สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
คุณทุกข์มามากพอรึยังคะ ถามตัวเองให้ได้ตรงนี้ อายุ 35+ แล้ว เราว่ามันพอที่จะได้ใช้ชีวิตตัวเองแล้วนะคะ
แฟนคุณก็เหมือนจะพึ่งพาอะไรไม่ได้ ถ้าไปคู่ไม่ได้ก็ไปคนเดียวค่ะ ไปทำฝันตัวเองทำให้ตัวเองมีความสุขบ้าง
ซึมเศร้าถ้ายังอยู่ในที่เดิมๆ สภาพแวดล้อมเดิมๆ มันก็หายไม่มีวันเยียวยาจิตใจตัวเองได้เลยค่ะ
ถ้าคุณไม่สู้เพื่อความฝันตัวเอง ไม่มีใครสู้แทนคุณได้นะคะ " เป็นกำลังใจให้ค่ะ "
รออ่านการไปทำตามความฝันอยู่นะคะ
แฟนคุณก็เหมือนจะพึ่งพาอะไรไม่ได้ ถ้าไปคู่ไม่ได้ก็ไปคนเดียวค่ะ ไปทำฝันตัวเองทำให้ตัวเองมีความสุขบ้าง
ซึมเศร้าถ้ายังอยู่ในที่เดิมๆ สภาพแวดล้อมเดิมๆ มันก็หายไม่มีวันเยียวยาจิตใจตัวเองได้เลยค่ะ
ถ้าคุณไม่สู้เพื่อความฝันตัวเอง ไม่มีใครสู้แทนคุณได้นะคะ " เป็นกำลังใจให้ค่ะ "
รออ่านการไปทำตามความฝันอยู่นะคะ
ความคิดเห็นที่ 7
อ่านแล้วเข้าใจแล้วเห็นใจเลยค่ะ ความฝันทั้งสามข้อ มีข้อจำกัดทั้งสิ้น แต่ไม่เป็นไรนะ ลองค่อยๆแก้ปัญหากันไปทีละอย่างดูว่าจะทำได้มากแค่ไหน
1. เรื่องบ้าน เราคิดว่า คงต้องแบ่งเวลาไปดูผู้รับเหมา อาจจะต้องแบ่งสัปดาห์ละ 1 วัน เพื่อไปวิ่งตาม อาจจะเหนื่อยหน่อย แต่ถ้าไม่ทำเลยมันจะไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย ตรงนี้อดทนอีกซักนิด หรือไม่ก็ยกหน้าที่ตรงนี้ให้แฟนไปเลย ในเมื่อเขาเป็นคนอนุมัติมาทางนี้ก็ให้เขารับผิดชอบไปเลย ได้ไม่ได้ก็ไม่สนใจล่ะ อย่างน้อยตอนนี้ก็มีที่ซุกหัวนอนอยู่
2. เรื่องลูก อายุ 35+ ยังพอมีลูกได้อยู่นะ พี่สะใภ้เรา อายุก็ประมาณนี้ ท้องแรกก็แท้ง แต่ท้องต่อมาก็ได้เลย ลูกออกมาก็แข็งแรงดีค่ะ เราว่าตรงนี้คุณอย่าพึ่งถอดใจ ลองดูก่อน อาจจะปรึกษาหมอไปด้วยเพื่อควบคุมความเสี่ยงว่าลูกจะมีความเสี่ยงอะไรบ้าง แล้วให้หมอเขาแนะนำควบกันไปน่าจะดีที่สุดค่ะ ตรงนี้ยังได้อยู่นะ ใจเย็นๆ
3. เรื่องไปทำงาน ตปท อันนี้เพราะแต่งงานแล้ว ค่อนข้างเป็นเรื่องใหญ่อยู่นะ คือถ้าไปเนี่ย สามีน่าจะไม่ยอมแน่ๆ คุณอาจจะต้องการเวลาเพื่อชั่งใจว่า ระหว่างถ้าไม่ทำแล้วฉันจะเสียใจไปตลอดชีวิต กับ ถ้าไปแล้วอาจจะทำให้มีปัญหากับสามี หรือเลวร้ายสุด อาจจะต้องแยกทาง คุณรับความเสี่งไหนได้มากกว่ากัน ชีวิตมันค้ือทางเลือก ซึ่งเราต้องยอมรับว่ามันจะไม่ได้ตามใจเราทุกอย่าง แต่ก็ค่อยๆลองคิดดู ตัดสินใจเลือกทางที่เราจะไม่เสียใจทีหลังเมื่อมองย้อนกลับมา แล้วตัดสินใจเลือกทางนั้นค่ะ
