แชร์ประสบการณ์สะดืออักเสบนะจ๊ะ

เราเพิ่งหายจากอาการสะดืออักเสบมาด้วยการผ่าตัด  ซึ่งผ่านมาได้เดือนกว่าแล้วแหละ
ช่วงที่เราเป็นก็ตามประสาคนนอยด์ๆ  เสิร์ชหาว่าต้องรักษายังไง คนอื่นเป็นบ้างมั้ย เป็นแล้วจบท่าไหน
และพบว่าข้อมูลได้ที่ส่วนใหญ่คือ ไปหาหมอซะ หรือถ้าเป็นการถามในกระทู้ มาบรรยายอาการ (เหมือนที่ฉันเป็นเป๊ะเลย) ก็จะหายไปไม่มีตอนจบ
นี่เลยจะเล่าถึงตอนจบให้ฟังว่าเคสของเรามันจบแบบไหน

ถึงจะเกริ่นว่ารักษาด้วยการผ่าตัด  แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะต้องผ่าตัดเหมือนกันนะ
เพราะความรุนแรงแต่ละคนไม่เท่ากัน  เคสที่เราเป็นมันค่อนข้างหายาก  อย่ากังวลไปนะ  ให้คุณหมอวินิจฉัยตามอาการดีกว่านะจ๊ะ  

- อาการ -
เรามีอาการ 3 ช่วงหลักๆ
ช่วง 1 :: เริ่มแรกสังเกตุได้ว่ามีน้ำซึมที่สะดือ  และมีกลิ่นเหม็น  มันคือน้ำหนอง  เราจะรู้สึกระคายเคืองตรงสะดือ เจ็บนิดๆ แต่ไม่มาก
ช่วง 2 :: น้ำเริ่มออกมามากขึ้นชนิดที่ต้องคอยเช็ครายชั่วโมงเพื่อซับออก  มีสีเหลืองใสบ้าง เทาขุ่นบ้าง มีเลือดปนบ้าง  รู้สึกเจ็บระบมสะดือมากขึ้น
ช่วง 3 :: มีก้อนเนื้อโผล่แทรกสะดือออกมา  เจ็บจากอาการอักเสบมากขึ้นแบบไล่จาก 5/10 ไปเลเวล 10/10 กันเลยตามจำนวนวัน

- การรักษา -
ระยะเวลาที่เรารักษาตัวก่อนผ่าตัด รวมแล้วประมาณ 4 อาทิตย์
เราใช้ประกันสังคม  เพราะฉะนั้นหมอด่านแรกที่เราเจอจะเป็น general doctor (ไม่ใช่แพทย์เฉพาะทาง) ก่อน
จากนั้นหมอจะดูจากอาการว่าสมควรนัดให้พบแพทย์เฉพาะทางมั้ย  ถ้าควรก็จะนัดให้ 
ซึ่งจากสิทธิประกันสังคมก็ต้องรอคิวด้วยว่าแพทย์เฉพาะทางเข้าวันไหน
กรณีเป็นสะดืออักเสบ  แผนกที่เราจะถูกส่งไปเจอคือแผนกศัลยกรรม

อาทิตย์ที่ 1
ในวันที่ 3 หลังรู้ว่ามีหนองซึม (อาการช่วง 1) เราไปหาหมอ (general doctor) และได้รับยาฆ่าเชื้อ + ยาแก้อักเสบมา 
หมอแจ้งว่าถ้าหมดแผงแล้วยังไม่หายให้มาหาใหม่

เรารับยามาแล้วยังรู้สึกว่าไม่ค่อยสบายใจ  อยากได้ความเห็นจากหมอเฉพาะทาง 
ในวันถัดไปเราเลยตัดสินใจไปหาหมออีกท่านที่อยู่ในแผนกศัลยกรรมโดยไม่ได้ใช้สิทธิประกันสังคม (จ่ายเงินเองนี่แหละ)  
ได้รับคำตอบว่าให้ลองทานยาแผงแรกให้หมดก่อนเช่นกัน  ทั้งนี้เพื่อเป็นการรอดูอาการ

5 วันผ่านไป  ยาเกือบหมดแผง  อาการเหมือนจะดีขึ้น หนองไม่ค่อยซึมออกมาแล้ว  
แต่ช่วงวันที่ 7-9 กลับมาซึมใหม่  แต่งานยุ่งกับหวังว่ามันจะดีขึ้นเองเลยยังไม่ได้กลับไปหาหมอถึงยาจะหมดแล้วก็ตาม

