อิสราเอล ถล่มตอนเหนือกาซาดุ ดับเจ็บอีกอื้อ สั่งชาวยิวออกจาก อียิปต์-จอร์แดน ทันที
https://www.matichon.co.th/foreign/news_4244338

 
อิสราเอล ถล่มตอนเหนือกาซาดุ ดับเจ็บอีกอื้อ สั่งชาวยิวออกจาก อียิปต์-จอร์แดน ทันที
 
เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม สื่อปาเลสไตน์รายงานว่า อิสราเอลยังคงปฏิบัติการทิ้งระเบิดโจมตีฉนวนกาซาอย่างหนักในช่วงข้ามคืนที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงการโจมตีบ้านหลังหนึ่งในเมืองจาบาเลีย ทางตอนเหนือของกาซา เป็นผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 19 ราย ขณะที่เครื่องบินของอิสราเอลถล่มบ้าน 6 หลังทางตอนเหนือของกาซาในช่วงเช้าวันเสาร์ที่ 21 ตุลาคม เป็นผลให้มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตอย่างน้อย 8 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 45 ราย
 
ขณะที่สำนักงานกิจการมนุษยธรรมสหประชาชาติ ระบุว่า มีบ้านเรือนมากกว่า 400,000 หลัง หรือเกือบ 1 ใน 3 ของบ้านเรือนทั้งหมดในฉนวนกาซา ที่ถูกโจมตีเสียหายนับตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยเกือบ 13,000 หลังถูกทำลายพังราบลงทั้งหมด

สำหรับยอดผู้เสียชีวิตในอิสราเอล นับจากเกิดเหตุกลุ่มฮามาสบุกโจมตีอิสราเอลตั้งแต่เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา มีอย่างน้อยกว่า 1,400 ราย ส่วนผู้ที่ถูกจับไปเป็นตัวประกันมี 203 ราย ขณะที่ทางการฮามาสระบุว่าปฏิบัติการโจมตีทางอากาศใส่ฉนวนกาซาของกองทัพอิสราเอลนั้น ทำให้มีผู้เสียชีวิตในฝั่งกาซาแล้วอย่างน้อยกว่า 4,137 ราย
 
ด้านสำนักข่าวเอเอฟพีรายงานในวันเดียวกันว่า อิสราเอลได้ประกาศให้พลเมืองของตนเองเดินทางออกจากประเทศอียิปต์และจอร์แดนในทันที เนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นจากสงครามในฉนวนกาซา โดยสภาความมั่นคงแห่งชาติของอิสราเอลได้ยกระดับเตือนภัยสำหรับพลเรือนอิสราเอลในอียิปต์ (รวมถึงแหลมไซไน) และในจอร์แดน เป็นระดับ 4 (มีภัยคุกคามสูง) และให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังประเทศเหล่านี้หรือผู้ที่พำนักอยู่ให้เดินทางออกไปโดยเร็วที่สุด
 
คำแจ้งเตือนดังกล่าวมีขึ้นไม่กี่วันหลังจากอิสราเอลได้เรียกนักการทูตอิสราเอลประจำประเทศตุรกีกลับ เนื่องจากความกังวลด้านความปลอดภัย หลังจากได้มีการขอให้ชาวอิสราเอลเดินทางออกจากตุรกีไปก่อนหน้านั้นแล้ว โดยคำสั่งอพยพประชาชนของอิสราเอลมีขึ้นหลังจากเกิดเหตุชุมนุมประท้วงในหลายประเทศที่ต่อต้านปฏิบัติการโจมตีทางอากาศถล่มใส่ฉนวนกาซาของกองทัพอิสราเอล

---

จุดผ่านแดนราฟาห์เปิดแล้ว รถบรรทุกเข้าไปส่งมอบความช่วยเหลือชาวกาซา
https://www.pptvhd36.com/news//208565

รถบรรทุก 20 คันเคลื่อนผ่านจุดผ่านแดนราฟาห์ ส่งความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมชุดแรกเข้าไปยังฉนวนกาซาแล้ว
 
เมื่อเวลาประมาณ 14.15 น. ที่ผ่านมา ตามเวลาประเทศไทย มีรายงานว่า ทางการอียิปต์ได้เปิดทางตรงจุดผ่านแดนราฟาห์ (Rafah) ที่เชื่อมกับฉนวนกาซาแล้ว ทำให้ขบวนรถบรรทุก 20 คันที่บรรทุกความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม สามารถเข้าส่งมอบความช่วยเหลือได้
 