ความคิดคนนี่สำคัญนะ อย่าเพิ่งไปท้อว่า มองทางไหนก็เจอแต่ปัญหา เจอแต่ข้อจำกัด แต่พยายามมองหาโอกาสอันน้อยนิดที่ซ่อนอยู่ในนั้นแล้วค่อยๆหาทางทำให้มันใหญ่ขึ้นแทนเอาค่ะ ตราบใดที่คุณยังเดินเข้าหาโอกาสอันน้อยนิดนั้น มันก็ยังมีโอกาสเป็นจริงได้ สำคัญคือให้มั่นใจว่า คุณจะไ่เสียใจภายหลังกับสิ่งที่คุณเลือกแล้ว เท่านั้นก็พอ
เป็นกำลังใจให้นะคะ อนาคตไม่แน่ไม่นอน หายใจลึกๆแล้วเดินหน้าค่อยๆแก้ปัญหาไปค่ะ เดี๋ยวอะไรๆก็จะดีขึ้นเอง (ฝรั่งเขายังมีคำว่า this too shall pass เลยนะ ชีวิตก็เป็นเช่นนี้แล)
1. เรื่องบ้าน เราคิดว่า คงต้องแบ่งเวลาไปดูผู้รับเหมา อาจจะต้องแบ่งสัปดาห์ละ 1 วัน เพื่อไปวิ่งตาม อาจจะเหนื่อยหน่อย แต่ถ้าไม่ทำเลยมันจะไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย ตรงนี้อดทนอีกซักนิด หรือไม่ก็ยกหน้าที่ตรงนี้ให้แฟนไปเลย ในเมื่อเขาเป็นคนอนุมัติมาทางนี้ก็ให้เขารับผิดชอบไปเลย ได้ไม่ได้ก็ไม่สนใจล่ะ อย่างน้อยตอนนี้ก็มีที่ซุกหัวนอนอยู่
2. เรื่องลูก อายุ 35+ ยังพอมีลูกได้อยู่นะ พี่สะใภ้เรา อายุก็ประมาณนี้ ท้องแรกก็แท้ง แต่ท้องต่อมาก็ได้เลย ลูกออกมาก็แข็งแรงดีค่ะ เราว่าตรงนี้คุณอย่าพึ่งถอดใจ ลองดูก่อน อาจจะปรึกษาหมอไปด้วยเพื่อควบคุมความเสี่ยงว่าลูกจะมีความเสี่ยงอะไรบ้าง แล้วให้หมอเขาแนะนำควบกันไปน่าจะดีที่สุดค่ะ ตรงนี้ยังได้อยู่นะ ใจเย็นๆ
3. เรื่องไปทำงาน ตปท อันนี้เพราะแต่งงานแล้ว ค่อนข้างเป็นเรื่องใหญ่อยู่นะ คือถ้าไปเนี่ย สามีน่าจะไม่ยอมแน่ๆ คุณอาจจะต้องการเวลาเพื่อชั่งใจว่า ระหว่างถ้าไม่ทำแล้วฉันจะเสียใจไปตลอดชีวิต กับ ถ้าไปแล้วอาจจะทำให้มีปัญหากับสามี หรือเลวร้ายสุด อาจจะต้องแยกทาง คุณรับความเสี่งไหนได้มากกว่ากัน ชีวิตมันค้ือทางเลือก ซึ่งเราต้องยอมรับว่ามันจะไม่ได้ตามใจเราทุกอย่าง แต่ก็ค่อยๆลองคิดดู ตัดสินใจเลือกทางที่เราจะไม่เสียใจทีหลังเมื่อมองย้อนกลับมา แล้วตัดสินใจเลือกทางนั้นค่ะ
