แวะแช่ Onsen อ.วังชิ้น จ.แพร่ พระธาตุพระพิมพ์-พระธาตุขวยปู เมืองสงบ ชุมชนริมม่น้ำยม แวะวัดสะแล่ง อ.ลอง✌️😃😄

ผมมาพักที่อุตรดิตถ์ อยู่ 2 คืน เสร็จภารกิจก็ว่าจะแวะ อ.วังชิ้นสักหน่อย แล้วจะไปเก็บ วัดสะแล่ง ที่ อ.ลอง เพราะครั้งก่อน เวลาผมไม่พอ ยามที่มาพักอุตรดิตถ์ ก็จะพักที่ รร.สีหราช อาหารก็อร่อยดี ครั้งนี้ ข้ามไปกินมื้อเที่ยงที่ ห้างฟรายเดย์ มีเมนูซุปหมาล่า รสชาติดีมากๆ เลือกเอาแล้วไปชั่งน้ำหนัก ไม่แพงๆ 
         ที่ อ.วังชิ้น ผมขับไปพระธาตุดอยก๊อ เป็นพระธาตุอยู่บนดอยเล็กๆ ขึ้นไปก็จะเห็นชุมชนชาววังชิ้น ที่ตั้งอยู่ริมน้ำยม แล้วก็ขับไปต่อใกล้ๆ วัดบางสนุก เป็นที่ประดิษฐาน พระธาตุพระพิมพ์ พระธาตุคู่เมืองวังชิ้น เรื่องราวของแม่-ลูก กับทัศนคติเรื่องความกตัญญู 
         เสร็จแล้วผมก็ไปแช่ Onsen ที่ บ่อน้ำแร่แม่จอก ก็จัดการได้ดีพอสมควรเลยครับ จากนั้นใกล้ๆ ผมขับไปไม่กี่นาที ก็เป็นพระธาตุขวยปู ตำนานพระธาตุคู่บ้านวังชิ้น เรื่องความเชื่อในพระโพธิสัตว์ที่เสวยชาติ เป็นปู 
                 จากนั้นผมก็ไปเก็บตก ที่วัดสะแล่ง อ.ลอง ครั้งก่อนเวลาจำกัดเลยครับ จากที่ไปแวะเที่ยว อ.ลอง ==> https://ppantip.com/topic/42268254 ส่วนวัดป่าพุทธอุทยานถ้ำจักรพรรดิ์ ผมไปแวะได้สักครู่ แต่อยู่ไม่นานครับ เหมือนว่าไม่ถูกจริตผมเท่าไหร่นะครับ 
            จะว่าไป ผมแวะวัดต่างๆ ไม่ได้เป็นคนเข้าวัดเข้าวาปฎิบัติธรรมอะไรนะครับ ผมชอบทัศนา ชมงานสถาปัตยกรรม ปฏิมากรรมในแต่ละท้องถิ่น เพราะสิ่งเหล่านี้จะบอกเล่าความเป็นมาของวิถีผู้คนและชุมชนได้เป็นอย่างดีครับ 


รร.สีหราช อ.เมืองอุตรดิตถ์ 

แวะกราบ ท่านพระยาพิชัย เทพแห่งความซื้อสัตย์ จงรักภักดี 

ผมขับมาทาง สุโขทัยแล้วเลี้ยวไปทาง อ.วังชิ้น 

พระธาตุดอยก๊อ อ.วังชิ้น จ.แพร่ 
                  พระธาตุดอยก๊อ เป็นพระธาตุอยู่บนดอยเล็กๆ ขับขึ้นดอยเล็กๆ ไปก็จะเห็นชุมชนชาววังชิ้น ที่ตั้งอยู่ริมน้ำยม ทิวทัศน์งดงามเลยครับ วันนี้อากาศดี ไม่ร้อน 
                    มาถึงก็มี เจ้าหน้าที่วัดมาต้อนรับ 2  ตัว 😃😄 เลยต้องเอาอาหาร มาให้ไกด์ของวัดกินสักหน่อย 