อาทิตย์ที่ 2
เราทิ้งระยะเวลาจากตอนที่ยาหมด 4-5 วันถึงจะกลับมาหาหมออีกที
เหมือนเดิมคือเจอ general doctor ก่อน  เป็นการเจอช่วงปลายอาทิตย์ (วันศุกร์)
ถึงตอนนี้หนองเริ่มออกเยอะขึ้นจนต้องคอยเช็ดเกือบทุกชั่วโมง  และเริ่มเจ็บตรงสะดือเยอะขึ้นแล้ว (อาการช่วง 2)
จะบอกว่าเคยอาบน้ำเสร็จจะเช็ดสะดือ  ตอนดึงเหนือสะดือเพื่อเช็ดถนัดๆ เห็นหนองมันไหลพลั่กๆ ออกมาเลยก็มี Q__Q

อ่ะ หมอเปลี่ยนยาตัวใหม่ให้  เป็นยาฆ่าเชื้อ + ยาแก้อักเสบ + ยาแก้ปวด
และนัดให้เรามาเจอหมอเฉพาะทางในอีก 5 วันหลังจากนั้น  ที่รอหลายวันเพราะหมอเฉพาะทางเข้าแค่วันนั้นวันเดียว

อาทิตย์ที่ 3
สะดืออาทิตย์นี้มีก้อนเนื้อโผล่ออกมานิดๆ แล้ว  เจ็บระบมบริเวณสะดือเยอะขึ้น (อาการช่วง 3)
ช่วงกลางอาทิตย์เราได้เจอหมอเฉพาะทางและหมอวินิจฉัยว่าที่ยังมีหนองอยู่น่าจะเพราะยาที่ได้มันอ่อนไป
เลยสั่งยาฆ่าเชื้อตัวใหม่ให้  swab หนองไปตรวจเชื้อ  และนัด ultrasound เผื่อๆ ไว้  จะได้ดูว่าในท้องมีถุงน้ำ (ซีสต์) หรือเปล่า  ถ้ามีจะต้องผ่าออก
เราได้คิว ultrasound ในอีก 3 อาทิตย์ถัดไป (คิวนานเพราะใช้สิทธิประกันสังคม)

ใดๆ คือจากอาการตอนนั้นหมอยังวินิจฉัยว่าไม่ร้ายแรง ไม่ต้องผ่าตัดทันที และหวังว่ายาตัวใหม่จะช่วยให้อาการอักเสบดีขึ้น

อาทิตย์ที่ 4
หลังจากได้ยา  หนองเราลดลงบ้าง ซึ่งควรหมายความว่าอาการอักเสบดีขึ้น
แต่ว่าก้อนเนื้อเราโผล่มาดูโลกเยอะขึ้น  มันเหมือนเอเลี่ยนกำลังจะโผล่หัวมาดูโลกมากอ่ะบอกเลย
เรารู้สึกเจ็บข้างในท้องเยอะขึ้นมาก  แรกๆ คือขยับตัวแล้วเจ็บ  ต้องหาท่าที่มันไม่เจ็บแล้วค้างท่านั้นไว้
ส่วนใหญ่นั่งจะไม่เจ็บ  แต่ถ้านอนตะแคงจะรู้สึกเจ็บจนต้องพลิกกลับมานอนหงาย
ช่วงปลายอาทิตย์เราเจ็บถึงขั้น 10/10 คือนอนๆ อยู่แล้วตื่นเพราะรู้สึกเจ็บไม่ไหว  นั่งเฉยๆ ที่ปกติไม่เจ็บก็คือเจ็บอยู่ดี

จุดนี้ที่นอนไม่ได้แล้วเราโทรถามรพ.ว่ากินยาแก้ปวดตัวไหนเพิ่มได้มั้ย  เพราะยาที่หมอให้มาเรากินครบโดสต่อวันแล้วไม่หาย
เราโทรไปบรรยายว่ากินยาออะไรอยู่  และที่บ้านมียาออะไรอยู่บ้าง
เภสัชแนะนำยาตัวที่กินได้ให้  ถึงช่วยให้ดีขึ้นแล้วนอนได้ (ขอบพระคุณเภสัชท่านนั้นมาก  ตอนนั้นโทรไปตอนตี 1 ได้)

