แม่ของใครเป็นแบบเราบ้าง เขาบอกเราว่าที่เขาดูถูกเราเพราะอยากให้เป็นแรงผลักดัน

สวัสดี ตอนนี้เราอายุ 22 พึ่งเรียนจบป.ตรี และสอบขึ้นบัญชีครูผู้ช่วยได้ในครั้งแรกในลำดับที่5 แต่ยังไม่ได้เรียกบรรจุ
ตั้งแต่เด็กๆเราโดนแม่ตะคอกใส่ ตีด้วยไม้แขวนเสื้อทุกครั้งเมื่อทำความผิด อาทิเช่น เล่นตุ๊กตาแล้วไม่เก็บ ไม่รีดผ้า ( ตอนนั้นเราอยู่ ป.2 )
เราเป็นเด็กที่ขี้อายมากๆ เป็นเด็กอารมณ์ขัน แต่ก็เป็นเด็กที่เรียนเก่งมากเช่นกัน เราอ่านหนังสือได้ตั้งแต่ ป.1 ( แบบคล่องแคล่ว ) 
เราขอเข้าเรื่องเลยแล้วกัน แม่เราเป็นคนที่ดุมากจริงๆ เป็นคนที่อารมณ์ฉุนเฉียว ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้และมักจะมาระบายอารมณ์กับลูกๆเสมอ
จนกระทั่งเราขึ้นมาม.2 ตอนนั้นเราเริ่มติดเพื่อน แต่ไม่ใช่เพื่อนเกเรนะ ตอนวัยรุ่นก็มีอารมณ์อยากจะออกไปเปิดหูเปิดตากับเพื่อน กินของอร่อยๆกัน แต่ตอนนั้นเราได้เงินไปโรงเรียนวันละ 30 บาท ถ้าวันหยุด ก็ 20 บาท เพราะแม่เป็นคนที่ประหยัดมากเก็บเงินเก่ง เราแทบจะไม่ได้กินของแพงๆอะไรเลย เสื้อผ้าสวยๆนานๆทีจะซื้อให้ ปีนึงนับครั้งได้ แม่เราเวลาโมโหที่เราไปเล่นกับเพื่อนตอนวันหยุด เขาก็มักจะบ่นว่าไม่เคยอยู่บ้านหรอกออกไปข้างนอกตลอดเลยนะ ไปงานวันเกิดเพื่อนห้ามกลับบ้านเกิน 3 ทุ่ม ซึ่งเราก็รักษากฏนี้มาตลอด เราไม่ใช่คนเกเรอะไรแต่เขาก็มักจะเข้มงวดเสมอ บอกว่าเราตัวเหลืองเพราะไม่กินผักไม่สวยไม่รักษาผิว แต่ทุกคนรู้ไหม เราเกิดมาเราก็ผิวสีนี้มาตลอด เราเลือดจาง เป็นภูมิแพ้ และเราก็ชอบกินผักด้วย เรามีแฟนแต่ก็ไม่เคยมีอะไรนอกจากจับมือเท่านั้นเพราะเราหักห้ามใจตัวเองได้ (ม.2) แต่แม่ก็ไม่เคยชอบแฟนเราสักคนยุให้เลิกตลอด แล้วดูถูกเราว่า มีแฟนเดียวก็ท้อง เดียวก็เรียนไม่จบม.3หรอก เดียวก็มีผัวก่อน!