พระธาตุพระพิมพ์  วัดบางสนุก  
                ตำนานความรักระหว่างแม่กับลูก ตำนานความรักที่ปรากฏร่องรอยจนกลายเป็นอนุสรณ์
               “วัดบางสนุก” ซึ่งเป็นวัดโบราณเก่าแก่ ใน อ.วังชิ้น จ.แพร่ ในศิลาจารึกภายในวัดนั้นได้ระบุไว้ว่า วัดบางสนุกได้ถูกสร้างขึ้นราว พ.ศ.1882 สร้างขึ้นโดยนายสลอบ ตามประวัติของวัดเล่าว่า นายสลอบได้ไปเป็นทหารแห่งกรุงสุโขทัย และได้ทิ้งผู้เป็นแม่ให้ใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพังเป็นเวลานาน ต่อมานางพร ผู้เป็นแม่ เกิดความเป็นห่วงและคิดถึงลูกชายเป็นอย่างมาก จึงได้ออกเดินทางติดตามไปถึงยังกรุงสุโขทัย ส่วนฝ่ายลูกชายนั้นเมื่อได้เลื่อนยศเป็น “เจ้าพายสลอบ”
                 ด้วยความเห่อเหิมในยศศักดิ์ของตน และกลัวว่าคนอื่นจะรู้ว่าตนเป็นลูกชายของนางพรผู้ยากจน จึงทำเป็นไม่รู้จักแม่ของตนเอง ซึ่งนางพรเองรู้สึกเสียใจและผิดหวังในลูกชายของตัวเองเป็นอย่างมาก จึงได้เดินทางกลับมาบวชเป็นชีจำศีลภาวนา หลังจากนั้นได้ไม่นานเจ้าพายสลอบ รู้สึกสำนึกในความผิดที่ได้ทำกับผู้เป็นแม่ของตนเอง จึงได้พาทหารและข้าทาสบริวารเดินทางมา เพื่อจะแสดงความกตัญญูกตเวทีแด่ผู้เป็นแม่
                 แต่ปรากฏว่าแม่ชีพรได้ถึงแก่มรณะกรรมไปเสียแล้ว ด้วยความเสียใจและระลึกถึงบาปแห่งตนที่ได้สร้างไว้ เจ้าพายสลอบจึงตัดสินใจสร้างวัดขึ้น พร้อมด้วยพระธาตุพระพิมพ์ เพื่อไถ่บาปและอุทิศถวายแก่ดวงวิญญาณของชีพรผู้เป็นแม่ และให้ชื่อว่า “วัดปากสลอบ” ต่อมาชาวบ้านได้อพยพไปทำมาหากินในที่อื่น จึงทำให้วัดนี้ถูกทอดทิ้งให้รกร้างว่างเปล่าเป็นเวลานาน จนกระทั่งถึงปี พ.ศ.2472 ได้มีการบูรณะวัดขึ้นมาใหม่และได้รับพระราชวิสุงคามสีมาและผูกพันธสีมาตั้งแต่ พ.ศ.2486 มีชื่อใหม่ว่าวัด “วัดบางสนุก” จนถึงปัจจุบันนี้  (ททท.แพร่) 


 
บ่อน้ำแร่แม่จอก
           ผมออกจากวัด ขับมาบ่อน้ำแร่แม่จอก ก็สิบกว่านาที ไม่ไกลมาก บ่อน้ำแร่แม่จอก อยู่ที่ตำบลแม่ป้าก อำเภอวังชิ้น มีทัศนียภาพที่สวยงามท่ามกลางขุนเขา ขนาดพื้นที่กว่า 10 ไร่ บ่อน้ำร้อนแม่จอกเป็นบ่อน้ำแร่กำมะถันที่มีความร้อนสูงถึง 80 องศา ปัจจุบันองค์การบริหารส่วนตำบลแม่ป้าก ได้เข้ามาปรับปรุงบริหารให้เป็นสัดส่วน โดยจัดทำบ่อน้ำแร่สำหรับลวกไข่โดยเฉพาะหนึ่งบ่อ บ่อแช่เท้า แช่ตัว  นวดแผนโบราณ ร้านอาหารและร้านจำหน่ายของที่ระลึก 
           ค่าบริการก็ไม่แพง คนละ 50 บาท มีห้องส่วนตัวด้วย ผมก็เลยใช้บริการสักหน่อย แต่ขอลงภาพเฉพาะแช่เท้านะครับ 😃😄 อยากจะนวดด้วย แต่เกรงจะเวลาไม่พอ เพราะจะยาวไป อ.สอง แล้วมีภารกิจที่เชียงใหม่ด้วย


