สวัสดีค่ะ เราขอมาเล่าประสบการณ์ชีวิต และ มาขอคำแนะนำจากเพื่อนๆ ค่ะ
เราอายุ 28 ปี ค่ะ เราเพิ่งโดนบีบออกจากเมื่อเดือน กันยายน ที่ผ่านมา เราทำงานมาได้ 6 เดือนแล้ว ซึ่งผ่านโปรแล้ว
บริษัทที่เราทำ ไม่ใช่บริษัทใหญ่ เป็นบริษัทเล็กๆ อยู่กันแบบครอบครัว พนักงานในออฟฟิต ประมาณ 7 - 8 คน ไม่รวมช่างที่ออกหน้างานก็อีก ประมาณ 10-15 คน ค่ะ
เราเขียนใบลาออก ตั้งแต่วันที่ 6 แต่เราจะออกสิ้นเดือนกันยายน เราแจ้งล่วงหน้า แต่พอ ฝ่ายบุคคลรับเอกสารลาออกเราเขาก็ประชุมกับเจ้าของบริษัท แล้วก้อมาบอกให้ เราออกเลย ไม่ต้องล่วงหน้า เราก็เสียความรู้สึกค่ะ ซึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ เจ้าของบริษัทต่อว่าเรา ด่าเรามาหลายครั้ง บางเรื่องเราไม่ได้ทำผิด เขาก็มาโทษ เรา จนมันมีพี่ๆ ในออฟฟิตมาแก้ตัวให้ ออกมารับผิดชอบให้เพราะมันไม่ใช่ความผิดของเรา พี่ๆเขาสงสารเราค่ะ เขาเลยออกมาปกป้องเรา ซึ่งเราอธิบายเหตุผลต่างๆ ให้เขาฟังแล้วเขาไม่เคยรับฟังเรา จนครั้งล่าสุด เขาพูดกับเราว่า “ถ้าพี่เป็นเธอ พี่ลาออกไปนานแล้วน่ะ“ เขาบอกว่าไม่เคยเหนพี่ๆในออฟฟิตปกป้องเธอขนาดนี้ เธอควรพิจารณาตัวเองได้แล้วน่ะ (เหมือนเขาอิจฉาเราค่ะความรู้สึกเรา)
ซึ่งเราเล่าเรื่องนี้ให้พี่ๆ ในออฟฟิตฟัง เขาบอกให้เราอดทน ทนไปก่อนแกก็เป็นอย่างงี้ละ และ แล้วความอดทนของเราก็หมดลงหลังจากเราไปสัมภาษณ์งานที่ใหม่ ซึ่งตอนนั้น เราก็ยังไม่รู้ ว่าจะได้หรือเปล่า พอเขาให้เราออกจากงาน ที่ใหม่ก็นัดเราเริ่มงาน ผลสัมภาษณ์ผ่าน
แล้วเราออกจากงานวันที่ 7 กันยายน เราก้อว่างเพราะเรานัดเริ่มงานที่ใหม่ วันที่ 2 ตุลาคม ด้วยความที่ตอนนั้นมีปัญหากับแฟนที่คบกันมา 4 ปีด้วยค่ะ พอดีเลิกกัน เราอยู่บ้านหลังเดียวกัน เราเลยต้องย้ายออกจากบ้านแฟนมาเช่าห้องใกล้ๆ ที่ทำงาน ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันจะดี หรือไม่ดี จะอยู่ได้นานแค่ไหน ก็ไม่รู้ แต่เราต้องก้าวออกมาจากชีวิตเขา ในช่วงระยะเวลาที่เราว่างงาน เราขายของตามตลาดนัดตอนเย็น ไปตั้งร้านเอง เอาเสื้อผ้ามือ 2 ออกมาขาย และไปรับเองด้วย ซึ่งมันก็อเหนื่อยแน่นอนค่ะ และใช้เวลาว่างไปดูห้องพัก