รถบรรทุกเหล่านี้ ซึ่งเบื้องต้นทราบว่า เป็นของหน่วยกาชาดอียิปต์ จะต้องผ่านการตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง ว่าส่งมอบความช่วยเหลือที่จำเป็นเท่านั้น ไม่ได้มีอาวุธหรือสิ่งผิดกฎหมายปะปนเข้าไปด้วย

ส่วนขบวนรถบรรทุกความช่วยเหลือจากองค์การสหประชาชาตินั้น คาดว่าต้องรอวันจันทร์ (23 ต.ค.) จึงจะส่งเข้าไปได้

กระทรวงสาธารณสุขฉนวนกาซากล่าวว่า สิ่งที่อยู่ในรถบรรทุก 20 คันแรกนี้ ส่วนใหญ่น่าจะเป็นเวชภัณฑ์และอาหารบางชนิด แต่ไม่มีน้ำและเชื้อเพลิง ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อผู้คนในฉนวนกาซา
 
ขณะที่กลุ่มฮามาสระบุว่า “ขบวนรถบรรเทาทุกข์ที่คาดว่าจะเข้ามาในวันนี้ประกอบด้วยรถบรรทุก 20 คันที่บรรทุกยา เวชภัณฑ์ และอาหาร (รวมถึงอาหารกระป๋อง) ในจำนวนจำกัด”
 
แต่เจ้าหน้าที่ด้านมนุษยธรรมได้รับคำเตือนว่า สำหรับฉนวนกาซาที่ถูกปิดล้อมนั้น ความช่วยเหลือจากรถเพียง 20 คันนี้ ไม่สามารถรองรับความต้องการอันมหาศาลของประชากรกว่า 2.3 ล้านคนที่อาศัยอยู่ข้างในได้ โดยเฉพาะการขาดแคลนที่มีรายงานระบุว่า อยู่ในระดับ “หายนะ”
 
กลุ่มฮามาสบอกว่า ความช่วยเหลือจากรถบรรทุกจำนวนเท่านี้ “ไม่สามารถเปลี่ยนหายนะทางการแพทย์ในฉนวนกาซาได้”
 
มาร์ก โอเวน โจนส์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านตะวันออกกลางศึกษาที่มหาวิทยาลัยฮาหมัด บิน คาลิฟา ในกาตาร์ กล่าวว่า รถบรรทุกช่วยเหลือ 20 คันที่เข้าฉนวนกาซาไปนั้น เป็น “จำนวนที่ไม่มีนัยสำคัญอย่างยิ่ง”
 
“ความช่วยเหลือประมาณ 100,000 ตันเพียงพอที่จะรองรับผู้คนครึ่งล้านคนได้เป็นเวลา 1 สัปดาห์ แต่มีผู้คนมากกว่า 2 ล้านคนในฉนวนกาซา และมีเพียงส่วนหนึ่งของความช่วยเหลือเท่านั้นที่กำลังดำเนินการอยู่” โจนส์กล่าว
 
เขาเสริมว่า “ความช่วยเหลือที่กำลังดำเนินอยู่นั้น จริง ๆ แล้ว มันเป็นเพียงน้ำหยดเล็ก ๆ ในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ … สิ่งสำคัญคือต้องมีความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม”
 
โจนส์บอกว่า “ความช่วยเหลือนี้ทำได้เพียงรักษาระดับความโล่งใจจากความทุกข์ยากไว้ในระดับหนึ่ง และจะไม่สามารถบรรเทาความทุกข์ยากได้แต่อย่างใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีโอกาสที่อิสราเอลจะบุกโจมตีภาคพื้นดิน และจะไม่มีการหยุดยิง”
 
เรียบเรียงจาก Al Jazeera

---

พิธา เตรียมบินสหรัฐฯ ดินเนอร์นิตยสาร TIME ขึ้นบรรยาย ม.ฮาร์วาร์ด-MIT
https://www.matichon.co.th/politics/news_4244781