ความคิดคนนี่สำคัญนะ อย่าเพิ่งไปท้อว่า มองทางไหนก็เจอแต่ปัญหา เจอแต่ข้อจำกัด แต่พยายามมองหาโอกาสอันน้อยนิดที่ซ่อนอยู่ในนั้นแล้วค่อยๆหาทางทำให้มันใหญ่ขึ้นแทนเอาค่ะ ตราบใดที่คุณยังเดินเข้าหาโอกาสอันน้อยนิดนั้น มันก็ยังมีโอกาสเป็นจริงได้ สำคัญคือให้มั่นใจว่า คุณจะไ่เสียใจภายหลังกับสิ่งที่คุณเลือกแล้ว เท่านั้นก็พอ
เป็นกำลังใจให้นะคะ อนาคตไม่แน่ไม่นอน หายใจลึกๆแล้วเดินหน้าค่อยๆแก้ปัญหาไปค่ะ เดี๋ยวอะไรๆก็จะดีขึ้นเอง (ฝรั่งเขายังมีคำว่า this too shall pass เลยนะ ชีวิตก็เป็นเช่นนี้แล)
ความคิดเห็นที่ 13
1. แฟนคุณตามใจพ่อแม่มากเกินไป จนยอมที่จะมองข้ามความต้องการของตัวเอง และนั่นทำให้เค้ามองข้ามความต้องการของคุณด้วย
2. คุณยึดติดกับคำว่าชีวิตคู่ คำว่าครอบครัว พอแต่งงานแล้ว คุณเลยยึดติดว่าครอบครัวของฉันคือผู้ชายคนนี้เท่านั้น จนยอมมองข้ามสิ่งที่ตัวเองต้องการจริงๆ ก็เลยยอมทน และหวังว่าอะไรๆจะดีขึ้น
3. อยากให้คุณกลับมาคิดว่าต้องการอะไร และต้องทำอะไรบ้างเพื่อให้ได้สิ่งนั้นมา แล้วถ้าคนรอบตัวไม่สามารถสนับสนุนเรื่องนั้นได้ เราอาจต้องเลือกทางเดินของเราเอง จะดีจะร้ายเราก็เลือกเอง
ขอให้โชคดีครับ
2. คุณยึดติดกับคำว่าชีวิตคู่ คำว่าครอบครัว พอแต่งงานแล้ว คุณเลยยึดติดว่าครอบครัวของฉันคือผู้ชายคนนี้เท่านั้น จนยอมมองข้ามสิ่งที่ตัวเองต้องการจริงๆ ก็เลยยอมทน และหวังว่าอะไรๆจะดีขึ้น
3. อยากให้คุณกลับมาคิดว่าต้องการอะไร และต้องทำอะไรบ้างเพื่อให้ได้สิ่งนั้นมา แล้วถ้าคนรอบตัวไม่สามารถสนับสนุนเรื่องนั้นได้ เราอาจต้องเลือกทางเดินของเราเอง จะดีจะร้ายเราก็เลือกเอง
ขอให้โชคดีครับ
ความคิดเห็นที่ 3
ลองทำตามใจตัวเองดูบ้างก็ดีนะคะ อายุคุณน่าจะใกล้ๆ เราเลย 35+ เราคิดเสมอว่าอายุตัวเรามาขนาดนี้เเล้ว อยากทำอะไรก็รีบทำดีกว่าค่ะ เพราะเราไม่รู้จะได้ใช้ชีวิตบนโลกนี้ไปอีกกี่วัน กี่ปี หรือหากวันนึงเราแก่เกินที่จะทำ เราก็อาจจะต้องมานั่งเสียใจภายหลังที่เราไม่ได้ลงมือทำสิ่งที่อยากทำในตอนที่มีเเรงนะคะ
คุณทำเพื่อคนอื่นและครอบครัวมามากแล้ว เราอยากให้ชีวิตที่เหลืออยู่จากนี้ คุณทำเพื่อตัวเองบ้างค่ะ ไม่ว่าทางข้างหน้าจะเป็นยังไง แต่นั่นก็คือทางที่เราเลือก ลองให้รู้ว่าจะไปได้ไกลแค่ไหน ดีกว่าไม่ได้ลองเลยนะคะ
คุณทำเพื่อคนอื่นและครอบครัวมามากแล้ว เราอยากให้ชีวิตที่เหลืออยู่จากนี้ คุณทำเพื่อตัวเองบ้างค่ะ ไม่ว่าทางข้างหน้าจะเป็นยังไง แต่นั่นก็คือทางที่เราเลือก ลองให้รู้ว่าจะไปได้ไกลแค่ไหน ดีกว่าไม่ได้ลองเลยนะคะ
