะโรคพิษสุราเรื้อรังและความรู้สึกผิดครั้งเก่าๆที่ฝังจิตใจเขาทำให้นอนฝันร้ายและละเมอร้องเสียงโหยหวนทุกคืนได้ เขาเรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมญี่ปุ่น อีกทั้งได้รับการฝึกฝนในศิลปะของเคนจุสึ(ทักษะการใช้ดาบ) เขาพัฒนาความเห็นอกเห็นใจต่อซามูไรผู้ไม่พอใจที่เทคโนโลยีสมัยใหม่ได้กัดกร่อนประเพณีในสังคมของพวกเขา อัลเกรนและทากะเริ่มมีความรักใคร่ต่อกันโดยไม่ต้องเอ่ยเป็นคำพูด
คืนหนึ่ง กลุ่มนินจาแทรกซึมเข้าไปในหมู่บ้านและพยายามลอบสังหารคัตสึโมโตะ อัลเกรนช่วยชีวิตคัตสึโมโตะเอาไว้ จากนั้นก็ร่วมมือกันช่วยปกป้องหมู่บ้าน โดยสรุปว่าโอมูระต้องว่าจ้างพวกนินจานี้มาแน่ คัตสึโมโตะขอเข้าพบจักรพรรดิเมจิในโตเกียว เขาพาอัลเกรนมาโดยตั้งใจจะปล่อยเขา เมื่อมาถึงโตเกียว อัลเกรนเห็นว่ากองทัพจักรวรรดิกลายเป็นกองกำลังที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีและมีอุปกรณ์ครบครันซึ่งนำโดยแบ็กลีย์ คัตสึโมโตะซึ่งเคยเป็นอาจารย์ของจักรพรรดิต้องตกตะลึงเมื่อพบว่าจักรพรรดิหนุ่มผู้ไม่ค่อยมีประสบการณ์ได้กลายเป็นหุ่นเชิดของโอมูระ ในการประชุมของรัฐบาล โอมูระออกคำสั่งให้จับกุมคัตสึโมโตะโทษฐานถือดาบในที่สาธารณะ และบอกให้เขาทำพิธีเซ็ปปุกุในวันรุ่งขึ้นเพื่อแลกกับเกียรติยศของเขา ในขณะเดียวกันอัลเกรนปฏิเสธข้อเสนอของแบ็กลีย์ที่จะกลับมาเป็นผู้บังคับบัญชากองทัพต่อไป อัลเกรนวางแผนเข้าไปสืบค้นหาห้องที่ใช้เป็นที่กักขังตัวคัตสึโมโตะ โอมูระส่งมือสังหารแอบติดตามเขาเมื่อกลับออกมา แต่แล้วอัลเกรนก็ต่อสู้สังหารเหล่าผู้ลอบโจมตีเขาทั้งหมด แล้วรีบกลับไปบอกกลุ่มซามูไรที่รออยู่เพื่อมาช่วยเหลือพาคัตสึโมโตะหลบหนีจากที่ถูกกักขัง ในระหว่างการต่อสู้ โนบุทาดะ ลูกชายของคัตสึโมโตะได้รับบาดเจ็บสาหัส เขายอมเสียสละชีวิตของตนเพื่อทำให้คนอื่นๆ สามารถหลบหนีไปได้สำเร็จ
ขณะที่กองทัพจักรวรรดิกำลังเดินทัพมาเพื่อบดขยี้กลุ่มกบฏ คัตสึโมโตะผู้โศกเศร้าเรื่องลูกและผิดหวังในการเป็นผู้นำเหล่าซามูไรในยุคของตนครุ่นคิดถึงแต่เรื่องเซ็ปปุกุ อัลเกรนโน้มน้าวใจให้เขาเปลี่ยนความคิดและเข้าร่วมกับซามูไรในการต่อสู้ อัลเกรนใช้ความประมาทมั่นใจในประสิทธิภาพอาวุธของตนมากเกินไปของกองทัพจักรวรรดิเพื่อล่อให้พวกเขามาติดกับดัก การสู้รบที่เกิดขึ้นทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายจำนวนมากทั้งสองฝ่าย แต่ก็ทำให้ทหารของจักรวรรดิเสียขวัญต้องล่าถอยแตกทัพหนีกระเจิงส่วนหนึ่ง เมื่อรู้ว่ากำลังเสริมของกองทัพจักรวรรดิกำลังมา และความพ่ายแพ้ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ คัตสึโมโตะจึงสั่งให้เหล่าซามูไรที่เหลืออยู่ตั้งแถวเรียงหน้ากระดานทัพม้าเพื่อต่อสู้แบบพลีชีพ เหล่าซามูไรควบม้าฝ่าการโจมตีด้วยปืนใหญ่และบุกทะลวงแนวรบของแบกลีย์ อัลเกรนพุ่งดาบสังหารแบ็กลีย์ แต่ซามูไรทั้งหมดก็ถูกปืนแก็ตลิงยิงกระสุนรัวใส่อย่างไม่หยุดยั้งจนล้มลงพื้นสิ้นฤทธิ์ หัวหน้ากองร้อยของจักรวรรดิซึ่งเคยได้รับการฝึกฝนโดยอัลเกรน รู้สึกเคารพเทิดทูนในความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญและมีเกียรติของนักรบซามูไร เมื่อเห็นซามูไรที่ถูกยิงกำลังจะตายเขาจึงสั่งให้ทหารหยุดยิง ทำให้โอมูระโกรธเคืองมาก คัตสึโมโตะที่กำลังได้รับบาดเจ็บสาหัสไร้สิ้นเรี่ยวแรงแล้วพยายามที่จะทำการเซ็ปปุกุตนเอง เขาขอร้องอัลเกรนให้ช่วยเขาลงมือทำมันให้สำเร็จ เหล่าทหารทั้งหมดที่ยืนนิ่งมองดูเหตุการณ์นั้นอยู่ ต่างทยอยกันคุกเข่าลงกับพื้น ก้มศีรษะค้อมราบลง เพื่อแสดงความเคารพในเกียรติและศักดิ์ศรีของคัตสึโมโตะ ยอดนักรบซามูไรคนสุดท้าย
