ลักษณะเด่นของลัทธิเทียมเท็จในศาสนาคริสต์ มี 5 ประการ
1. มีความเชื่ออยู่นอกเหนือจากคัมภีร์ไบเบิล
เช่น เชื่อว่าพระเยซูคริสต์ได้เสด็จมายังโลกเป็นครั้งที่ 2 แล้ว เพื่อมาช่วยให้มนุษย์ได้รับความรอด
แลเเชื่อว่าพระเจ้าผู้ประเสริฐทรงเป็นเพศหญิง เป็นต้น
2. ไม่ปฏิบัติตามคำสอนของพระเจ้าที่บันทึกอยู่ในคัมภีร์ไบเบิล
เช่น สร้างและนับถือรูปเคารพ พูดภาษาแปลกๆในที่ประชุมโดยที่ไม่มีการแปล เป็นต้น
3. เชื่อว่าพระเยซูคริสต์ไม่ได้เป็นบุคคลเดียวกันกับพระเจ้าผู้ที่สถิตในสวรรค์ (พระบิดา)
หรือกล่าวอีกอย่างหนึ่งว่า เชื่อว่าพระเยซูคริสต์ไม่ได้เป็นพระเจ้าผู้ประเสริฐ (พระเจ้าผู้สูงสุด : God)
รวมทั้งเชื่อว่าพระบุตรมีสถานะต่ำกว่าพระบิดา
4. เชื่อว่าพระวจนะของพระเจ้าได้ถูกบันทึกอยู่ในหนังสือเล่มอื่นหรือคำสอนอื่น นอกเหนือจากคัมภีร์ไบเบิล
เช่น คัมภีร์มอรมอน เป็นต้น
5. เชื่อว่าคริสตชนเมื่อได้รับเชื่อพระเจ้า และได้สารภาพบาปต่อพระเจ้าแล้ว
หากมีความเชื่อในพระเจ้า แต่ไม่ได้เดินในทางชอบธรรมของพระเจ้า
เมื่อตายไปแล้ว พระเจ้าก็ยังจะรับไปอยู่ในสวรรค์
หมายเหตุ
(1) เดินในทางชอบธรรมของพระเจ้า ประกอบด้วย วางใจพระเจ้า ไม่ทำบาป และมุ่งทำความดี
(2) วางใจพระเจ้า หมายถึง เชื่อมั่นในพระเจ้า โดยเชื่อว่าพระประสงค์ของพระเจ้าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
และแสดงออกด้วยการทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าด้วยความชื่นชมยินดี
***ข้อ 5 สำคัญที่สุด***
อ้างอิงจากคำสอนของพระเยซูคริสต์
(1) ยอห์น 5:24
เราบอกความจริงกับพวกท่านว่า
ถ้าใครฟังคำของเราและวางใจผู้ทรงใช้เรามา
คนนั้นก็มีชีวิตนิรันดร์และไม่ถูกพิพากษา แต่ผ่านพ้นความตายไปสู่ชีวิตแล้ว
(2) ยอห์น 6:47
เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า
ผู้ที่วางใจในเราก็มีชีวิตนิรันดร์
(3) มัทธิว 7:21
ไม่ใช่ทุกคนที่เรียกเราว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า” จะได้เข้าในแผ่นดินสวรรค์
แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระทัยพระบิดาของเรา ผู้สถิตในสวรรค์จึงจะเข้าได้
(4) ยอห์น 14:15-16
ถ้าพวกท่านรักเรา ท่านก็จะประพฤติตามบัญญัติของเรา
เราจะทูลขอพระบิดา และพระองค์จะประทานผู้ช่วยอีกผู้หนึ่งให้กับพวกท่าน เพื่อจะอยู่กับท่านตลอดไป
(5) ยอห์น 14:23-24
พระองค์ตรัสตอบเขาว่า “
ถ้าใครรักเรา คนนั้นจะประพฤติตามคำของเรา และพระบิดาจะทรงรักเขา
แล้วเราทั้งสองจะมาหาเขา และจะอยู่กับเขา
คนที่ไม่รักเราก็ไม่ประพฤติตามคำของเรา และคำที่พวกท่านได้ยินนี้ไม่ใช่คำของเรา แต่เป็นของพระบิดาผู้ทรงใช้เรามา”
