สวัสดีค่ะวันนี้จะมาเล่าประสบการณ์การยุติการตั้งครรภ์ของเรานะคะ
รายละเอียดส่วนตัว เราอายุ 37 ปี สามีอายุ 43 ปี แต่งงาน มีครอบครัวแล้วค่ะเรามีลูก 2 คน โดยคนที่ 2 อายุ 8 ขวบค่ะ
เมื่อเดือนกันยายน ประจำเดือนครั้งล่าสุดเราคือ 1 กันยายน ด้วยสาเหตุบางประการทำให้การคุมกำเนิดในเดือนนั้นไม่ได้ผล โดยในวันที่ 2 ตุลาคม ประจำเดือนเราช้าไป 1 วันเราเลยซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจพบว่าขึ้น 2 ขีดค่ะ
สาเหตุที่เราและสามีเลือกยุติการตั้งครรภ์ครั้งนี้เนื่องจากปัญหาด้านเศรษฐกิจ และความไม่พร้อมในการเลี้ยงดูเด็กอีก 1 คนเพื่อให้เค้าเติบโตมามีคุณภาพชีวิตที่ดี เนื่องจากลูกที่เรามีแล้วทั้ง 2 คนเราเลี้ยงเองกับแฟน รู้ว่าค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงลูกคนนึงให้มีคุณภาพมีค่าใช้จ่ายประมาณนึงเลยค่ะ นอกจากนี้สภาพจิตใจจะต้องเข้มแข็งด้วยเราเลี้ยงลูกมาเองรู้ถึงความเหน็ดเหนื่อยมากในการเลี้ยงให้เค้าเติบโตขึ้น เราไม่เคยคิดว่าจะมีลูกเพิ่มอีก สำหรับเรามีลูก 2 คนคือพอแล้ว หากท่านที่เข้ามาอ่านเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย อย่างน้อยโปรดเคารพสิทธิและการตัดสินใจของครอบครัวเราด้วยค่ะ เพราะคนว่าหรือคนอื่นไม่ได้เลี้ยง เราไม่เอาตัวเองไปตัดสินใจแทนใครนะคะ
กระทู้นี้เราตั้งขึ้นหวังจะเป็นข้อมูลในการหาสถานพยาบาลแบบถูกกฎหมายเพื่อให้คนที่มีปัญหาแบบเราในการท้องไม่พร้อมสามารถเข้าถึงบริการได้ค่ะ
เพราะผู้หญิงทุกคนไม่มีใครอยากจะท้องเพื่อไปทำแท้งค่ะ
จากนั้นเราก็หาข้อมูลเรื่องการยุติการตั้งทั้งทางกฎหมายโดยสรุป กฎหมายปัจจุบัน กำหนดให้หญิงที่มีอายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ที่ทำแท้ง ไม่ถือว่ามีความผิดทางอาญา นอกจากนี้ หญิงที่มีอายุครรภ์ 12-20 สัปดาห์ สามารถยุติการตั้งครรภ์ได้เช่นกัน แต่ต้องตรวจและรับคำปรึกษาจากผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมและผู้ประกอบวิชาชีพอื่น
และหาข้อมูลจากเว็บไซต์ RSATHAI เพจทำทาง เพจคุยกับผู้หญิงทำแท้ง รวมทั้งได้โทรปรึกษาสายด่วน 1663 ในเรื่องการหาสถานบริการเพื่อเข้ารับบริการค่ะ
เมื่อเราหาข้อมูลแล้ว สิ่งสำคัญคือเราต้องทราบอายุครรภ์ตัวเองค่ะ เราได้เดินทางไปโรงพยาบาลรัฐประจำจังหวัด เพื่อตรวจการตั้งครรภ์และแจ้งความประสงค์อยากยุติการตั้งครรภ์ เมื่อไปถึงห้องวางแผนครอบครัว คุณหมอส่งเราไปอัลตราซาวด์ดูถุงการตั้งครรภ์ค่ะ เมื่อทราบอายุครรภ์คร่าว ๆ ทางโรงพยาบาลจะให้ข้อมูลคลินิคเวชกรรม PDA ประจำจังหวัด ให้เราไปติดต่อสอบถามเพิ่มเติมเองค่ะ
