พอดีแม่เราซื้อประกันภัยจากทิพยประกันภัยไว้ แล้วตอนนี้แม่เราเสียชีวิต ทิพยประกันภัยแจ้งว่า ไม่ได้เบี้ย เพราะแม่เป็นหลายโรค
>> ขออนุญาตท้าวความนิดนึง <<
ช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน 2565 แม่เราเอารถยนต์ไปรีไฟแนนซ์ ด้วยเหตุว่าตอนนั้นธุรกิจที่บ้านไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ตอนที่ไปรีไฟแนนซ์พนักงานพยายามเชียร์ขายประกันให้เพราะบอกว่าถ้าเสียชีวิตไปด้วยโรคร้ายแรงจะได้เงินประกัน (ประกันของทิพยประกันภัย) แม่เราเลยชี้แจงกับทางพนักงานขายว่า "ไม่อยากซื้อประกันเพราะไม่อยากจ่ายเงินเพิ่ม พร้อมทั้งแม่เรามีโรคประจำตัวพร้อมทั้งแม่เรามีโรคประจำตัวคือโรคเบาหวาน และเคยเป็นมะเร็งลำไส้และเคยเป็นมะเร็งลำไส้มาก่อน"
(แม่เราเป็นมะเร็งลำแม่เราเป็นมะเร็งลำไส้เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ผ่านการผ่าตัดและเข้ารักษาจนเชื้อมะเร็งไม่มี และใช้ชีวิตตามปกติ และตรวจตามนัดทุกนัด)
พอแม่เราอธิบายทั้งหมด พนักงานขายก็ให้เหตุผลว่าถ้าสมมุติกลับมาเป็นมะเร็งอีกแต่เป็นที่จุดอื่นก็จะ ได้เงินประกันเหมือนเดิม จ่ายเพิ่มแค่เดือนละสอง 300 เอง อยากให้ทำไว้อยากให้ทำไว้เพราะมันสำคัญ
ตอนนั้นแม่เราก็ปฏิเสธ แต่เหมือนทางคนขายก็พยายามเชียร์ให้เราซื้อ จนสุดท้ายแม่เราบอกว่าจ่ายเพิ่มอีกไม่เท่าไหร่ ถ้าแม่เป็นอะไรไปแม่ก็จะมีโอกาสได้เงินประกันคืนด้วย แม่เลยตัดสินใจทำแม่เลยตัดสินใจทำประกันในวันนั้น
หลังจากเหตุการณ์ในวันที่เอารถไปรีไฟแนนซ์ประมาณสองเดือนกว่า แม่เรามีอาการปวดหลังหายใจไม่ออกแน่นท้อง เลยพาแม่ไปหาหมอ หมอทำการ หมอทำการรักษาและมีการผ่าตัดแม่เราอยู่ที่โรงพยาบาลหลายเดือน สุดท้าย หมอบอกว่า "แม่เราเป็นโรคมะเร็งรังไข่" แล้วไม่นาน แม่เราก็โรคแทรกซ้อนหลายอย่างทั้งโรคไต โรคหัวใจ ความดัน ทำให้แม่เราสู้ไม่ไหว
หลังจากรักษาได้ประมาณ 7 เดือน แม่เราก็เสียชีวิต ช่วงเดือน พฤษภาคม 2566 (ซึ่งเราเองได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากแม่เรา ที่เล่าเรื่องการเอารถไปรีไฟแนนซ์ และการซื้อประกัน) เราในฐานะลูกเลยได้ไปยื่นเอกสารเกี่ยวกับการตายของแม่ให้กับทางประกันภัย โดยในวันที่เราไปยื่นเอกสารพนักงานก็เล่าเรื่องเหมือนกันกับที่แม่เราเล่าให้ฟัง
ต่อมาประกันภัยขอประวัติการรักษาทุกอย่างของเรา เราก็ดำเนินการไปเราก็ดำเนินการไปขอให้ทั้งหมดตามที่แจ้งมา แต่ติดปัญหาตรงที่ไม่มีประวัติการรักษาในปี 2563-2564 เพราะตอนนั้นเชื้อมะเร็งของแม่เราไม่มีแล้ว หมอจะนัดไปตรวจเชื้อมะเร็งทุกๆสามปี เราได้ชี้แจงกับทางประกันภัยแล้วซึ่งทางประกันภัยก็บอกว่าจะขอโทรไปสอบถามทางโรงพยาบาล ซึ่งเราเองก็ยินดี