แสดงความคิดเห็น
มีใครยอมทิ้งความฝันของตัวเองเพื่อแต่งงานกับผู้ชายที่เรารักบ้างค่ะ
ขอเริ่มเลยละกันนะคะ เราคือคนนึงที่มีความฝันว่า เราอยากไปเรียนต่างประเทศ ถ้าไปกับแฟนได้ก็ดีมากเลย แต่ถ้าไม่ได้ไป เราอยากมีลูก มีบ้านสำหรับครอบครัวเราสำหรับ 3 คน ความฝันเรามีเท่านี้แหละค่ะ 2-3 เรื่อง แต่เราพบว่า การแต่งงานของเรา ทำให้เราไม่ได้ตามฝันซักอย่างเลย
เรื่องมีบ้าน ตอนแรกเราตั้งใจกับแฟนว่าจะอยู่ ตจว เป็นบ้านเกิดแฟน ตอนนั้นเรากับแฟนทำงานอยู่ที่จังหวัดนั้น แล้วเราก็คุยกันว่าเราจะซื้อบ้าน แล้วเราจะมีลูกด้วยกัน แฟนก็โอเค แต่ปัญหาคือ บ้านที่เราจองด้วยกัน พ่อแม่แฟนไม่ชอบ ไม่ชอบทุกอย่างเลย ทำเลไกลเมือง หลังเล็ก ไม่ชอบ แค่เข้าไปดูก็อีดอัดแล้ว ตินั้น ตินี่ ติไปหมด เนื่องจากว่าพวกเขามีความคิดว่า บ้านของเรา เราต้องสร้างด้วยตัวเอง การไปซื้อโครงการหมูบ้านจัดสรรวัสดุไม่ดี ส่วนกลางไม่ดี นิติไม่ดี แต่ตอนนั้นงบเราน้อย ตัวเลือกเราก็ได้เท่านี้ แล้วก็กะว่าถ้าอีกหน่อยมีกำลังทรับก็ค่อยขยับขยาย หาที่ใหม่ที่ดีขึ้น แล้วขายที่เก่าหรือปล่อยเช่า แต่พ่อแม่แฟนก็ไม่ยอม แต่เราก็ยืนยันกับแฟนว่าเราจะซื้อ เราก็ทำเรื่องจองไปแล้ว สุดท้าย พ่อแม่แฟนใช้จังหวะที่เราไม่อยู่แอบพาแฟนไปทิ้งเงินจองแล้วไปซื้อที่ดินที่พ่อแม่ชอบไปทำสัญญาอะไรเรียบร้อย ติดต่อธนาคารเรียบรอยเลย แล้วให้พวกเราไปหาช่างมาสร้างบ้านแล้วคุมงานเอง พอเรารู้เรื่องเท่านั้น เราโกรธมาก เราแทบเป็นลม เราทะเลาะกับแฟนหนักมากที่ทำอะไรแล้วไม่ปรึกษาเรา การซื้อที่สร้างบ้านโดยการจ้างผู้รับเหมามันเป็นอะไรที่แย่มากๆ แต่พ่อแม่แฟน (พ่อแม่เราด้วย) กลับเอาแต่บอกว่า ถ้าเราใส่ใจและพยายาม 6 เดือนก็เสร็จ เขาให้เหตุผลว่า เขาอยากให้เราได้สิ่งที่ดีที่สุด ซึ่งพ่อแม่เราก็พลอยเห็นด้วย เราจึงต้องยอมรับเงื่อนไขนี้แบบจำยอม มันถอยไม่ได้แล้ว และตอนนี้ก็ผ่านมา 6 ปีแล้วบ้านยังไม่เสร็จเลยค่ะ บริษัทที่เราจ้างมาเขาทิ้งงานเราไปหลายปี พอตามกลับมาก็มาแป๊บๆ ก็ทิ้งไปอีก เราเคยปรึกษาทนายแล้ว ทนายบอกว่าไม่คุ้ม ตามเขามาทำต่อยังง่ายกว่า และตอนนี้เรามีเหตุที่ต้องย้ายมา กทม กับแฟนทั้งคู่เลย เพราะ บ เราย้ายมาอยู่ กทม เราต้องหาที่อยู่ใหม่ แทบไม่มีเวลากลับไปดูบ้านเก่าเลย เรื่องบ้านคือ มันกลายเป็นฝันร้ายสำหรับเราไปแล้ว เห็นคนอื่นซื้อบ้าน เราเจ็บปวดมากเลย