อาทิตย์ที่ 5
ขึ้นวันจันทร์ก็ไปหาหมอศัลฯ ทันทีเพราะรู้สึกได้ด้วยตัวเองว่าอาการอักเสบข้างในมันแย่ลง
ล่าสุดที่หมอบอกว่าจะผ่าต่อเมื่อ ultrasound แล้วเจอซีสต์  เราเลยคิดว่าไม่รอคิวแล้ว  จะจ่ายเงินเองเลย
สรุปวันจันทร์หมอติดคิวผ่าตัด  เลยนัด ultrasound วันอังคารแทน

วันอังคารไป ultrasound ด้วยสภาพขอรถเข็นตั้งแต่ลงจากรถแท็กซี่  เพราะแค่นั่งโยกเยกในรถก็ระบมสะดือไม่ไหวแล้ว
ขั้นตอนคือ ultrasound กับแผนกรังสีก่อน  และรอประมาณ 30-40 นาทีเค้าจะส่งผลให้หมอศัลฯ จากนั้นค่อยเรียกเราไปฟังผล
หมอศัลฯ เจอหน้าก็ทักทายว่า อะ อ้าว เดินไม่ได้แล้วเหรอ 
หน้าตาหมอมีความลังเลเพราะว่าผลตรวจเชื้อเป็นชนิดไม่ดื้อยาและอ่านผลจากการ ultrasound ก็ไม่เจอถุงน้ำ
หมอแกดูครุ่นคิดอยู่ซักพัก ปล่อยเด็ดแอร์  มองคอม มองเอกสาร มองหน้าเราด้วยสายตาอ่อนโยนแล้วค่อยว่า -

"แต่ถ้าเจ็บถึงขั้นเดินไม่ไหว  เดี๋ยวผ่าเลยแล้วกัน  นี่ได้กินข้าวเช้ามาหรือเปล่าล่ะ"
...บทจะไวก็ไวมากทีเดียว

วันนั้นกินข้าวเช้าไปแล้ว  หมอเลยให้แอดมิทก่อนเพื่อแสตนบายผ่าตัดวันถัดไป
เรื่องราวเลยจบที่
- วันอังคาร  แอดมิท
- วันพุธ  ผ่าตัด (ตอนเย็น)
- วันพฤหัสและศุกร์  นอนดูอาการ
- วันเสาร์  ได้กลับบ้าน

- สาเหตุ -
ถ้าอยากสะดืออักเสบ  หมอเค้าว่าทำได้ 3 วิธีคือ
1. เจาะสะดือแล้วมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไป  ตรงสะดือที่มีแผลจากการเจาะพอดีก็อาจติดเชื้อและอักเสบได้
2. แคะ แงะ แกะสะดือ  ถ้าเราไปแกะๆ มัน  มีโอกาสที่เล็บเราทำให้เกิดแผล และเชื้อโรคเข้าไปทางแผลก็ทำให้สะดืออักเสบติดเชื้อได้
3. โตมาให้ท่อในสะดือยังอยู่  อันนี้ต้องอธิบายเพิ่ม
คือปกติทารกหลังคลอดออกมาแล้ว  ท่อหลังสะดือที่เคยต่อกับแม่มันจะยุบ หรือเปลี่ยนสภาพไปเป็นเส้นเอ็นใดๆ เพราะไม่ได้ใช้แล้ว
แต่จะมีเคสผิดปกติที่สายหลังสะดือมันยังคงสภาพเป็นท่ออยู่ (ซึ่งใช่แล้วจย้า  เคสเราเองจย้า)
ท่อนั้นมีโอกาสพัฒนาไปเป็นถุงน้ำ (ซีสต์) หรือไปเชื่อมกับกระเพาะปัสสาวะได้

เคสที่สะดือมีท่อ  ทั่วไปจะมีอาการสะดืออักเสบตั้งแต่ก่อน 30 แหละ  เพราะสมมติเรามีท่อ (หรือถุงน้ำ) อยู่หลังสะดือ  โอกาสที่ขี้ไคลจากสะดือไหลลงไปอยู่ในนั้นและสกปรกสะสมทำให้อักเสบมีเยอะ  หรือถ้าเป็นเคสท่อไปต่อกับกระเพาะปัสสาวะ  น้ำปัสสาวะเรามีโอกาสไหลย้อนออกมาทางสะดือได้ด้วย

ทั้งหมดทั้งมวลคือสิ่งที่ศัลยแพทย์อธิบายให้เราฟังตั้งแต่ได้เจอครั้งแรก  แต่คิดว่าเราคงเป็นเคสเบาๆ มากกว่าจะมีท่อหรือซีสต์ 
เหตุเพราะเราอายุ 30+ แล้วและไม่เคยมีอาการสะดืออักเสบมาก่อนเลย  หมอเลยค่อนข้าง positive กับเคสเรา