เราได้เดินทางไปคลินิคเวชกรรม PDA ประจำจังหวัด พบว่าการตั้งครรภ์เรายังอยู่ในระยะครรภ์อ่อนมาก ๆ ถุงตั้งครรภ์เล็กมาก แนะนำให้มาใหม่อีกครั้งในอีก 2 สัปดาห์เพื่ออัลตราซาวด์ดูว่ามีตัวอ่อนไหม และตั้งครรภ์ในมดลูกหรือเปล่า สำหรับขั้นตอนการยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัยจะมี 2 แบบคือ
1. การให้ยายุติการตั้งครรภ์ จะมีประสิทธิภาพถึง 95% เหมาะกับอายุครรภ์ไม่เกิน 9 สัปดาห์ จะคล้ายการแท้งธรรมชาติไม่เจ็บปวดเท่าการดูด แต่อาจจะมีโอกาสแท้งไม่สมบูรณ์ได้
2. การใช้เครื่องมือดูดเนื้อรกจากโพรงมดลูก จะมีประสิทธิภาพถึง 98% ข้อดีคือไว สะดวก และทราบได้ทันทีหลังทำว่าแท้งสมบูรณ์แล้ว
ซึ่งหากทำที่คลินิกเวชกรรมนี้จะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 5,000 บาท โดยวิธีการเราสามารถเลือกได้ว่าต้องการแบบไหนเราเลยต้องกลับบ้านเพื่อตัดสินใจเรื่องวิธีการและค่อยกลับมาอีกครั้งตอนอายุครรภ์ประมาณ 6 สัปดาห์
หลังจากนั้นเราก็ลองหาข้อมูลเรื่อย ๆ ว่าจะใช้วิธีไหนดี โดยการโทรสอบถามสายด่วน 1663 เจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำดีมาก ๆ เป็นเจ้าหน้าที่ฟังจากน้ำเสียงน่าจะอายุมากกว่าเราเยอะ และให้คำแนะนำที่ดี ไม่ตัดสินผู้รับบริการ ช่วยแก้ปัญหาให้ดีค่ะ ส่วนข้อเสียคือโทรติดยากมาก ๆ รอสายนานนิดนึง
นอกจากนี้เราได้คุยกับกลุ่มทำทางเพื่อปรึกษาเรื่องสถานพยาบาลอื่นที่ให้บริการยุติการตั้งครรภ์แบบไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งเราแอดไลน์ไป เจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำที่ดีมาก ๆ รับฟังปัญหา รวมทั้งให้ข้อมูล และหาสถานพยาบาลรัฐที่น่าเชื่อถือ และให้บริการแบบไม่มีค่าใช้จ่ายให้ ต้องขอขอบคุณกลุ่มทำทางมาก ๆ ค่ะ เราเข้าใจเลยว่าในวันที่เราตัดสินใจยุติการตั้งครรภ์โลกจะมี 2 ประเภทเสมอ คือเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย สำหรับเราเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือดีมาก ๆ เข้าใจเคารพสิทธิในตัวเรา ไม่ตัดสินเราจากความผิดพลาดครั้งเดียวในชีวิต และช่วยเราหาทางออกให้กับปัญหา ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ
หลังจากที่เราคุยกับกลุ่มทำทางเรียบร้อย และได้นัดเข้าไปยุติการตั้งครรภ์ ณ สภานพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งในภาคกลาง วันนัดก็มาถึง
เราไปถึงโรงพยาบาลแต่เช้า เพื่อไปขึ้นบัตร ทำประวัติ เจ้าหน้าที่ถามว่ามาฝากครรภ์หรือมายุติคะ เราแจ้งว่ามายุติ เราก็กรอกประวัติส่วนตัว ขึ้นบัตร และขึ้นไปรอที่หน้าห้องตรวจสูตินารีเวชกรรม จากนั้นวัดความดัน ชั่งน้ำหนัก รอพยาบาลเรียกซักถาม พยาบาลใจดีมาก ๆ ให้คำแนะนำที่ดีมาก สอบถามรายละเอียดเบื้องต้น และให้เรากรอกเอกสารยุติการตั้งครรภ์ โดยโรงพยาบาลแจ้งว่าที่นี่ทำให้ไม่มีค่าใช้จ่ายแค่ครั้งเดียวเท่านั้น (สำหรับเราคิดในใจในชีวิตนี้เราก็จะมีประสบการณ์เรื่องนี้แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้นเหมือนกัน เราจะไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้นอีกแล้วจากประสบการณ์ครั้งนี้)