พระธาตุขวยปู  วัดชัยสิทธิ์ 
                    ออกจาก บ่อน้ำพุร้อนแม่จอก ขับไปทาง อ.ลอง ออกมาได้ 4-5 นาที ก็ถึง  วัดชัยสิทธิ์ พระธาตุขวยปู   
              พระธาตุขวยปู พระธาตุเก่าแก่ที่ของชาวอำเภอวังชิ้น ตำนานปูคำโพธิสัตว์    ถ้าพูดถึงชื่อพระธาตุ คำว่า “ขวยปู” หรือ ขุยปู นั้นหมายถึง “รูปู” ส่วนที่มาของคำว่า “ขวยปู” นั้นสืบเนื่องมาจากสมัยบุพกาล สมัยเมื่อพระพุทธเจ้าทรงเสวยพระชาติเป็นโพธิสัตว์ ทรงกำเนิดเป็นปูนาใหญ่ สีเหลือง ตามตำนานเรียกว่า “ปูคำ”
             ปูคำเลี้ยงดูแม่ที่แก่ชรา อาศัยอยู่ในถ้ำกกแม่ป้าก ปัจจุบันกลายเป็นลำห้วยแม่ป้ากเพราะถูกกระแสน้ำพัดพาเอาดินทรายทับถมมานับพันปี จึงมองไม่เห็นปากถ้ำโดยสิ้นเชิง แต่ก็ยังเป็นวังลึกมีน้ำขังอยู่ตลอดปี ชาวบ้านเรียกว่า “วังถ้ำ” ปัจจุบันเป็นอ่างเก็บน้ำเพื่อทำการเกษตรที่สำคัญของบ้านแม่ป้าก ปูคำโพธิ์สัตว์มีความกตัญญู คอยดูแลแม่ผู้แก่ชรา พร้อมกันนั้นปูคำ ก็ได้บำเพ็ญ รักษาศีลภาวนา สั่งสมบารมีทาน อยู่ที่ถ้ำ จวบจนแม่เสียชีวิต ปูคำพระโพธิสัตว์ จึงได้ตัดสินใจที่จะเจาะรูเพื่อเดินทางออกจากถ้ำไปสั่งสมบารมีทาน ปูคำได้เดินทางไปยังที่ต่าง ๆ มากมาย แต่ด้วยความระลึกถึงแม่ และถ้ำที่เคยอยู่อาศัย และสภาพแวดล้อมที่เคยอยู่อาศัยอันเป็นมหาบุพการี
              ด้วยความกตัญญูกตเวที จึงเจาะรูโผล่ขึ้นปรากฏขึ้นเป็นเนินพิเศษ ห่างจากถ้ำประมาณ 300 เมตร (ซึ่งปัจจุบันคือสถานที่ประดิษฐานพระธาตุขวยปู ) พร้อมทั้งตั้งสัจจาธิษฐานว่า ณ ที่ตรงนี้ขอให้ได้เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเถิด และเมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงปรินิพพาน พระอโศกมหาราชแห่งอินเดีย ได้ส่งพระธรรมทูตมาเผยแพร่ศาสนา และได้นำพระบรมสารีริกธาตุ ไหล่ด้านซ้ายของพระพุทธเจ้ามาประดิษฐ์ไว้ในรูปู แล้วก่อเจดีย์ทับไว้
              องค์พระธาตุขวยปู (ขุยปู) นับว่าเป็นพระธาตุที่มีอายุเก่าแก่กว่าโบราณสถานชื่อดัง เช่น วัดพระสิงห์ จังหวัดเชียงใหม่ พระธาตุดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ วัดเจดีย์หลวง จังหวัดเชียงใหม่ เก่าแก่กว่าประมาณ 600 กว่าปี เป็นโบราณสถานที่ควรแก่การเคารพสักการะอย่างยิ่ง เหมาะสำหรับผู้ที่มีความเชื่อทางโหราศาสตร์ วัฒนธรรมประเพณีแบบล้านนาและสากล โดยเฉพาะผู้ที่ถือกำเนิดใน ปีจอ ปีกุน และปีขาล ตลอดถึงปีอื่น ๆ มาบูชาสักการะเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัวต่อไป

                  ออกจากวัดวัดชัยสิทธิ์ ผมขับไป อ.ลอง เพื่อไปวัดสะแล่ง ครั้งก่อนมาแวะเที่ยว อ.ลอง แล้วเวลาไม่พอครับ 

วัดสะแล่ง อ.ลอง 
              วัดสะแล่ง เป็นวัดเก่าแก่สมัยเดียวกับวัดพระธาตุศรีดอนคำ เป็นวัดที่สร้างสมัยทวาราวดี ในสมัยของพระนางจามเทวี สะแล่ง เป็นชื่อของดอกไม้ป่าชนิดหนึ่ง เป็นไม้ยืนต้นดอกสีขาวนวล ลักษณะของดอกคล้ายดอกปีบหรือกาสะลองในภาษาเหนือ สาเหตุที่วัดสะแล่งใช้ชื่อดอกไม้เป็นชื่อวัดนั้น มีตำนานเล่าว่า สมัยก่อนพุทธกาลเมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จมาถึงดอนสะแล่ง หรือ สะแล่ง แก้วดอนมูล หรือดอนสะแล่งหลวง เจ้าเมืองและชาวบ้านต่างพากันมาถวายภัตตาหาร ครั้นเมื่อพระพุทธเจ้าเสวยภัตตาหารเสร็จ มเหสีเจ้าเมืองจึงได้นำดอกสะแล่งถวายพระพุทธเจ้าเพื่อเป็นพุทธบูชา และทรงตรัสเป็นพุทธทำนายว่าในอนาคตสถานที่แห่งนี้จะเป็นที่ประดิษฐานพระธาตุและจะเจริญรุ่งเรืองต่อไปข้างหน้า ปัจจุบันต้นสะแล่งค่อนข้างหาดูยาก ซึ่งทางวัดที่นำมาปลูกไว้บริเวณหลังพระอุโบสถ 
              วัดสะแล่งวัดที่มีความเก่าแก่มากตั้งแต่สมัยทวาราวดีเรื่อยมาและได้กลายเป็นวัดร้างหลายยุคหลายสมัย ซึ่งเคยเป็นวัดร้างเกือบ 300 ปี  
 (ข้อมูล ททท.แพร่) 


      ผมออกจากวัดไปแวะวัดป่าพุทธอุทยานถ้ำจักรพรรดิ์ เหมือนคนละจริตเลยอยู่ได้ไม่นาน ก็ไปต่อ อ.สอง เมืองวรรณกรรมลิลิตพระลอนะครับ ไว้เล่า กท.หน้านะครับ 
      แค่แวะพัก 😃😄
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่