เรื่องมีลูก เราเคยคุยกับแฟนว่า มีบ้านเมื่อไรเราจะมีลูกกัน อย่างที่บอก บ้านลากยาวมา 6 ปีค่ะ เราอายุ 35+ ไปแล้ว เราก็ตัดสินใจจะมีลูกเลยทั้งที่บ้านก็ยังไม่เสร็จ เราท้องแล้วก็แท้งค่ะ เจ็บปวดมากเลย แล้วอายุขนาดนี้ หน้าที่การงานเราค่อนข้างมีเรื่องที่ต้องรับผิดชอบเยอะมาก เราต้องกลับบ้านดึก ที่ทำงานก็พอรู้ว่าเราท้อง เขาก็แบบ แล้วจะทำงานไหวมั้ยเนียะ ท้องได้ แต่ต้องทำงานได้เหมือนเดิม สุดท้ายเราแท้งค่ะ เราอยากหางานใหม่ที่เบากว่าเดิม และเดินทางใกล้ที่พักมากกว่าเดิม แต่อายุก็มากแล้ว แถมถ้าได้งานใหม่ก็ยังท้องทันทีไม่ได้ อายุเราก็มากขึ้นทุกวันๆ เรารู้สึกว่า นอกจากบ้านจะไม่ได้ตามฝันแล้ว เรื่องลูกก็คงไม่ได้ตามฝันเช่นกัน
โอเค เราไม่มีบ้าน ไม่มีลูก อาจจะมีไม่ได้ เราก็อยากสานฝันสุดท้าย เราอยากไปเรียน+ทำงานเมืองนอกค่ะ แต่ปัญหาคือ น้องชายแฟนเราก็ไปทำงานที่ต่างประเทศนะ และกะไปอยู่ยาวเลย พ่อแม่แฟนดูจะน้อยใจลูกเขามาก มาตัดพ้อกับแฟนเรา พอเราพูดว่าเราก็อยากไปบ้าง แฟนเราก็อำๆ อึ่งๆ เขาเป็นห่วงความรู้สึกพ่อแม่เขา เขาไม่อยากให้พ่อแม่เสียใจ เขาอยากอยู่ดูแลจิตใจพ่อแม่
เราแต่คิดว่า มันจบแล้วสินะ ความฝันของเรา เราได้แต่งงานกับผู้ชายที่เรารัก เราเคยพูดคุยเรื่องความฝันของเราตั้งแต่ก่อนแต่งงาน แฟนเราก็เห็นด้วย เราก็นึกว่าเราสามารถไปตามฝันด้วยกันได้ แต่วันนี้ เรานั่งพิจารณทุกสิ่ง เราไม่ได้ทำตามความฝันเราสักอย่าง ทุกอย่างติดขัดไปหมด เราทำได้แค่นั่งซึม เรามีความฝัน แต่สุดท้ายมันเป็นเพียงแค่ความฝัน เราไม่กล้าฝันอะไรเพิ่มอีกเลย ทุกวันนี้เราทำได้แค่ทำงานหาเงินใช้หนี้ก้อนใหญ่ๆ ไปเที่ยวก็ไม่ได้เที่ยว ชีวิตที่ทำได้แค่ทำงานกับใช้หนี้ มันเป็นชีวิตที่ไม่มีสีสันเอาซะเลย เราเห็นคนอื่นมีบ้าน มีลูก ไปทำงานที่ต่างประเทศ เราอิจฉามากเลย เรารู้สึกเหมือนมีโซ่ล่ามเต็มไปหมดเลย เราอยากจะปลดทุกอย่างออกให้หมด ตอนนี้เราทำได้แค่ ตามเรื่องบ้าน ซึ่งอีกกี่ปีก็ไม่รู้ มีลูกซึ่งจะแท้งอีกกี่รอบก็ไม่รู้ ไปต่างประเทศตัดทิ้งไปได้เรา
เราแต่ไม่มีใครรับฟัง เราแต่อยากปลดปล่อย ขอบคุณทุกคนที่ผ่านมาอ่านนะคะ ถ้ามีอะไรแนะนำดีดี ก็ขอรบกวนด้วยนะคะ