หลังจากเซ็นชื่อเรียบร้อย เราก็รอหน้าห้องอัลตราซาว์เพื่อดูอายุครรภ์ และการตั้งครรภ์ในมดลูกไหม เข้าไปในห้องอัลตราซาวด์เรียบร้อยก็ออกมารอเรียกด้านนอก จากนั้นพยาบาลก็จะให้เราไปรับยาค่ะ ที่นี่จะใช้วิธีการยุติการตั้งครรภ์ด้วยการทานยา เราต้องลงไปห้องยาด้านล่างเพื่อรับยา และซื้อน้ำเปล่า 1 ขวดมาด้วยเพื่อทานยาหน้าพยาบาล
เมื่อเราลงไปได้ยามาเรียบร้อย 1 กล่องจะมีตัวยา 2 แบบ แบบแรก 1 เม็ด ทานต่อหน้าพยาบาลเลย แบบที่สอง จะประกอบด้วยยา 4 เม็ด พยาบาลจะแนะนำวิธีทาน เวลาทานในวันพรุ่งนี้ ถัดจากยาเม็ดแรก 24 ชั่วโมง โดยจะต้องทานพร้อมกัน 4 เม็ด โดยอมใต้ลิ้นให้ยาละลายช้า ๆ ให้ละลาย ประมาณ 30 นาที ระหว่างให้ยาจะต้องมีคนอยู่ด้วย เผื่อมีเหตุฉุกเฉิน
เมื่อทานยาเม็ดแรกเสร็จ พยาบาลจะให้เราสแกนคิวอาร์โค้ดของเว็บ RSATHAI เพื่อติดตามผลการใช้ยาและแจ้งผลการใช้ยาไปยังโรงพยาบาลเพื่อติดตามประเมินผลคนไข้ต่อไปค่ะ หลังจากนั้นพยาบาลจะออกใบนัดให้มาอัลตราซาว์ดอีกครั้งใน 7 วันข้างหน้าเพื่อดูว่าการยุติการตั้งครรภ์สมบูรณ์
หลังจากทานยา รับเอกสารเรียบร้อยทางโรงพยาบาลจะส่งเราไปคุมกำเนินต่อทันทีค่ะ โดยที่โรงพยาบาลมีให้เลือก 2 วิธีคือ
1. การฉีดยาคุมกำเนิด 3 เดือน
2. การฝังยาคุมกำเนิด 5 ปี
ซึ่งโรงพยาบาลให้บริการฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย เราเลือกการฉีดยาคุมกำเนิน 3 เดือน เพราะเราคุยกับสามีแล้วว่าภายในสิ้นเดือนนี้สามีจะเป็นคนไปทำหมันชาย เพื่อป้องกันและไม่ให้เกิดปัญหาการท้องอีกในอนาคต เป็นการทำหมันถาวร ที่ผ่านมาสามีบ่ายเบี่ยงตลอด แต่พอเกิดเรื่องราวครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนสำคัญในชีวิตคู่ของเราที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่ในเมื่อปัญหาเกิดแล้วเราก็ต้องแก้ไข และต้องไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต สามีเลยยินยอม เพราะเค้าเห็นเราเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจจากประสบการณ์ในครั้งนี้ค่ะ
หลังจากทานยาเม็ดแรก เรายังไม่มีอาการใด ๆ นะคะอาการปกติ ก็กลับไปทำงานได้ค่ะ หลังจากนั้นวันที่ 2 วันนี้จะต้องใช้ยาเพื่อขับชิ้นเนื้อการตั้งครรภ์ออกมา วันนี้กำหนดการให้ยาเราคือ 13.30 น. เราอมยาทั้ง 4 เม็ดใต้ลิ้นค่ะ ค่อย ๆ ให้ยาละลาย ไม่กลืนน้ำลาย ไม่พูด ไม่ดื่มน้ำ เมื่อละลายครบตามเวลา เราก็นอนค่ะ เพราะหลังจากยาเข้าไปในร่างกายเวลาประมาณ 14.15 น.