ทุกคนรู้ไหมอย่างที่บอกไป เราไม่ใช่คนดื้อดึง และไม่ได้เกเรอะไร เราทำให้เขาเห็นทุกอย่างว่าเราตั้งใจเรียน เราสอบได้ลำดับต้นๆของห้องมาตลอด จนกระทั่งม.3 เราก็เป็นรองประธานนักเรียน เก่งกีฬา เราเป็นดรัมเยอร์โรงเรียน เก่งดนตรี นาฏศิลป์ เรามีเกียรติบัตรหลายสิบใบ แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้แม่เราหายกังวลและเลิกดูถูกเราเลย 
เราขึ้ม.4 สายวิทย์-คณิต เราอยากทำให้แม่ภูมิใจก็เลยเลือกสายการเรียนที่ตัวเองไม่ได้ชอบ เราสมัครเรียนร.ด เพราะแม่ชอบคนมียศ แต่เขาก็กดดันเราเรื่องแฟนมาโดยตลอด ทั้งด่าดูถูกสารพัด เงินที่ส่งเสียส่วนใหญ่เป็นพ่อเรา 80% ที่เหลือคือแม่จะออกแต่ต้องมีเหตุผลบอกว่าจะเอาไปซื้ออะไร 
พอเราเรียนจบป ตรี รอเรียกบรรจุ เขาก็ว่าเราสารพัดว่าทำไมไม่ไปหางานทำระหว่างรอ ซึ่งเราเหนื่อยมากเราอยากจะพักสักหน่อย ตั้งแต่ฝึกสอน ต่อด้วยอ่านหนังสือสอบไม่ถึง2 เดือน เราเป็นไมเกรนเดือนละ15 วัน เราอยากจะพักผ่อนบ้าง ถ้าเราบรรจุไปแล้วเราก็คงไม่มีโอกาสพักอีกแล้วเพราะงานครูมันหนักมากจริงๆ ไม่อยากนึกภาพตอนที่สอบไม่ติด เราคงโดนด่าหนักกว่านี้ เช่นเรียนครูอะไรไม่ได้เป็นครู เรียนไปก็เสียเวลาไม่มีงานทำ ( เราไม่ได้คิดเองนะทุกคน เราเคยถามว่าถ้าสอบไม่ติดล่ะ) เขาอยากให้เรารีบไปทำงานหาเงินส่งให้เขา อย่างน้อยเดือนละ1000-2000 เขาบอกว่าจะเก็บไว้ให้เรา ซึงพวกแกลองคิดดู เราไม่ได้อยากได้เงินก้อนที่แม่เก็บให้เลยเว้ย เราคิดแค่ว่า ไอเงินเดือน 15000 เนี่ย หมุนยังไงไม่ให้ลำบากพ่อแม่ ถ้าเรามีเงินเดือนมากเอ เราให้พ่อแม่อยู่แล้ว เราไม่ใช่คนเนรคุณแต่อย่างใด เราพร้อมจะดูแลท่านไม่เคยคิดจะทอดทิ้ง แต่เรายังตั้งตัวไม่ได้ เราไม่ได้เก่งขนาดนั้นเราเคยออกไปหางานทำแล้ว แต่ที่ทำงานนั้น toxic เกินไป หักตังลูกน้องวันละ1000 เพียงเพราะไม่ตอบไลน์กลุ่มและไม่เปลื่ยนหลอดไฟและด่าลูกน้องว่า ยิ้ม เราทนไม่ไหมเลยขอลาออกมาและไม่กล้าสมัครงานที่ไหนอีกเลย (สมัครตอนเรียนจบแรกๆ)
อีกเรื่องคือให้เรารีบแต่งงานมีลูก ซึ่งเรายังไม่ได้คิดเรื่องนั้น เราคิดว่าถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดเราก็อยากจะแต่งตอน 28 พร้อมมีลูกเลย แต่เขาก็บอกว่าแก่ไป และเร่งให้แฟนเรามาสู่ขอเพราะอยากเลี้ยงหลาน แต่เราปฏิเสธว่าไม่แต่งเอง และสินสอดก็จะเอาแพงอีก เราแอบคิดว่าแม่อยากได้เงินหรือเปล่า  พึ่งจะเรียนจบกันจะเอาตังที่ไหนมาให้อ่ะ แล้วถ้ามีลูกจะเอาตังไหนมาเลี้ยงลูกอ่ะ และที่ผ่านมาตอนเรียนมหาลัยแม่ก็ไม่ให้มีแฟนด้วย แม่ทำให้เราไม่อยากมีแฟนอีกแล้วเพราะกลัวว่าคนที่คบอยู่จะยังดีไม่พอในสายตาเขา ซึ่งเราเบื่อมากๆกับเรื่องแบบนี้ ถ้าเกิดว่าเราเลิกกับแฟนคนนี้ เราก็ไม่ขอคบใครแล้ว
