นิยาม พระเจ้าในที่นี้หมายถึง พระเจ้าผู้ประเสริฐ (พระเจ้าผู้สูงสุด : God)
วันสะบาโต ปรากฏอยู่ในคัมภีร์ของศาสนายิวและศาสนาคริสต์
เป็นวันที่เชื่อว่าพระเจ้าได้หยุดพัก หลังจากที่พระองค์ได้ทำการสร้างโลกและจักรวาล
รวมทั้งสิ่งมีชีวิตทั้งหลายบนโลก โดยพระเจ้าใช้เวลาสร้างทั้งหมด 6 วัน (เวลาในมิติของพระเจ้า)
แล้วพระองค์ได้หยุดพักในวันที่ 7 ซึ่งศาสนายิวถือว่าเป็นวันเสาร์ ส่วนศาสนาคริสต์ถือว่าเป็นวันอาทิตย์
ดังนั้น พระเจ้าจึงห้ามมนุษย์ทำงานใดๆ ในวันสะบาโต โดยให้นมัสการพระเจ้า และใคร่ครวญคำสอนของพระองค์
ซึ่งผู้ที่นับถือศาสนายิวได้ประพฤติอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด ส่วนผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์กลับไม่เคร่งครัด
หากผู้ใดละเมิดวันสะบาโต ก็ถือว่าเป็นความผิดที่ไม่ร้ายแรง จึงมีคริสตชนที่ยังทำงานในวันสะบาโตอยู่บ้าง
สาเหตุที่ชาวยิวเคร่งในวันสะบาโตอย่างจริงจัง เนื่องจากในคัมภีร์ฮีบรูของศาสนายิว (พระคัมภีร์เดิมของคริสต์)
ได้บันทึกว่า พระเจ้าห้ามมนุษย์ทำงานใดๆ ในวันสะบาโต (เป็นข้อหนึ่งในบัญญัติ 10 ประการ)
หากผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษร้ายแรงถึงขั้นประหารชีวิต
อพยพ 20:8-11
จงระลึกถึงวันสะบาโต ถือเป็นวันบริสุทธิ์ จงทำงานทั้งสิ้นของเจ้าหกวัน
แต่วันที่เจ็ดนั้นเป็นสะบาโตแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า
ในวันนั้นห้ามทำงานใดๆ ไม่ว่าเจ้าเอง
หรือบุตรชายบุตรหญิงของเจ้า หรือทาสทาสีของเจ้า หรือสัตว์ใช้งานของเจ้า หรือคนต่างด้าวที่อาศัยอยู่ใน
ประตูเมืองของเจ้า เพราะในหกวันพระยาห์เวห์ทรงสร้างฟ้าและแผ่นดิน ทะเล และสรรพสิ่งซึ่งมีอยู่ในที่เหล่านั้น
แต่ในวันที่เจ็ดทรงพัก เพราะฉะนั้นพระยาห์เวห์ทรงอวยพรวันสะบาโต และทรงตั้งวันนั้นไว้เป็นวันบริสุทธิ์
กันดารวิถี 15:32,35
ขณะที่คนอิสราเอลอยู่ในถิ่นทุรกันดาร พวกเขาพบชายคนหนึ่งไปเก็บฟืนในวันสะบาโต
แล้วพระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า “
ชายคนนั้นจะต้องถูกลงโทษถึงตาย ชุมนุมชนทั้งหมดต้องเอาหินขว้างเขาให้ตายที่นอกค่าย”
ส่วนสาเหตุที่ชาวคริสต์ไม่เคร่งในวันสะบาโตมากนัก เนื่องจากพระเยซูคริสต์ได้ปฏิเสธที่จะหยุดพักในวันสะบาโต