เรารู้สึกหนาว สั่น มีไข้ต่ำ ๆ ซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากการใช้ยาตัวนี้ เริ่มรู้สึกปวดท้อง เราเคยผ่านประสบการณ์การคลอดลูก โดยการเร่งคลอด เราคลอดลูก 2 คนโดยวิธีธรรมชาติ และพอทราบว่าการปวดท้องจะเป็นอย่างไร ซึ่งถือว่าร่างกายเราสามารถรับได้ค่ะ จากนั้นเวลาประมาณ 16.30 น. เราปวดเหมือนท้องเสีย และไปเข้าห้องน้ำพบว่ามีเลือดเริ่มออก จากนั้นประมาณ 17.00 น. ก็เริ่มกระบวนการแท้งค่ะ ของเราน่าจะใช้เวลาถึงประมาณ 22.00 - 23.00 น.เลย กว่าที่มดลูกจะขับออกหมด จากนั้นก็ไม่ปวดท้อง และไม่มีไข้ หนาว สั่นละค่ะ
จากนั้นในวันที่ 3 เราใส่ผ้าอนามัยก็พบว่ามีเลือดออกบ้างแต่น้อยมากค่ะ อาการวันนี้ไม่มีอะไรแล้ว ก็ค่อยทำงานเบา ๆ ทานอาหารที่มีประโยชน์ค่ะ เพื่อให้ร่างกายพักฟื้น ส่วนสัญญาณการตั้งครรภ์ เช่น หน้าอกแข็งเป็นไต ก็เริ่มไม่เจ็บ และไม่เวียนหัวตอนเช้าแล้ว
วันที่ 4 ไม่มีเลือดออกแล้วค่ะ หน้าอกแฟบละ ไม่เวียนหัวตอนเช้า แน่นท้อง เรอแล้ว ตอนนี้รอไปโรงพยาบาลสัปดาห์หน้า ค่ะ เพื่ออัลตราซาวด์ดูอีกครั้งว่าการตั้งครรภ์สมบูรณ์
เรามาเล่าถ่ายทอดประสบการณ์ที่เราเชื่อว่าในชีวิตผู้หญิงคนนึงไม่มีใครอยากมีประสบการณ์เรื่องนี้ค่ะ สำหรับเราได้เรียนรู้และเป็นประสบการณ์ บทเรียนสำคัญเลย และเราอยากขอบคุณ กลุ่มทำทาง ที่ให้คำแนะนำช่วยเหลือตลอดมา รวมทั้งข้อความติดตามผลจาก RSATHAI ที่ส่งมาให้ตลอดตั้งแต่เริ่มให้ยาเม็ดแรก จนถึงยาชุดที่ 2 ขอบคุณมากค่ะ
ประสบการณ์ยุติการตั้งครรภ์โดยความร่วมมือของโครงการ RSATHAI ค่ะ
รายละเอียดส่วนตัว เราอายุ 37 ปี สามีอายุ 43 ปี แต่งงาน มีครอบครัวแล้วค่ะเรามีลูก 2 คน โดยคนที่ 2 อายุ 8 ขวบค่ะ
เมื่อเดือนกันยายน ประจำเดือนครั้งล่าสุดเราคือ 1 กันยายน ด้วยสาเหตุบางประการทำให้การคุมกำเนิดในเดือนนั้นไม่ได้ผล โดยในวันที่ 2 ตุลาคม ประจำเดือนเราช้าไป 1 วันเราเลยซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจพบว่าขึ้น 2 ขีดค่ะ
สาเหตุที่เราและสามีเลือกยุติการตั้งครรภ์ครั้งนี้เนื่องจากปัญหาด้านเศรษฐกิจ และความไม่พร้อมในการเลี้ยงดูเด็กอีก 1 คนเพื่อให้เค้าเติบโตมามีคุณภาพชีวิตที่ดี เนื่องจากลูกที่เรามีแล้วทั้ง 2 คนเราเลี้ยงเองกับแฟน รู้ว่าค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงลูกคนนึงให้มีคุณภาพมีค่าใช้จ่ายประมาณนึงเลยค่ะ นอกจากนี้สภาพจิตใจจะต้องเข้มแข็งด้วยเราเลี้ยงลูกมาเองรู้ถึงความเหน็ดเหนื่อยมากในการเลี้ยงให้เค้าเติบโตขึ้น เราไม่เคยคิดว่าจะมีลูกเพิ่มอีก สำหรับเรามีลูก 2 คนคือพอแล้ว หากท่านที่เข้ามาอ่านเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย อย่างน้อยโปรดเคารพสิทธิและการตัดสินใจของครอบครัวเราด้วยค่ะ เพราะคนว่าหรือคนอื่นไม่ได้เลี้ยง เราไม่เอาตัวเองไปตัดสินใจแทนใครนะคะ