อีกเรื่องคือถ้าเราถามเขาว่า ถ้าหนูอยากผ่อนรถเครื่องสักคันขี่ไปสอนเด็กที่โรงเรียน และอยากจะขอยืมเงินดาวน์แม่ออกไปก่อนได้ไหม เขาคงจะตอบว่าไม่ หาเองสิ ประมาณนี้ ซึ่งแม่เราไม่ใช่คนไม่มีตังนะ อย่างที่บอกตอนแรกแม่เราเป็นคนประหยัด มีเงินในบัญชีหลายแสน เขาบอกว่าพอกูตายเดียวพวกก็ได้มรดกจากกูเองแหละ ซึ่งเราไม่ได้ต้องการเงินหลายแสนที่แม่มี แต่เราต้องการแค่เงินเล็กน้อยที่คอยซัพพอร์ตเราขณะที่เราต้องการมากกว่า ต่อให้ได้เงินหลายแสนมามันจะไปมีประโยชน์อะไรอ่ะ แล้วเขาก็จะให้เราไปทำงานที่เกาหลีก่อน ซึ่งมันไม่ได้ป่ะ เราไม่ถนัดใช้แรงงานเลย เราตัวผอมมากน้ำหนัก 42 กก เป็นโรคอีกต่างหาก ที่เราจะสื่อก็คือ เขาอยากให้เราหาเงินให้เขา จากนั้นก็เปรียบเทียบลูกคนข้างบ้านว่าไปเกาหลีมาส่งเงินให้แม่เดือนละหลายหมื่น เฮ้อออ ตั้งแต่เรียนจบแม่ก็ไม่ส่งเงินมาให้อีกเลย มีแค่พ่อที่เข้าใจว่าเรายังไม่มีงานทำและยังคอยให้ค่ากินค่าหออยู่ เรารักพ่อมากๆ มีตังเมื่อไหร่เราจะให้พ่อแบบไม่ต้องคิดอะไรเลย
ตอนนี้เรารู้สึกว่าตัวเองหมดอาลัยตายอยากมาก ไม่อยากออกไปเที่ยวไหน ไม่อยากพบปะผู้คน ถึงขั้นที่ว่าสั่งแกร็ปแต่ไม่เคยออกไปรับด้วยตัวเอง แต่ฝากแขวนไว้หน้าประตู ทำตัวหลบๆซ่อนๆเหมือนคนมีความผิด ไม่รู้จะปรึกษาใครเลย เราก็เลยอยากจะถามทุกคนว่า แม่ใครเป็นแบบเราบ้าง และเราควรปรึกษาจิตแพทย์ดีไหม 
ทั้งหมดทั้งมวลที่พูดมาเราแค่อยากระบาย แต่เรารู้และเข้าใจเจตนาของแม่ที่เขาทำทั้งหมด แต่ถ้าเป็นไปได้เราไม่ควรจะโดนกระทำแบบนี้เลย เรากลัวไปหมด เรากลัวว่าเราจะทำงานได้ไม่ดี กลัวว่าที่ตัวเองพูดแต่ละคำออกไปมันดีหรือเปล่า กลัวว่าสิ่งเราทำให้คนอื่นมันดีพอหรือไม่ เขาจะพอใจให้สิ่งที่เราทำไหม กลัวจนไม่อยากพบปะกับใคร หรือเลี่ยงการสนทนาไปเลย เราจะทำยังไงให้กลับมามั่นใจเหมือนเดิม มีหลายเรื่องที่ไม่สามารถพูดได้ แต่รู้แค่ว่ามันหนักมากจริงๆ
งด toxic นะคะ ตอนนี้สภาพจิตใจแย่มาก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่