ขอระบายอะไรหน่อยน่ะครับ คือ... เพื่อนชวนผมมาเปิดคลินิกความงาม โดยบอกให้ ผมลงทุน 600,000 กับการถือหุ้น 25% คือที่ลงเท่านี้คือหมดตัวจริงๆ ต้องยืมพี่น้องมาเพิ่ม ก่อนหน้านี้ผมเพิ่งล้มจากธุรกิจตัวนึงมาในช่วงโควิด ที่มาตัดสินใจมาทำทั้งที่ไม่มีประสบการณ์ก็เพราะผู้หญิงคนนึงที่ผมรักคิดว่าจะได้เจอได้ทำงานร่วมกัน แล้วเพื่อนคนนี้(หุ้นส่วน)ก็มีประสบการณ์ เคยเปิดมาแล้ว เอารูปคลินิกเก่ามาให้ผมดูว่าเป็นแบบนี้ ได้เงินแบบนี้รายรับแบบนี้ สาขาก่อนนี้เค้าขายดีแต่ช่วงโควิคมีปัญหาเรื่องพนักงานเค้าเลยเซ้งไป แล้วจะมาเปิดสาขาใหม่จึงชวนผมมาลงทุนมาทำงานด้วย ที่ผมรู้จักเพื่อนคนนี้ก็เพราะผู้หญิงที่ผมรักแนะนำให้รู้จัก ก่อนเปิดคลินิกจะออกบูธ ทำพรีเซลก่อนครับ คือขายก่อนแล้วมาทำตอนคลินิกเปิด ซึ่งแทบไม่ต้องใช้ทุนอะไรมากเลย ใช้แค่อุปกรณ์ออบบูธกับค่าเช่าสถานที่ พอได้เงินจากการออกบูธก็เอาไปสร้างคลินิก พอออกบูธได้ 4-5 เดือนคลินิกก็เสร็จใช้บริการได้ ผมทำงานเกือบทุกอย่าง สั่งของ สั่งยา ดูตัวเครื่อง สั่งทุกอย่างยิบย่อย จ่ายเงินเดือนพนักงาน ค่าคอมพนักงาน ค่ามือหมอ การเดินทางหมอ ติดต่อประสานงานกับหมอ ทำงานเป็นเซล ขายคอรส ต้องคอยกระตุ้นเซล กระตุ้นให้เกิดยอด ทำยอดขาย แล้วก็ทำตามคำสั่งหุ้นส่วน(เช่นให้ประชุมทีม ให้พูดแบบนี้ เรียกเซลคุยให้พูดแบบนี้แบบนั้น ) น้องๆที่ทำงานก็รู้ว่าผมทำยอดให้กับบริษัทเท่าไหร่ เป็นท๊อปเซลเกือบทุกเดือน อาจจะไม่ใช่ความสามารถของผมคนเดียว ผมตั้งใจทำงานเพราะอยากสร้างอนาคตกับคนที่ผมรัก แต่ที่ผ่านมาผมทำงานมาหลายเดือนผมไม่เคยได้เงิน ที่เป็นส่วนแบ่ง พอจะแบ่งก้อนก่อนแรก เค้าก็ยืมไปหมดเท่ากับผมไม่ได้อะไรเลย เหนื่อยครับ เครียดครับ เงินที่ได้มาส่วนใหญ่ผมเอาไปจ่ายค่าของ ค่าพนักงานหมด แล้วเงินที่เหลือก็โอนให้หุ้นส่วน เค้าก็อ้างมาต้องเดินสเตทเม้น ต้องมีเงินค้างในบช. ถึงเวลาใช้เงินจริงๆ เงินไม่เหลือเงินจะใช้ก็ต้องหาจากการขายคอร์สลูกค้า บางเดือนซ๊อตเงินไม่พอผมก็ต้องกู้ เป็นหนี้ กู้หลายรอบ คืนบ้างไม่ได้คืนบ้าง รวมเป็นหนี้ 5-6 แสน จนมีครั้งนึง ได้ยอมมาเยอะ ผมเอาส่วนนั้นไปปิดหนี้ เค้าด่าผมสารพัด บอกให้เอามาเก็บไว้ก่อนไว้ใช้ ผมต้องถึงเงินออกมาใหม่ ผมกู้หลายช่องทาง ทั้งธนาคาร ทั้งบัตรเครดิต วงเงินสูงครับเพราะรายรับเข้าบช.