กระทู้นี้เราตั้งขึ้นหวังจะเป็นข้อมูลในการหาสถานพยาบาลแบบถูกกฎหมายเพื่อให้คนที่มีปัญหาแบบเราในการท้องไม่พร้อมสามารถเข้าถึงบริการได้ค่ะ
เพราะผู้หญิงทุกคนไม่มีใครอยากจะท้องเพื่อไปทำแท้งค่ะ
จากนั้นเราก็หาข้อมูลเรื่องการยุติการตั้งทั้งทางกฎหมายโดยสรุป กฎหมายปัจจุบัน กำหนดให้หญิงที่มีอายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ที่ทำแท้ง ไม่ถือว่ามีความผิดทางอาญา นอกจากนี้ หญิงที่มีอายุครรภ์ 12-20 สัปดาห์ สามารถยุติการตั้งครรภ์ได้เช่นกัน แต่ต้องตรวจและรับคำปรึกษาจากผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมและผู้ประกอบวิชาชีพอื่น
และหาข้อมูลจากเว็บไซต์ RSATHAI เพจทำทาง เพจคุยกับผู้หญิงทำแท้ง รวมทั้งได้โทรปรึกษาสายด่วน 1663 ในเรื่องการหาสถานบริการเพื่อเข้ารับบริการค่ะ
เมื่อเราหาข้อมูลแล้ว สิ่งสำคัญคือเราต้องทราบอายุครรภ์ตัวเองค่ะ เราได้เดินทางไปโรงพยาบาลรัฐประจำจังหวัด เพื่อตรวจการตั้งครรภ์และแจ้งความประสงค์อยากยุติการตั้งครรภ์ เมื่อไปถึงห้องวางแผนครอบครัว คุณหมอส่งเราไปอัลตราซาวด์ดูถุงการตั้งครรภ์ค่ะ เมื่อทราบอายุครรภ์คร่าว ๆ ทางโรงพยาบาลจะให้ข้อมูลคลินิคเวชกรรม PDA ประจำจังหวัด ให้เราไปติดต่อสอบถามเพิ่มเติมเองค่ะ
เราได้เดินทางไปคลินิคเวชกรรม PDA ประจำจังหวัด พบว่าการตั้งครรภ์เรายังอยู่ในระยะครรภ์อ่อนมาก ๆ ถุงตั้งครรภ์เล็กมาก แนะนำให้มาใหม่อีกครั้งในอีก 2 สัปดาห์เพื่ออัลตราซาวด์ดูว่ามีตัวอ่อนไหม และตั้งครรภ์ในมดลูกหรือเปล่า สำหรับขั้นตอนการยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัยจะมี 2 แบบคือ
1. การให้ยายุติการตั้งครรภ์ จะมีประสิทธิภาพถึง 95% เหมาะกับอายุครรภ์ไม่เกิน 9 สัปดาห์ จะคล้ายการแท้งธรรมชาติไม่เจ็บปวดเท่าการดูด แต่อาจจะมีโอกาสแท้งไม่สมบูรณ์ได้
2. การใช้เครื่องมือดูดเนื้อรกจากโพรงมดลูก จะมีประสิทธิภาพถึง 98% ข้อดีคือไว สะดวก และทราบได้ทันทีหลังทำว่าแท้งสมบูรณ์แล้ว
ซึ่งหากทำที่คลินิกเวชกรรมนี้จะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 5,000 บาท โดยวิธีการเราสามารถเลือกได้ว่าต้องการแบบไหนเราเลยต้องกลับบ้านเพื่อตัดสินใจเรื่องวิธีการและค่อยกลับมาอีกครั้งตอนอายุครรภ์ประมาณ 6 สัปดาห์
หลังจากนั้นเราก็ลองหาข้อมูลเรื่อย ๆ ว่าจะใช้วิธีไหนดี โดยการโทรสอบถามสายด่วน 1663 เจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำดีมาก ๆ เป็นเจ้าหน้าที่ฟังจากน้ำเสียงน่าจะอายุมากกว่าเราเยอะ และให้คำแนะนำที่ดี ไม่ตัดสินผู้รับบริการ ช่วยแก้ปัญหาให้ดีค่ะ ส่วนข้อเสียคือโทรติดยากมาก ๆ รอสายนานนิดนึง