พิธา เตรียมบินสหรัฐฯ ดินเนอร์นิตยสาร TIME ขึ้นบรรยาย ม.ฮาร์วาร์ด พบปะคนไทย
 
เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล มีกำหนดการเยือนประเทศสหรัฐอเมริกา ในวันที่ 24-31 ตุลาคมนี้

ขณะที่ในเฟซบุ๊กเพจของนายพิธา ยังเผยแพร่กำหนดการพร้อมระบุด้วยว่า “ใครอยู่นิวยอร์ก บอสตัน และใกล้เคียง มาพบปะพูดคุยกันได้ครับผม”
 
โดยในช่วงเย็นวันอังคารที่ 24 ต.ค. (ตามเวลาท้องถิ่น) นายพิธาจะเข้าร่วมงานกาล่าดินเนอร์ ซึ่งได้รับเชิญจาก TIME เนื่องในโอกาสที่ได้รับการจัดอันดับเป็นหนึ่งใน TIME 100 NEXT ผู้นำสร้างการเปลี่ยนแปลง ผู้ทรงอิทธิพลแห่งอนาคต
 
วันที่ 25 ตุลาคม เวลา 13.00-14.00 น. มีกำหนดการพบปะคนไทยในสหรัฐอเมริกา ที่วัดพุทธไทยถาวรวนาราม นครนิวยอร์ก
 
วันที่ 26 ตุลาคม เวลา 14.00 น. เป็นต้นไป เดินทางไปบรรยายที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เพื่อบรรยายหัวข้อ Moving Forward: Thailand, ASEAN & Beyond (ภาษาอังกฤษ) ที่ Tsai Auditorium, CGIS South Building,  1730 Cambridge Street, Cambridge, MA
 
วันที่ 28 ตุลาคม เวลา 10.00-12.00 น.วง “Fireside Chat with Pita Limjaroenrat” ในฐานะศิษย์เก่า MIT (พูดคุยภาษาไทยเท่านั้น) โปรดสำรองที่นั่งล่วงหน้าได้ที่ http://bit.ly/tim_pita ที่นั่งมีจำนวนจำกัด
 
https://www.facebook.com/timpitaofficial/posts/pfbid02wVzuBdW3XZ6yG7ewKMgW2znrTwvZSkUnADHdfzmwuvXSAbHJ3jCxuxJ6ctrVgdkFl 

---

ทำไมถึงยอม !! ก้าวไกลถามทร. หลังจีนผิดสัญญาขายเรือดำน้ำ แถมขอเปลี่ยนเป็นฟรีเกตแทน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4244766

ทำไมถึงยอม !! ก้าวไกลถามทร. หลังจีนผิดสัญญาขายเรือดำน้ำ แถมขอเปลี่ยนเป็นฟรีเกตแทน
 
เมื่อวันที่ 21 ต.ค. นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย  ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีกองทัพเรือจะเปลี่ยนแปลงสัญญาซื้อเรือดำน้ำเป็นเรือฟริเกตแทน จากประเทศจีน มูลค่า 1.7 หมื่นล้านบาท โดยต้องจ่ายเงินส่วนต่างจากที่เคยจ่ายค่าเรือดำน้ำไปบางส่วนแล้วสามารถดำเนินการได้หรือไม่ ว่า คงต้องตรวจสอบ ปกติตามหลักสัญญาต้องพร้อมใจกันทั้งสองฝ่าย ยังไม่ทราบว่าสุดท้ายทางฝ่ายจีนจะว่าอย่างไร
  
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า แต่กรณีเรือดำน้ำ ทางฝ่ายจีนผิดสัญญา แล้วทำไมทร.ถึงไปยอม อันนี้คือสิ่งที่คิดว่าสังคมไทยไม่สามารถเข้าใจได้ ทำไมถึงไปยอมเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น จริงๆแล้วในเมื่อผิดสัญญา ฝ่ายจีนจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบด้วยซ้ำไป ดังนั้นเรื่องนี้ทางการจีนจะรับผิดชอบอย่างไร กับการที่ผิดสัญญา
 