ต่อมา ขณะที่กำลังมีการเจรจาการค้ากันอยู่ระหว่างทูตอเมริกันกับองค์จักรพรรดิ อัลเกรนที่แม้จะยังบาดเจ็บอยู่ก็ขออนุญาตพิเศษเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิ(สอดแทรกทันก่อนการสรุปข้อเจรจาพอดี) เขามอบถวายดาบของคัตสึโมโตะให้กับจักรพรรดิ และขอให้องค์จักรพรรดิทรงระลึกถึงธรรมเนียมประเพณีที่คัตสึโมโตะและเหล่าซามูไรของเขาต่อสู้ยอมเสียสละชีวิตเพื่อรักษาเกียรติและประเทศชาติ องค์จักรพรรดิจึงทรงตระหนักแล้วว่าแม้ญี่ปุ่นจะต้องปรับปรุงแก้ไขให้ทันสมัย แต่ก็ไม่อาจลืมวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของชาติตนเองได้ จักรพรรดิตอบปฏิเสธข้อเสนอการค้าของทูตอเมริกัน และเมื่อโอมูระประท้วง จักรพรรดิก็บอกว่าเขาทำสิ่งต่างๆมามากพอแล้ว และตรัสจะยึดทรัพย์สมบัติของโอมูระเพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชน โอมูระอ้างว่าเขาได้รับความอับอาย องค์จักรพรรดิจึงยื่นดาบของคัตสึโมโตะให้โอมูระ แล้วตรัสว่าหากความอับอายนั้นมันมากเกินไป เขาก็ควรจะทำเซ็ปปุกุ โอมูระหน้าซีดยอมจำนนและจากไป จากนั้นจักรพรรดิก็เอ่ยถามอัลเกรนว่า "เขา(คัตสึโมโตะ) ตายยังไง?" อัลเกรนจึงทูลตอบว่า "กระหม่อมจะเล่าว่าตอนมีชีวิตอยู่ เขาอยู่อย่างไร จะดีกว่า"
ในขณะที่ข่าวลือต่างๆ เกี่ยวกับชะตากรรมของอัลเกรนแพร่สะพัดส่วนใหญ่เป็นไปในแง่ลบ เกรแฮมกลับคิดสรุปเองว่าอัลเกรนได้พบกับความสุขที่แท้จริงในชีวิตแล้ว และอาศัยอยู่ในพื้นที่สงบเล็กๆแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น (อัลเกรนกลับไปใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวของทากะ ที่หมู่บ้านของเหล่าซามูไร)
The Last Samurai | The Way of the Warrior
Final Charge - The Last Samurai
✨️🎬📢 (หนังดีน่าดู) มหาบุรุษซามูไร The Last Samurai (2003) 📢🎬✨️
ทอม ครูซ รับบทเป็นร้อยเอกนาธาน อัลเกรน อดีตทหารผ่านศึกในสงครามกลางเมืองและสงครามอินเดียน แม้ว่าเขาจะเป็นทหารที่มีความสามารถพิเศษ แต่เขาก็ยังถูกหลอกหลอนด้วยบทบาทของเขาในการสังหารหมู่ชนพื้นเมืองอเมริกันที่แซนด์ครีกหรือชิวิงตัน และการสังหารหมู่ชนพื้นเมืองอเมริกันที่แม่น้ำวาชิตะ หลังจากที่เขาปลดประจำการจากกองทัพสหรัฐและใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมาย เขาตกลงรับงานที่จะช่วยรัฐบาลฟื้นฟูเมจิชุดใหม่ ฝึกฝนกองทัพทหารเกณฑ์แบบตะวันตกชุดแรก ด้วยเงินจำนวนมหาศาล และต่อมามันก็ทำให้เขาได้สัมผัสกับชีวิตนักรบซามูไรในช่วงการฟื้นฟูเมจิในญี่ปุ่นศตวรรษที่19 และเปลี่ยนแปลงชีวิตเขาไปโดยสิ้นเชิง เนื้อเรื่องของภาพยนตร์ได้รับแรงบันดาลใจจากกบฏซัตสึมะในปี พ.ศ. 2420 ซึ่งนำโดยไซโง ทาคาโมริและการเปลี่ยนแปลงของญี่ปุ่นให้เป็นตะวันตกโดยมหาอำนาจจากต่างประเทศ ตัวละครของอัลเกรนมีพื้นฐานมาจากเออแฌน คอลลาเชและจูลส์ บรูเนต์ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ องครักษ์ของจักรวรรดิฝรั่งเศส ทั้งคู่ที่ต่อสู้เคียงข้างเอโนโมโตะ ทาเคอากิในสงครามโบชิน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้