โดยพระองค์ยังคงรักษาคนป่วยในวันสะบาโต ถึงแม้ว่าเป็นการฝ่าฝืนพระบัญญัติของพระเจ้าก็ตาม
แต่พระองค์กลับสอนว่า มนุษย์สามารถทำความดีได้ทุกวันแม้ในวันสะบาโต
เนื่องจากพระองค์เป็นเจ้านายเหนือวันสะบาโต พระเยซูคริสต์จึงอนุญาตให้มนุษย์ทำความดีได้แม้ในวันสะบาโต
มัทธิว 12:8
เพราะว่าบุตรมนุษย์ (พระเยซูคริสต์) เป็นเจ้านายเหนือวันสะบาโต
มัทธิว 12:11-12
พระองค์จึงตรัสกับเขาทั้งหลายว่า "ถ้าใครในพวกท่านมีแกะตัวหนึ่ง และแกะตัวนั้นตกบ่อในวันสะบาโต
คนนั้นก็จะฉุดลากแกะตัวนั้นขึ้นมาไม่ใช่หรือ มนุษย์คนหนึ่งย่อมประเสริฐยิ่งกว่าแกะมากทีเดียว
เพราะฉะนั้นจึงอนุญาตให้ทำการดีได้ในวันสะบาโต"
ยอห์น 5:15-17
ชายคนนั้นก็ออกไปบอกพวกยิวว่าคนที่ทำให้เขาหาย (ป่วย) นั้นคือ พระเยซู
เพราะเหตุนี้พวกยิวจึงเริ่มต้นข่มเหงพระเยซู เพราะพระองค์ทรงทำสิ่งเหล่านี้ในวันสะบาโต
แต่พระเยซูตรัสตอบพวกเขาว่า "
พระบิดาของเรายังทรงทำงานอยู่เรื่อยๆ และเราก็ทำด้วย"
ประเด็นสำคัญอยู่ตรงที่พระเยซูคริสต์ได้ตรัสว่า พระเจ้า (พระบิดา) ยังคงทำงานมาโดยตลอดแม้ในวันสะบาโต
และพระองค์ได้กระทำเหมือนกับพระบิดาทุกประการ กรณีสาวกของพระองค์ได้เด็ดรวงข้าวมากินในวันสะบาโตเนื่องจากหิว
พระเยซูคริสต์ก็ไม่ได้ห้ามเลย
แสดงว่าพระเจ้าไม่ได้ห้ามมนุษย์ทำความดีในวันสะบาโตแต่อย่างใด
ดังนั้นข้อความในพระคัมภีร์เดิม (อพยพ 20:8-11 และกันดารวิถี 15:32,35) และพระคัมภีร์ใหม่ (มัทธิว 12:11-12) จึงขัดแย้งกัน
คริสตชนจะต้องตัดสินใจที่จะเชื่อข้อความในพระคัมภีร์เดิม (อพยพ 20:8-11 และกันดารวิถี 15:32,35)
หรือพระคัมภีร์ใหม่ (มัทธิว 12:11-12 และยอห์น 5:15-17)
ส่วนตัว ผมเชื่อว่ามัทธิว 12:11-12 และยอห์น 5:15-17 เป็นพระวจนะของพระเจ้า
ส่วนอพยพ 20:8-11 และกันดารวิถี 15:32,35 ไม่ใช่พระวจนะของพระเจ้า
สรุป (ตามความเชื่อส่วนตัว)
พระเจ้าไม่เคยห้ามมนุษย์ทำความดีในวันสะบาโต และพระเจ้าไม่เคยสั่งให้ฆ่าใครที่ทำงานในวันสะบาโต
แต่พระเจ้ามีพระประสงค์ให้มนุษย์หยุดพักงานในวันสะบาโต ยกเว้นในกรณีที่จำเป็นเท่านั้น
เพื่อให้มนุษย์ได้ใช้เวลากับพระเจ้ามากขึ้น ด้วยการนมัสการพระเจ้า และใคร่ครวญคำสอนของพระองค์
แล้วจะส่งผลให้มนุษย์ติดสนิทกับพระเจ้ามากยิ่งขึ้น และเดินในทางชอบธรรมของพระเจ้าอย่างมั่นคง
ห้ามทำงานในวันสะบาโต เป็นบัญญัติของใคร ?