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ประการที่สอง ต้องพิจารณาต่อว่า เรือฟริเกตสำหรับประเทศไทยมีความจำเป็นแค่ไหนที่ต้องเพิ่มเรือฟริเกต หรือเพราะว่ามีในเรื่องของเงื่อนไขเรือดำน้ำที่อาจได้เครื่องยนต์ไม่ได้มีคุณภาพอย่างที่ต้องการ เลยใช้โอกาสนี้ในการที่จะไปซื้อเรือฟริเกต ถ้าเป็นแบบนั้นคิดว่าเป็นลิงแก้ ไม่สามารถแก้ปัญหาได้จริงๆ ถ้าอยากได้เรือฟริเกตจริงๆ อาจมีเรือฟริเกตจากที่อื่น ที่ดีกว่าประเทศจีนหรือไม่ หรือแม้กระทั่งอาจจะใช้โอกาสนี้ในการสนับสนุนอุตสาหกรรมภายในประเทศที่อาจต่อเรือฟริเกตของไทยเองขึ้นมาก็ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ กลายเป็นว่า นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และทร. จะแค่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยไม่ได้สนใจว่าจะใช้เงินภาษีของประชาชนอย่างไม่คุ้มค่าขนาดไหน สุดท้ายยังวนเวียนอยู่กับการซื้ออาวุธแบบที่ไม่สามารถตอบคำถามสังคมได้ว่าตกลงแล้วประเทศได้อะไรจากเรื่องนี้
 
เมื่อถามว่า การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุในหลักการสามารถทำได้ รอเพียงการหารือกับทางการจีนก่อน จะขัดต่อกฎหมายจัดซื้อจัดจ้าง และมีผลต่อการพิจารณาพ.ร.บ.งบประมาณฯ ที่มีผลผูกพันในอนาคตหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า คิดว่าเบื้องต้น ถ้าสมมติจะทำต้องตั้งงบฯ เข้าใจว่าคงจะยังไม่มีงบประมาณในส่วนนี้ คงต้องใช้ในเรื่องของงบประมาณที่กำลังทำกันอยู่มาดำเนินการ แต่ปัญหา คือ ต้องไปเช็คข้อกฎหมายอื่นๆ ด้วย
 
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า และสุดท้ายไม่ใช่แค่ว่าทำตามสัญญาหรือไม่ แต่ทำแบบนี้ฝ่ายไทยเสียเปรียบ คือตกลงคุณอยากได้อะไร ที่ผ่านมากองทัพเรือบอกว่า เรือดำน้ำมีความจำเป็น วันนี้ไม่เอาเรือดำน้ำแล้ว วันนี้บอกว่าต้องเป็นอย่างอื่น ตกลงคือพูดง่ายๆ คือ ปัญหาคืออะไร มันคือ เรือดำน้ำมีความจำเป็นหรือสุดท้ายต้องมีอาวุธจากประเทศจีนเป็นความจำเป็นจะอะไรก็ได้กันแน่ ดังนั้นต้องเคลียร์ให้ชัดตั้งแต่ตรงนี้ก่อน เมื่อฝ่ายจีนผิดสัญญา ทำสัญญาอะไรทุกอย่างไปหมดแล้ว เขาจะแก้ไขอย่างไร ถ้าไม่แก้ไข เรายกเลิกสัญญา หรือเปลี่ยนแปลงสัญญาเป็นอย่างอื่นได้หรือไม่
 
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า สมมติว่าถ้าต้องซื้อเรือดำน้ำจริงๆ ไปซื้อจากที่อื่นได้หรือไม่ หรือสุดท้ายถ้ากลับมาทบทวนแล้ว เรือดำน้ำไม่มีความจำเป็นต่อประเทศเลย ส่วนตัวคิดว่าเรือดำน้ำ ยังไม่ใช่วาระสำคัญที่จะต้องมีในตอนนี้ เพราะประเทศกำลังเผชิญหน้ากับภัยอย่างอื่นมากกว่า อาจจะเอาเงินงบประมาณตรงนี้ไปทำอย่างอื่นดีกว่า สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่คิดว่าอยากให้ทั้งกองทัพเรือ กระทรวงกลาโหม มองภาพให้กว้างกว่านี้
 
“นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าใจว่าพอไปอยู่ตรงนั้นมันอาจจะเป็นตัวตนแบบเดิมไม่ได้ แต่ผมเชื่อว่าก็น่าจะทราบ เราเองก็เคยร่วมงานกันมา ก็น่าจะทราบว่าถ้าเรามองภาพให้กว้างวันนี้โจทย์ในเรื่องเรือดำน้ำอาจจะไม่ใช่เรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ ของประเทศของเรา” นายรังสิมันต์ กล่าว