- การผ่าตัด -
ผ่าสะดือนี้หมอขอ block หลัง  เพราะไม่แน่ใจว่าจะเจออะไรบ้าง  ถ้ามีซีสต์ที่อยู่ลึกแล้วต้องเอาออก  แค่ยาชามันจะไม่พอ
ของเราไม่ได้วางยาสลบนะ  คือคุยกับหมอ (หลังจากบลอคหลังเสร็จ) แล้วได้ความว่าจะใช้ยาสลบหรือไม่ก็ได้  ตามที่เรารีเควสเลย
แต่จากดุลยพินิจหมอ  เคสเราไม่ได้มีความจำเป็นต้องใช้  ปกติแล้วการใช้ยาสลบก็จะมีความเสี่ยงของมันอยู่แหละ  ไม่ใช้ได้ก็ดี
เราเลยตกลงว่างั้นไม่ต้องก็ได้แหละ  ไหนๆ ก็เป็นการผ่าตัดครั้งแรกแล้ว  ขอเปิดประสบการณ์ไปเลยแล้วกัน 55555

สิริรวมใช้เวลาผ่าประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งถึง 2 ชั่วโมง (กะๆ เอา ไม่แน่ใจเพราะตอนนั้นไม่เห็นนาฬิกาเลย)
ผลการสำรวจสะดือคือเจอท่อที่ไม่รู้ว่ามันไปต่อกับอะไรมั้ย  ซึ่งคุณหมอก็ตัดออกเท่าที่ได้ให้
นอกนั้นคือมีซีสต์ถุงโตที่แปะติดอยู่กับผนังท้อง  คุณหมอก็ดูดเอาหนองออก (เสียงซ้วบซ้าบมาก) และเลาะถุงซีสต์ออกไปตรวจผลเนื้อ
ซึ่งเจ้าถุงซีสต์ที่เต็มไปด้วยหนองนี่แหละที่ทำให้เจ็บมากมาตลอด

ที่มาที่ไปและที่สุดท้ายของเรื่องราวสะดืออักเสบเคสเราก็เป็นเช่นนี้แหละ
เอวัง.
-------------------------------------------

- สรุป -
- ถ้ามีน้ำเหม็นๆ ซึมจากสะดือ  จงไปหาหมอทันที
- ถ้ามีเงินและไม่สบายใจมาก  ให้ไปหาหมอศัลยกรรมและขอ ultrasound เลยก็ได้  และขอ second opinion ก่อนก็ดี (ประสบการณ์ตรง  เราเคยปวดท้องมากกกก  ปวดจนหน้ามืดจะเป็นลม  ตอนนั้นเราไปรพ.เอกชน  หมอจะจับผ่าตัดส่องกล้องเลย  แต่สุดท้ายเราไปหาหมอรพ.รัฐอีกที่เพื่อขอ second opinion  เค้าให้นอนดูอาการก่อน  นอนไป 3 วันก็หายปวดท้องเองได้เฉยเลยจย้า...)
- สุดท้ายเท่าที่เข้าใจ  หมอจะอยากให้รอดูอาการก่อนตัดสินใจผ่าแหละนะ  ทั้งนี้คิดว่าเพื่อประหยัดเงินเราและประหยัดทรัพยากรหมอที่ต้องมาผ่าให้เราโดยไม่จำเป็นด้วย
- แผลผ่าตัดของเราเล็กกว่าที่คิดไว้มาก  เพราะเห็นเกริ่นไว้ว่าถุงซีสต์ใหญ่  รอยแผลเป็นรูปตัว "y" ประทับอยู่ใต้สะดือ  ความยาวประมาณ 1.5 ซม.ได้
- ถามทั้งหมอทั้งพยาบาล  ได้ความว่าเคสสะดืออักเสบพบไม่ค่อยเยอะหรอกนะ  เรามันเป็นของแรร์ซะด้วย

เขียนรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างขออภัย  ห่างหายกับการเล่าเรื่องมานานแล้ว
หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยกับผู้ประสบภัยสะดืออักเสบนะจ๊ะ
สวัสดี.

*อีดิทเพิ่มเติม 
เขียนเพิ่มดีเทลการผ่าตัดและการรักษาแผลเป็นอยู่ทางนี้นะจ๊ะ ประสบการณ์ผ่าตัดสะดือจ่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่