วันสะบาโต ปรากฏอยู่ในคัมภีร์ของศาสนายิวและศาสนาคริสต์
เป็นวันที่เชื่อว่าพระเจ้าได้หยุดพัก หลังจากที่พระองค์ได้ทำการสร้างโลกและจักรวาล
รวมทั้งสิ่งมีชีวิตทั้งหลายบนโลก โดยพระเจ้าใช้เวลาสร้างทั้งหมด 6 วัน (เวลาในมิติของพระเจ้า)
แล้วพระองค์ได้หยุดพักในวันที่ 7 ซึ่งศาสนายิวถือว่าเป็นวันเสาร์ ส่วนศาสนาคริสต์ถือว่าเป็นวันอาทิตย์
ดังนั้น พระเจ้าจึงห้ามมนุษย์ทำงานใดๆ ในวันสะบาโต โดยให้นมัสการพระเจ้า และใคร่ครวญคำสอนของพระองค์
ซึ่งผู้ที่นับถือศาสนายิวได้ประพฤติอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด ส่วนผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์กลับไม่เคร่งครัด
หากผู้ใดละเมิดวันสะบาโต ก็ถือว่าเป็นความผิดที่ไม่ร้ายแรง จึงมีคริสตชนที่ยังทำงานในวันสะบาโตอยู่บ้าง
สาเหตุที่ชาวยิวเคร่งในวันสะบาโตอย่างจริงจัง เนื่องจากในคัมภีร์ฮีบรูของศาสนายิว (พระคัมภีร์เดิมของคริสต์)
ได้บันทึกว่า พระเจ้าห้ามมนุษย์ทำงานใดๆ ในวันสะบาโต (เป็นข้อหนึ่งในบัญญัติ 10 ประการ)
หากผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษร้ายแรงถึงขั้นประหารชีวิต
อพยพ 20:8-11
จงระลึกถึงวันสะบาโต ถือเป็นวันบริสุทธิ์ จงทำงานทั้งสิ้นของเจ้าหกวัน
แต่วันที่เจ็ดนั้นเป็นสะบาโตแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า ในวันนั้นห้ามทำงานใดๆ ไม่ว่าเจ้าเอง
หรือบุตรชายบุตรหญิงของเจ้า หรือทาสทาสีของเจ้า หรือสัตว์ใช้งานของเจ้า หรือคนต่างด้าวที่อาศัยอยู่ใน
ประตูเมืองของเจ้า เพราะในหกวันพระยาห์เวห์ทรงสร้างฟ้าและแผ่นดิน ทะเล และสรรพสิ่งซึ่งมีอยู่ในที่เหล่านั้น
แต่ในวันที่เจ็ดทรงพัก เพราะฉะนั้นพระยาห์เวห์ทรงอวยพรวันสะบาโต และทรงตั้งวันนั้นไว้เป็นวันบริสุทธิ์
กันดารวิถี 15:32,35
ขณะที่คนอิสราเอลอยู่ในถิ่นทุรกันดาร พวกเขาพบชายคนหนึ่งไปเก็บฟืนในวันสะบาโต
แล้วพระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า “ชายคนนั้นจะต้องถูกลงโทษถึงตาย ชุมนุมชนทั้งหมดต้องเอาหินขว้างเขาให้ตายที่นอกค่าย”
ส่วนสาเหตุที่ชาวคริสต์ไม่เคร่งในวันสะบาโตมากนัก เนื่องจากพระเยซูคริสต์ได้ปฏิเสธที่จะหยุดพักในวันสะบาโต