และทำเล ใกล้ที่ทำงาน ซึ่งเราออกมาจากชีวิตเขาโดยที่เราไม่มีเงิน สักบาท อาศัยเงินขายของประจำวัน บางวันได้ บางวันก็ไม่ได้ อยู่ตามมีตามเกิดค่ะ และเราต้องหาเงินค่ามัดจำห้อง อีกเป็นหมื่น เราก้อขอยืมเงินเพื่อนบ้าง เอาของที่มีค่าไปจำนำบ้าง เพื่อที่จะได้เงินมาจ่ายค่ามัดจำห้อง และไปขอไกล่เกลี่ยกับเจ้าของ ตึก ว่าขอแบ่งจ่าย ซึ่งเขาก้อช่วยเราค่ะ
ความโชคร้ายยังมีความโชคดี อยู่บ้างค่ะ เราได้ทำงานที่สังคมดี เพื่อนร่วมงานดี และสิ่งแวดล้อมในการทำงานให้เกียรติกันรวมถึงเพื่อนร่วมงานด้วยค่ะ เงินเดือนก็ได้มากกว่าที่เก่านิดหน่อย และได้วันหยุดมากขึ้น รู้สึกว่าปวดหัวน้อยลงเพราะงานที่นี้เป็นระบบ ไม่ซับซ้อนเป็นบริษัทใหญ่ สวัสดิการค่อนข้างดี ถือว่าเป็นบริษัทอันดับต้นๆ ของประเทศ ถ้าในสายงานที่เราทำอยู่ค่ะ
เหมือนเราเริ่มต้นจาก 0 เลยค่ะ ครั้งนี้ เป็นการใช้ชีวิตที่มีแค่ตัว ไม่มีเงิน ทุกอย่าง ต้องซื้อหมดยอมรับลำบากค่ะ แต่เพื่อนเราทุกคนคอยช่วยเหลือ ให้เงินเรายืมทุกคนค่ะ นี้ก็จะสิ้นเดือนละ เราอยากผ่านช่วงเหลวร้ายนี้ไปให้ได้ค่ะ
โดนบีบออกจากงานกระทันหัน
เราอายุ 28 ปี ค่ะ เราเพิ่งโดนบีบออกจากเมื่อเดือน กันยายน ที่ผ่านมา เราทำงานมาได้ 6 เดือนแล้ว ซึ่งผ่านโปรแล้ว
บริษัทที่เราทำ ไม่ใช่บริษัทใหญ่ เป็นบริษัทเล็กๆ อยู่กันแบบครอบครัว พนักงานในออฟฟิต ประมาณ 7 - 8 คน ไม่รวมช่างที่ออกหน้างานก็อีก ประมาณ 10-15 คน ค่ะ
เราเขียนใบลาออก ตั้งแต่วันที่ 6 แต่เราจะออกสิ้นเดือนกันยายน เราแจ้งล่วงหน้า แต่พอ ฝ่ายบุคคลรับเอกสารลาออกเราเขาก็ประชุมกับเจ้าของบริษัท แล้วก้อมาบอกให้ เราออกเลย ไม่ต้องล่วงหน้า เราก็เสียความรู้สึกค่ะ ซึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ เจ้าของบริษัทต่อว่าเรา ด่าเรามาหลายครั้ง บางเรื่องเราไม่ได้ทำผิด เขาก็มาโทษ เรา จนมันมีพี่ๆ ในออฟฟิตมาแก้ตัวให้ ออกมารับผิดชอบให้เพราะมันไม่ใช่ความผิดของเรา พี่ๆเขาสงสารเราค่ะ เขาเลยออกมาปกป้องเรา ซึ่งเราอธิบายเหตุผลต่างๆ ให้เขาฟังแล้วเขาไม่เคยรับฟังเรา จนครั้งล่าสุด เขาพูดกับเราว่า “ถ้าพี่เป็นเธอ พี่ลาออกไปนานแล้วน่ะ“ เขาบอกว่าไม่เคยเหนพี่ๆในออฟฟิตปกป้องเธอขนาดนี้ เธอควรพิจารณาตัวเองได้แล้วน่ะ (เหมือนเขาอิจฉาเราค่ะความรู้สึกเรา)