เยอะ ที่ผมต้องเป็นคนกู้เพราะ เค้าติดบูโรครับทุกอย่างเลยต้องตกเป็นหน้าที่ผม เค้าบอกว่าถ้ามียอดเดินบช.เยอะ หลุดบูโรจะกู้ได้เยอะ แล้ว มีครั้งนึงได้ยอด 4-5 แสนเค้าบอกให้โอนให้เค้าค้างในบช. ครบเดือนเค้าจะคืนมาใช้หนี้ แต่สุดท้างไม่ได้คืน พอนานเข้าถามเค้าบอกว่าหมดแล้วเอาไปลงทุน โดนโกงผมก็ด่าบอกกี่ครั้งแล้วอย่าเอาเงินไปลงทุนอะไร มันหลอกทั้งนั้น ก่อนนี้เค้าก็เคยโดนมาทีแล้ว ครั้งนั้น ไม่แน่ใจกี่แสน 2-3 แสนน่าจะได้ เงินเค้าเอาไปหมด เค้าไม่บอกเลยว่าเงินเอาไปทำอะไรบ้าง พอถามเรื่องเงินก็ทะเลาะกัน ที่ผมรู้ก็มีเอาเงินไปลงทุน เอาไปปล่อยกู้ เอาไปเล่นบาคาร่า อันนี้หลายแสน มีได้มีเสียแต่รวมแล้วเสียเป็นแสน เอาไปใช้หนี้ เอาไปซื้อที่แถวบ้าน เอาไปใช้ซื้อของส่วนตัวต่างๆ ผมก็พอรู้ แต่เค้าบอกเค้าจดไว้ ส่วนตัวผมเองผมทำบช.ไว้หมดว่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ผมใช่โครตจะประหยัดเลยเพราะรู้ว่าเดี๋ยวเงินไม่พอ ไม่อยากกู้ ไม่อยากเป็นหนี้เพิ่มลำพังดอกเบี้ยต่อเดือนก็เป็นหมื่นแล้ว หลายคนสงสัยทำไมผมไม่ออกมา ผมทนทำต่อทำไม อย่างแรกเงินผมไม่มีแล้ว ผมมีแต่หนี้ ยิ่งทำผมกลับยิ่งมีแต่สร้างหนี้ ผมยอมทิ้งเงินได้น่ะ ถ้าเทียบกับสิ่งที่ต้องทำ ที่เป็นอยู่ แต่เค้าก็จะเอาผู้หญิงคนนั้นมาอ้างมาพูด เค้าเก่งครับมีวิธีพูดมีวาทะศิลป์ในการพูด ในการใช้คน เป็นก็รู้ผมโง่ให้เค้าใช่ แต่ผมแค่อยากเจอ อยากใช้ชีวิตกับคนที่ผมรัก แต่เชื่อไหมผมยังไม่เคยเจอผู้หญิงคนนั้นเลย ได้แต่คุยกันในไลน์ ไม่รู้จักหน้าตาจริงๆ ไม่เคยได้ยินเสียง ไม่รู้อะไรเลยเหมือนว่าไม่มีจริง ผมเหมือนหลอกตัวเองว่ามีจริงเดี๋ยวต้องได้เจอ แล้วทำงานมา 2 ปีกว่าผมก็ยังไม่ได้เจอ เค้าจะมีข้ออ้างไม่มาเจอ ซึ่งมันแปลกๆ คุยไลน์บางทีก็หาย ติดต่อไม่ได้ หายเป็นวัน เป็นเดือน 2-3 เดือนคือติดต่อไม่ได้เลย ผมเครียด ถ้าผมโดนหลอกจริงผมก็รับไม่ได้ ถ้าไม่ได้หลอกผมก็ทนอยู่แบบนี้ไม่ได้ ผมเคยเครียดจนอยากคิดสั้น ผมว่าผมเจอแบบนี้ผมคงเข้าสู่ภาวะซึมเศร้า