นอกจากนี้เราได้คุยกับกลุ่มทำทางเพื่อปรึกษาเรื่องสถานพยาบาลอื่นที่ให้บริการยุติการตั้งครรภ์แบบไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งเราแอดไลน์ไป เจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำที่ดีมาก ๆ รับฟังปัญหา รวมทั้งให้ข้อมูล และหาสถานพยาบาลรัฐที่น่าเชื่อถือ และให้บริการแบบไม่มีค่าใช้จ่ายให้ ต้องขอขอบคุณกลุ่มทำทางมาก ๆ ค่ะ เราเข้าใจเลยว่าในวันที่เราตัดสินใจยุติการตั้งครรภ์โลกจะมี 2 ประเภทเสมอ คือเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย สำหรับเราเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือดีมาก ๆ เข้าใจเคารพสิทธิในตัวเรา ไม่ตัดสินเราจากความผิดพลาดครั้งเดียวในชีวิต และช่วยเราหาทางออกให้กับปัญหา ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ
หลังจากที่เราคุยกับกลุ่มทำทางเรียบร้อย และได้นัดเข้าไปยุติการตั้งครรภ์ ณ สภานพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งในภาคกลาง วันนัดก็มาถึง
เราไปถึงโรงพยาบาลแต่เช้า เพื่อไปขึ้นบัตร ทำประวัติ เจ้าหน้าที่ถามว่ามาฝากครรภ์หรือมายุติคะ เราแจ้งว่ามายุติ เราก็กรอกประวัติส่วนตัว ขึ้นบัตร และขึ้นไปรอที่หน้าห้องตรวจสูตินารีเวชกรรม จากนั้นวัดความดัน ชั่งน้ำหนัก รอพยาบาลเรียกซักถาม พยาบาลใจดีมาก ๆ ให้คำแนะนำที่ดีมาก สอบถามรายละเอียดเบื้องต้น และให้เรากรอกเอกสารยุติการตั้งครรภ์ โดยโรงพยาบาลแจ้งว่าที่นี่ทำให้ไม่มีค่าใช้จ่ายแค่ครั้งเดียวเท่านั้น (สำหรับเราคิดในใจในชีวิตนี้เราก็จะมีประสบการณ์เรื่องนี้แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้นเหมือนกัน เราจะไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้นอีกแล้วจากประสบการณ์ครั้งนี้)
หลังจากเซ็นชื่อเรียบร้อย เราก็รอหน้าห้องอัลตราซาว์เพื่อดูอายุครรภ์ และการตั้งครรภ์ในมดลูกไหม เข้าไปในห้องอัลตราซาวด์เรียบร้อยก็ออกมารอเรียกด้านนอก จากนั้นพยาบาลก็จะให้เราไปรับยาค่ะ ที่นี่จะใช้วิธีการยุติการตั้งครรภ์ด้วยการทานยา เราต้องลงไปห้องยาด้านล่างเพื่อรับยา และซื้อน้ำเปล่า 1 ขวดมาด้วยเพื่อทานยาหน้าพยาบาล
เมื่อเราลงไปได้ยามาเรียบร้อย 1 กล่องจะมีตัวยา 2 แบบ แบบแรก 1 เม็ด ทานต่อหน้าพยาบาลเลย แบบที่สอง จะประกอบด้วยยา 4 เม็ด พยาบาลจะแนะนำวิธีทาน เวลาทานในวันพรุ่งนี้ ถัดจากยาเม็ดแรก 24 ชั่วโมง โดยจะต้องทานพร้อมกัน 4 เม็ด โดยอมใต้ลิ้นให้ยาละลายช้า ๆ ให้ละลาย ประมาณ 30 นาที ระหว่างให้ยาจะต้องมีคนอยู่ด้วย เผื่อมีเหตุฉุกเฉิน
เมื่อทานยาเม็ดแรกเสร็จ พยาบาลจะให้เราสแกนคิวอาร์โค้ดของเว็บ RSATHAI เพื่อติดตามผลการใช้ยาและแจ้งผลการใช้ยาไปยังโรงพยาบาลเพื่อติดตามประเมินผลคนไข้ต่อไปค่ะ หลังจากนั้นพยาบาลจะออกใบนัดให้มาอัลตราซาว์ดอีกครั้งใน 7 วันข้างหน้าเพื่อดูว่าการยุติการตั้งครรภ์สมบูรณ์
หลังจากทานยา รับเอกสารเรียบร้อยทางโรงพยาบาลจะส่งเราไปคุมกำเนินต่อทันทีค่ะ โดยที่โรงพยาบาลมีให้เลือก 2 วิธีคือ
