เรากับแฟนคบกันได้ประมาณ 1 ปี เรากับแฟนเจอกันโดยบังเอิญ แต่แว๊บแรกที่เราเห็นเขา ตัวเราเองหวั่นไหวไปหมดเลย หลังจากวันที่เราเจอกัน ตัวเราค่อยก็ค่อยๆเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในจุดที่เขามองเห็น หลังจากนั้นเราก็ได้เริ่มคุยกัน ไปไหนมาไหนด้วย จนเราได้ตกลงเป็นแฟนกัน แต่การที่เราคบกันก็จะมีเพื่อนรอบข้างเราไม่เห็นด้วย แต่เราว่าเราตัดสินใจแล้ว และตลอดเวลาที่เราคบกันก็มีทะเลาะ เถียงกันอยู่บ่อยๆ แต่ทุกครั้งที่เราทะเลาะกัน เราเองที่เป็นคนง้อ ขอโทษและยอมรับผิดมาทุกครั้ง ทั้งที่บ้างครั้งหายโกรธกันแล้วหันมาคุยกัน ก็กลายเป็นเราที่ไม่ผิด (ส่วนใหญ่ที่ทะเลาะกันมันก็มาจาก การที่เราไม่ใช่คนหวานๆ ส่วนเขาเป็นคนหวานมากๆ และเป็นเรื่องของแฟนเก่าเขา) ถ้าเราไม่มีงานที่บ้านหรือเราว่าง อยากไปไหน ไป เราไปรับไปส่ง เวลาไปเรียน เราว่าง ก็จะไปรับไปส่ง การบ้านเยอะ เราก็ทำให้ เพราะเราคิดว่า งานก็หนัก เรียนก็หนัก การบ้านก็เยอะ ใจจริงๆเราแค่อยากแบ่งเบาเขาบ้าง แต่จริงๆลักษณะนิสัยเราค่อนข้างต่างกันมากๆ เราเป็นคนที่มีชอบปาร์ตี้ (เดือนละ 2-3ครั้งและทุกครั้งเราจะขออนุญาตก่อน 5-7วัน ไม่เคยแอบไปโดยไม่บอกเลย) เขาเป็นคนปาร์ตี้บ้างนานๆที / เขาทำงานกับเรียนไปพร้อมๆกัน เราทำงานอย่างเดียว เวลาเราไม่ค่อยตรงกัน แต่ทุกครั้งที่มีเวลาเราสองคนจะได้เจอ ได้ไปไหนมาไหนด้วยกันแทบทุกครั้ง / เขาเป็นคนที่บ้านมีฐานะประมาณนึงเลย แต่เขาจะเป็นคนหาเงินเองไม่ขอที่บ้าน ส่วนเรายังมีขอที่บ้านบ้างเป็นบางครั้ง / เขาเป็นคนที่ชอบบอกรัก บอกคิดถึง แต่เราเป็นคนที่มีมาด มีฟอร์มเยอะประมาณนึง ไม่ค่อยพูด ส่วนใหญ่จะเน้นกระทำมากกว่า และอีกหลายเรื่อง ฯลฯ
จนมาวันนึงมันถึงจุดแตกหัก เขาเริ่มทนพฤติกรรมเราไม่ไหว เขาบอกเราว่า เราไม่ใช่คนหวาน เวลาเขาเหงา เราไม่ค่อยไปหาเขาเหมือนก่อน (1เดือนก่อนถึงจุดแตกหัก เรามีงานที่บ้านจริงๆ ก่อนหน้าคบกันเคยตกลงกันเรื่องนี้แล้ว) งานหนักเรียนหนัก แต่ทุกคืนเราจะคอลหากันทุกคืน จนมาถึงวันที่เขาตัดสินใจยุติความสัมพันธ์ เหตุผลที่เขาให้มามันมีแต่ข้อเสียของเรา เป็นข้อเสียที่คนรอบข้างฟังแล้วมันไม่ใช่เลย ถ้าจะต้องปรับทุกข้อที่เขาบอก เราควรไปบวช จนถึงตอนนี้เลิกกันมา 1 เดือนแล้ว เจอกันบ้าง คุยกันบ้าง เราง้อ เรายอมปรับเปลี่ยนนิสัยทุกอย่างที่มันเป็นข้อเสียของเรา เพื่อให้เค้าเปลี่ยนใจ เช่น ตื่นเช้า มาทำงานเช้า หักดิบเหล้าบุหรี่ หันมาออกกำลังกาย อ่านหนังสือ คือตอนนี้ปรับจนคนรอบข้างบอกว่า เป็นตัวของตัวเองมันก็ดีอยู่แล้ว ไม่เหนื่อยบ้างหรอว่ะ แต่ใจเราจริงๆมันเหนื่อย แต่เราอยากทำให้เขาเห็นว่าเราพยายามเป็นคนที่ดีขึ้นอยู่
คนรอบข้างตอนนี้บอกแค่ว่า ตลอดเวลาที่ผ่านเราไม่ผิด แต่ผิดที่ที่ตรงนั้นไม่เคยเป็นของเราตั้งแต่แรก
***เขาเคยบอกเราว่า แฟนเก่าเขาบอกรักเขาทุกวัน แต่เขาเลิกกัน เพราะแฟนเก่าเขามีคนอื่น***
***เวลาเขากับแฟนเก่าทะเลาะกัน เขาเป็นฝ่ายง้อตลอด มันต่างกับเราเหลือเกิน***
และอีกหลายประโยคที่เราเก็บไว้ โดยไม่เคยพูดความในใจให้เขารู้เลยตลอดเวลาที่คบกัน
เราอยากรู้ว่าตอนนี้เราควรเดินหน้าง้อต่อ หรือควรพอแค่นี้
หรือที่ตรงนี้มันไม่ใช่ของเราจริงๆ
จนมาวันนึงมันถึงจุดแตกหัก เขาเริ่มทนพฤติกรรมเราไม่ไหว เขาบอกเราว่า เราไม่ใช่คนหวาน เวลาเขาเหงา เราไม่ค่อยไปหาเขาเหมือนก่อน (1เดือนก่อนถึงจุดแตกหัก เรามีงานที่บ้านจริงๆ ก่อนหน้าคบกันเคยตกลงกันเรื่องนี้แล้ว) งานหนักเรียนหนัก แต่ทุกคืนเราจะคอลหากันทุกคืน จนมาถึงวันที่เขาตัดสินใจยุติความสัมพันธ์ เหตุผลที่เขาให้มามันมีแต่ข้อเสียของเรา เป็นข้อเสียที่คนรอบข้างฟังแล้วมันไม่ใช่เลย ถ้าจะต้องปรับทุกข้อที่เขาบอก เราควรไปบวช จนถึงตอนนี้เลิกกันมา 1 เดือนแล้ว เจอกันบ้าง คุยกันบ้าง เราง้อ เรายอมปรับเปลี่ยนนิสัยทุกอย่างที่มันเป็นข้อเสียของเรา เพื่อให้เค้าเปลี่ยนใจ เช่น ตื่นเช้า มาทำงานเช้า หักดิบเหล้าบุหรี่ หันมาออกกำลังกาย อ่านหนังสือ คือตอนนี้ปรับจนคนรอบข้างบอกว่า เป็นตัวของตัวเองมันก็ดีอยู่แล้ว ไม่เหนื่อยบ้างหรอว่ะ แต่ใจเราจริงๆมันเหนื่อย แต่เราอยากทำให้เขาเห็นว่าเราพยายามเป็นคนที่ดีขึ้นอยู่
คนรอบข้างตอนนี้บอกแค่ว่า ตลอดเวลาที่ผ่านเราไม่ผิด แต่ผิดที่ที่ตรงนั้นไม่เคยเป็นของเราตั้งแต่แรก
***เขาเคยบอกเราว่า แฟนเก่าเขาบอกรักเขาทุกวัน แต่เขาเลิกกัน เพราะแฟนเก่าเขามีคนอื่น***
***เวลาเขากับแฟนเก่าทะเลาะกัน เขาเป็นฝ่ายง้อตลอด มันต่างกับเราเหลือเกิน***
และอีกหลายประโยคที่เราเก็บไว้ โดยไม่เคยพูดความในใจให้เขารู้เลยตลอดเวลาที่คบกัน
เราอยากรู้ว่าตอนนี้เราควรเดินหน้าง้อต่อ หรือควรพอแค่นี้