โดยพระองค์ยังคงรักษาคนป่วยในวันสะบาโต ถึงแม้ว่าเป็นการฝ่าฝืนพระบัญญัติของพระเจ้าก็ตาม
แต่พระองค์กลับสอนว่า มนุษย์สามารถทำความดีได้ทุกวันแม้ในวันสะบาโต
เนื่องจากพระองค์เป็นเจ้านายเหนือวันสะบาโต พระเยซูคริสต์จึงอนุญาตให้มนุษย์ทำความดีได้แม้ในวันสะบาโต
มัทธิว 12:8
เพราะว่าบุตรมนุษย์ (พระเยซูคริสต์) เป็นเจ้านายเหนือวันสะบาโต
มัทธิว 12:11-12
พระองค์จึงตรัสกับเขาทั้งหลายว่า "ถ้าใครในพวกท่านมีแกะตัวหนึ่ง และแกะตัวนั้นตกบ่อในวันสะบาโต
คนนั้นก็จะฉุดลากแกะตัวนั้นขึ้นมาไม่ใช่หรือ มนุษย์คนหนึ่งย่อมประเสริฐยิ่งกว่าแกะมากทีเดียว
เพราะฉะนั้นจึงอนุญาตให้ทำการดีได้ในวันสะบาโต"
ยอห์น 5:15-17
ชายคนนั้นก็ออกไปบอกพวกยิวว่าคนที่ทำให้เขาหาย (ป่วย) นั้นคือ พระเยซู
เพราะเหตุนี้พวกยิวจึงเริ่มต้นข่มเหงพระเยซู เพราะพระองค์ทรงทำสิ่งเหล่านี้ในวันสะบาโต
แต่พระเยซูตรัสตอบพวกเขาว่า "พระบิดาของเรายังทรงทำงานอยู่เรื่อยๆ และเราก็ทำด้วย"
ประเด็นสำคัญอยู่ตรงที่พระเยซูคริสต์ได้ตรัสว่า พระเจ้า (พระบิดา) ยังคงทำงานมาโดยตลอดแม้ในวันสะบาโต
และพระองค์ได้กระทำเหมือนกับพระบิดาทุกประการ กรณีสาวกของพระองค์ได้เด็ดรวงข้าวมากินในวันสะบาโตเนื่องจากหิว
พระเยซูคริสต์ก็ไม่ได้ห้ามเลย แสดงว่าพระเจ้าไม่ได้ห้ามมนุษย์ทำความดีในวันสะบาโตแต่อย่างใด
ดังนั้นข้อความในพระคัมภีร์เดิม (อพยพ 20:8-11 และกันดารวิถี 15:32,35) และพระคัมภีร์ใหม่ (มัทธิว 12:11-12) จึงขัดแย้งกัน
คริสตชนจะต้องตัดสินใจที่จะเชื่อข้อความในพระคัมภีร์เดิม (อพยพ 20:8-11 และกันดารวิถี 15:32,35)
หรือพระคัมภีร์ใหม่ (มัทธิว 12:11-12 และยอห์น 5:15-17)
ส่วนตัว ผมเชื่อว่ามัทธิว 12:11-12 และยอห์น 5:15-17 เป็นพระวจนะของพระเจ้า
ส่วนอพยพ 20:8-11 และกันดารวิถี 15:32,35 ไม่ใช่พระวจนะของพระเจ้า
สรุป (ตามความเชื่อส่วนตัว)
พระเจ้าไม่เคยห้ามมนุษย์ทำความดีในวันสะบาโต และพระเจ้าไม่เคยสั่งให้ฆ่าใครที่ทำงานในวันสะบาโต
แต่พระเจ้ามีพระประสงค์ให้มนุษย์หยุดพักงานในวันสะบาโต ยกเว้นในกรณีที่จำเป็นเท่านั้น
เพื่อให้มนุษย์ได้ใช้เวลากับพระเจ้ามากขึ้น ด้วยการนมัสการพระเจ้า และใคร่ครวญคำสอนของพระองค์
แล้วจะส่งผลให้มนุษย์ติดสนิทกับพระเจ้ามากยิ่งขึ้น และเดินในทางชอบธรรมของพระเจ้าอย่างมั่นคง