1. การฉีดยาคุมกำเนิด 3 เดือน
2. การฝังยาคุมกำเนิด 5 ปี
ซึ่งโรงพยาบาลให้บริการฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย เราเลือกการฉีดยาคุมกำเนิน 3 เดือน เพราะเราคุยกับสามีแล้วว่าภายในสิ้นเดือนนี้สามีจะเป็นคนไปทำหมันชาย เพื่อป้องกันและไม่ให้เกิดปัญหาการท้องอีกในอนาคต เป็นการทำหมันถาวร ที่ผ่านมาสามีบ่ายเบี่ยงตลอด แต่พอเกิดเรื่องราวครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนสำคัญในชีวิตคู่ของเราที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่ในเมื่อปัญหาเกิดแล้วเราก็ต้องแก้ไข และต้องไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต สามีเลยยินยอม เพราะเค้าเห็นเราเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจจากประสบการณ์ในครั้งนี้ค่ะ
หลังจากทานยาเม็ดแรก เรายังไม่มีอาการใด ๆ นะคะอาการปกติ ก็กลับไปทำงานได้ค่ะ หลังจากนั้นวันที่ 2 วันนี้จะต้องใช้ยาเพื่อขับชิ้นเนื้อการตั้งครรภ์ออกมา วันนี้กำหนดการให้ยาเราคือ 13.30 น. เราอมยาทั้ง 4 เม็ดใต้ลิ้นค่ะ ค่อย ๆ ให้ยาละลาย ไม่กลืนน้ำลาย ไม่พูด ไม่ดื่มน้ำ เมื่อละลายครบตามเวลา เราก็นอนค่ะ เพราะหลังจากยาเข้าไปในร่างกายเวลาประมาณ 14.15 น.เรารู้สึกหนาว สั่น มีไข้ต่ำ ๆ ซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากการใช้ยาตัวนี้ เริ่มรู้สึกปวดท้อง เราเคยผ่านประสบการณ์การคลอดลูก โดยการเร่งคลอด เราคลอดลูก 2 คนโดยวิธีธรรมชาติ และพอทราบว่าการปวดท้องจะเป็นอย่างไร ซึ่งถือว่าร่างกายเราสามารถรับได้ค่ะ จากนั้นเวลาประมาณ 16.30 น. เราปวดเหมือนท้องเสีย และไปเข้าห้องน้ำพบว่ามีเลือดเริ่มออก จากนั้นประมาณ 17.00 น. ก็เริ่มกระบวนการแท้งค่ะ ของเราน่าจะใช้เวลาถึงประมาณ 22.00 - 23.00 น.เลย กว่าที่มดลูกจะขับออกหมด จากนั้นก็ไม่ปวดท้อง และไม่มีไข้ หนาว สั่นละค่ะ
จากนั้นในวันที่ 3 เราใส่ผ้าอนามัยก็พบว่ามีเลือดออกบ้างแต่น้อยมากค่ะ อาการวันนี้ไม่มีอะไรแล้ว ก็ค่อยทำงานเบา ๆ ทานอาหารที่มีประโยชน์ค่ะ เพื่อให้ร่างกายพักฟื้น ส่วนสัญญาณการตั้งครรภ์ เช่น หน้าอกแข็งเป็นไต ก็เริ่มไม่เจ็บ และไม่เวียนหัวตอนเช้าแล้ว
วันที่ 4 ไม่มีเลือดออกแล้วค่ะ หน้าอกแฟบละ ไม่เวียนหัวตอนเช้า แน่นท้อง เรอแล้ว ตอนนี้รอไปโรงพยาบาลสัปดาห์หน้า ค่ะ เพื่ออัลตราซาวด์ดูอีกครั้งว่าการตั้งครรภ์สมบูรณ์
เรามาเล่าถ่ายทอดประสบการณ์ที่เราเชื่อว่าในชีวิตผู้หญิงคนนึงไม่มีใครอยากมีประสบการณ์เรื่องนี้ค่ะ สำหรับเราได้เรียนรู้และเป็นประสบการณ์ บทเรียนสำคัญเลย และเราอยากขอบคุณ กลุ่มทำทาง ที่ให้คำแนะนำช่วยเหลือตลอดมา รวมทั้งข้อความติดตามผลจาก RSATHAI ที่ส่งมาให้ตลอดตั้งแต่เริ่มให้ยาเม็ดแรก จนถึงยาชุดที่ 2 ขอบคุณมากค่ะ