ซึ่งเราเล่าเรื่องนี้ให้พี่ๆ ในออฟฟิตฟัง เขาบอกให้เราอดทน ทนไปก่อนแกก็เป็นอย่างงี้ละ และ แล้วความอดทนของเราก็หมดลงหลังจากเราไปสัมภาษณ์งานที่ใหม่ ซึ่งตอนนั้น เราก็ยังไม่รู้ ว่าจะได้หรือเปล่า พอเขาให้เราออกจากงาน ที่ใหม่ก็นัดเราเริ่มงาน ผลสัมภาษณ์ผ่าน
แล้วเราออกจากงานวันที่ 7 กันยายน เราก้อว่างเพราะเรานัดเริ่มงานที่ใหม่ วันที่ 2 ตุลาคม ด้วยความที่ตอนนั้นมีปัญหากับแฟนที่คบกันมา 4 ปีด้วยค่ะ พอดีเลิกกัน เราอยู่บ้านหลังเดียวกัน เราเลยต้องย้ายออกจากบ้านแฟนมาเช่าห้องใกล้ๆ ที่ทำงาน ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันจะดี หรือไม่ดี จะอยู่ได้นานแค่ไหน ก็ไม่รู้ แต่เราต้องก้าวออกมาจากชีวิตเขา ในช่วงระยะเวลาที่เราว่างงาน เราขายของตามตลาดนัดตอนเย็น ไปตั้งร้านเอง เอาเสื้อผ้ามือ 2 ออกมาขาย และไปรับเองด้วย ซึ่งมันก็อเหนื่อยแน่นอนค่ะ และใช้เวลาว่างไปดูห้องพัก และทำเล ใกล้ที่ทำงาน ซึ่งเราออกมาจากชีวิตเขาโดยที่เราไม่มีเงิน สักบาท อาศัยเงินขายของประจำวัน บางวันได้ บางวันก็ไม่ได้ อยู่ตามมีตามเกิดค่ะ และเราต้องหาเงินค่ามัดจำห้อง อีกเป็นหมื่น เราก้อขอยืมเงินเพื่อนบ้าง เอาของที่มีค่าไปจำนำบ้าง เพื่อที่จะได้เงินมาจ่ายค่ามัดจำห้อง และไปขอไกล่เกลี่ยกับเจ้าของ ตึก ว่าขอแบ่งจ่าย ซึ่งเขาก้อช่วยเราค่ะ
ความโชคร้ายยังมีความโชคดี อยู่บ้างค่ะ เราได้ทำงานที่สังคมดี เพื่อนร่วมงานดี และสิ่งแวดล้อมในการทำงานให้เกียรติกันรวมถึงเพื่อนร่วมงานด้วยค่ะ เงินเดือนก็ได้มากกว่าที่เก่านิดหน่อย และได้วันหยุดมากขึ้น รู้สึกว่าปวดหัวน้อยลงเพราะงานที่นี้เป็นระบบ ไม่ซับซ้อนเป็นบริษัทใหญ่ สวัสดิการค่อนข้างดี ถือว่าเป็นบริษัทอันดับต้นๆ ของประเทศ ถ้าในสายงานที่เราทำอยู่ค่ะ
เหมือนเราเริ่มต้นจาก 0 เลยค่ะ ครั้งนี้ เป็นการใช้ชีวิตที่มีแค่ตัว ไม่มีเงิน ทุกอย่าง ต้องซื้อหมดยอมรับลำบากค่ะ แต่เพื่อนเราทุกคนคอยช่วยเหลือ ให้เงินเรายืมทุกคนค่ะ นี้ก็จะสิ้นเดือนละ เราอยากผ่านช่วงเหลวร้ายนี้ไปให้ได้ค่ะ