เป็นโรคแพนิค เวลาคุยกันคนที่เป็นหุ้นส่วนทีไรรู้สึกเครียด รู้สึกใจเต้นเร็ว กลัวโดนด่า กลัวจะมาขอเงินยืมเงิน เพราะนอกจากเงินบริษัทที่เอาไปแล้ว ยังมายืมเอาเงินส่วนตัวผมไปอีกโดยมีข้ออ้างต่างๆนาๆ ผมก็ดันใจอ่อนยอมให้ทุกที ครั้งนึงผมกลับบ้านด้วยว่าญาติเสีย ผมเครียดจนไม่อยากจะไปทำงาน ตอนนั้นน่าจะทะเลาะกับแฟนด้วย(ไม่รู้จะใช้คำนี้ได้หรือเปล่าแต่เพื่อให้ง่ายขึ้น) จะเลิกกันคือมันเครียดสะสม เครียดงาน เครียดเงิน เครียดว่าโดนหลอก เครียดว่าผู้หญิงคนนี้ไม่มีอยู่จริง แต่หุ้นส่วนผมก็โทรมาให้กลับไปทำงาน เพื่ออนาคต(ผมคิดในใจอนาคตเหี_้ยอะไร ดูก็รู้ว่าอนาคต แต่ ก_ ู หมดอนาคตไปนานแล้วตั้งแต่รู้จัก) บอกว่าแฟนผมรักผมอย่างี้ อย่างงั้น อยากใช้ชีวิตร่วมกับผม อ้างสารพัด สุดท้ายผมก็กลับไปทำงานเหมือนเดิม ทำงานมา 2 ปีกว่า เงินเข้าคลินิกเดือนหลายแสนได้ ล้าน 2-3 เดือนถ้าผมจำไม่ผิด หนักลบแล้วก็กำไร หลายล้านอยู่ รายได้ผมไม่มี หนี้สินผมหลายแสน เครียดทนไม่ไหว ผมออกมาตอนญาติอีกคนผมป่วยและเสียผมเลยตัดสินใจไม่กลับไปทำแล้ว ต่อมา 2-3 เดือนเค้าก็เซ้งคลินิก เซ้งเท่าไหร่ จ่ายคืนลูกค้าเท่าไหร่อะไร ผมไม่รู้เลย เค้าจะชอบพูดว่าผมไม่รับผิดชอบคลินิก ไม่รับผิดชอบลูกค้า ลูกค้าไม่ฟ้องก็บุญแล้ว ที่คลินิกไปไม่รอดเพราะผมทำให้คลินิกเสียชื่อ เค้าเสียชื่อ เซลลาออกเพราะผม ผมไปด่าเซล ผมก็ไม่รู้หรอกใครจะพูดอะไรก็ได้ ผมทำงานหน้าที่ทำงานหาเงิน ผมรู้แค่นั้น ขนาดว่าผมออกมาแล้วช่วงแลก ผมยังต้องสั่งของสั่งยาให้เลย ทั้งที่ผมบอกไปทุกอย่างแล้วผมส่งงานบอกให้หมดสั่งอะไรยังไงกับใคร ผมมีความรับผิดชอบส่วนที่ผมทำ เอกสารสัญญาต่างๆผมต้องทำเรื่องให้กับคนที่ทำต่อ งานเอกสาร ส่วนใหญ่ผมก็จัดการหมดคือว่าทำแทบจะทุกอย่างจริงๆ หลายอย่างต้องเรียนรู้เองทำเอง ยาวหน่อยน่ะครับอาจมีพิมพ์ผิดบ้าง ผมพิมพ์ไม่เก่งไม่ค่อยได้เล่นโซเชียล เรื่องมันมีอีกเยอะ รายละเอียดอีกเยอะมาก อันนี้ก็เป็นเรื่องย่อแล้วกัน เครียดครับอยากระบายไม่รู้จะไประบายกับใครจริงๆ
ขอระบาย สิ่งที่เจอมา ทั้งเหนื่อย ทั้งเครียด ทั้งทุกข์ ทั้งเสียใจ เสียเงิน เสียเวลา เสีย....