ลักษณะเด่นของลัทธิเทียมเท็จในศาสนาคริสต์
1. มีความเชื่ออยู่นอกเหนือจากคัมภีร์ไบเบิล
เช่น เชื่อว่าพระเยซูคริสต์ได้เสด็จมายังโลกเป็นครั้งที่ 2 แล้ว เพื่อมาช่วยให้มนุษย์ได้รับความรอด
แลเเชื่อว่าพระเจ้าผู้ประเสริฐทรงเป็นเพศหญิง เป็นต้น
2. ไม่ปฏิบัติตามคำสอนของพระเจ้าที่บันทึกอยู่ในคัมภีร์ไบเบิล
เช่น สร้างและนับถือรูปเคารพ พูดภาษาแปลกๆในที่ประชุมโดยที่ไม่มีการแปล เป็นต้น
3. เชื่อว่าพระเยซูคริสต์ไม่ได้เป็นบุคคลเดียวกันกับพระเจ้าผู้ที่สถิตในสวรรค์ (พระบิดา)
หรือกล่าวอีกอย่างหนึ่งว่า เชื่อว่าพระเยซูคริสต์ไม่ได้เป็นพระเจ้าผู้ประเสริฐ (พระเจ้าผู้สูงสุด : God)
รวมทั้งเชื่อว่าพระบุตรมีสถานะต่ำกว่าพระบิดา
4. เชื่อว่าพระวจนะของพระเจ้าได้ถูกบันทึกอยู่ในหนังสือเล่มอื่นหรือคำสอนอื่น นอกเหนือจากคัมภีร์ไบเบิล
เช่น คัมภีร์มอรมอน เป็นต้น
5. เชื่อว่าคริสตชนเมื่อได้รับเชื่อพระเจ้า และได้สารภาพบาปต่อพระเจ้าแล้ว
หากมีความเชื่อในพระเจ้า แต่ไม่ได้เดินในทางชอบธรรมของพระเจ้า
เมื่อตายไปแล้ว พระเจ้าก็ยังจะรับไปอยู่ในสวรรค์
หมายเหตุ
(1) เดินในทางชอบธรรมของพระเจ้า ประกอบด้วย วางใจพระเจ้า ไม่ทำบาป และมุ่งทำความดี
(2) วางใจพระเจ้า หมายถึง เชื่อมั่นในพระเจ้า โดยเชื่อว่าพระประสงค์ของพระเจ้าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
และแสดงออกด้วยการทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าด้วยความชื่นชมยินดี
***ข้อ 5 สำคัญที่สุด***
อ้างอิงจากคำสอนของพระเยซูคริสต์
(1) ยอห์น 5:24
เราบอกความจริงกับพวกท่านว่า ถ้าใครฟังคำของเราและวางใจผู้ทรงใช้เรามา
คนนั้นก็มีชีวิตนิรันดร์และไม่ถูกพิพากษา แต่ผ่านพ้นความตายไปสู่ชีวิตแล้ว
(2) ยอห์น 6:47
เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้ที่วางใจในเราก็มีชีวิตนิรันดร์
(3) มัทธิว 7:21
ไม่ใช่ทุกคนที่เรียกเราว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า” จะได้เข้าในแผ่นดินสวรรค์
แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระทัยพระบิดาของเรา ผู้สถิตในสวรรค์จึงจะเข้าได้
(4) ยอห์น 14:15-16
ถ้าพวกท่านรักเรา ท่านก็จะประพฤติตามบัญญัติของเรา
เราจะทูลขอพระบิดา และพระองค์จะประทานผู้ช่วยอีกผู้หนึ่งให้กับพวกท่าน เพื่อจะอยู่กับท่านตลอดไป
(5) ยอห์น 14:23-24
พระองค์ตรัสตอบเขาว่า “ถ้าใครรักเรา คนนั้นจะประพฤติตามคำของเรา และพระบิดาจะทรงรักเขา
แล้วเราทั้งสองจะมาหาเขา และจะอยู่กับเขา
คนที่ไม่รักเราก็ไม่ประพฤติตามคำของเรา และคำที่พวกท่านได้ยินนี้ไม่ใช่คำของเรา แต่เป็นของพระบิดาผู้ทรงใช้เรามา”