ล่าสุดตอนนี้ เราโทรถามทางประกันเพราะนานมากแล้ว ประกันบอกว่าแม่เรามีหลายโรค ทางโรคไต โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง โรคความดันหัวใจ ซึ่งเราก็ได้บอกกับทางพนักงานที่รับสายไปว่าโรคพวกนั้นมันมาหลังจากทำประกัน แต่โรคเบาหวานเป็นโรคที่แม่เราเป็นตั้งแต่แรกแล้ว ส่วนมะเร็งลำไส้เราก็ได้ชี้แจงไปให้กับคนขายประกันทราบตั้งแต่แรกว่าเป็นยังไง มาถึงตอนนี้ เหมือนประกันจะไม่ยอมจ่ายเงินประกันให้เลยค่ะ ส่วนตัวเรามองว่า เงินนี้มันสำคัญมาก เพราะตอนนี้ เราทำงานประจำ เงินเดือนหมื่นต้นๆ ซื้อเราก็ต้องดูแลน้องสาวที่ยังเรียนไม่จบ การที่แม่เสียไป เราเคว้งมาก แล้วมาเจอเรื่องประกันนี้ ทำให้เราท้อมากค่ะ มีวิธีการไหน ที่ทำให้ทุกอย่างดีขึ้นไหมคะ ความรู้สึกเราตอนนี้เหมือนแม่เราโดนหลอกให้ซื้อประกันเลยค่ะ
เหมือนโดนหลอกซื้อประกันเลย พอผู้ซื้อเสียชีวิต ก็ไม่ได้เงินประกันจริง
>> ขออนุญาตท้าวความนิดนึง <<
ช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน 2565 แม่เราเอารถยนต์ไปรีไฟแนนซ์ ด้วยเหตุว่าตอนนั้นธุรกิจที่บ้านไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ตอนที่ไปรีไฟแนนซ์พนักงานพยายามเชียร์ขายประกันให้เพราะบอกว่าถ้าเสียชีวิตไปด้วยโรคร้ายแรงจะได้เงินประกัน (ประกันของทิพยประกันภัย) แม่เราเลยชี้แจงกับทางพนักงานขายว่า "ไม่อยากซื้อประกันเพราะไม่อยากจ่ายเงินเพิ่ม พร้อมทั้งแม่เรามีโรคประจำตัวพร้อมทั้งแม่เรามีโรคประจำตัวคือโรคเบาหวาน และเคยเป็นมะเร็งลำไส้และเคยเป็นมะเร็งลำไส้มาก่อน"
(แม่เราเป็นมะเร็งลำแม่เราเป็นมะเร็งลำไส้เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ผ่านการผ่าตัดและเข้ารักษาจนเชื้อมะเร็งไม่มี และใช้ชีวิตตามปกติ และตรวจตามนัดทุกนัด)
พอแม่เราอธิบายทั้งหมด พนักงานขายก็ให้เหตุผลว่าถ้าสมมุติกลับมาเป็นมะเร็งอีกแต่เป็นที่จุดอื่นก็จะ ได้เงินประกันเหมือนเดิม จ่ายเพิ่มแค่เดือนละสอง 300 เอง อยากให้ทำไว้อยากให้ทำไว้เพราะมันสำคัญ
ตอนนั้นแม่เราก็ปฏิเสธ แต่เหมือนทางคนขายก็พยายามเชียร์ให้เราซื้อ จนสุดท้ายแม่เราบอกว่าจ่ายเพิ่มอีกไม่เท่าไหร่ ถ้าแม่เป็นอะไรไปแม่ก็จะมีโอกาสได้เงินประกันคืนด้วย แม่เลยตัดสินใจทำแม่เลยตัดสินใจทำประกันในวันนั้น
หลังจากเหตุการณ์ในวันที่เอารถไปรีไฟแนนซ์ประมาณสองเดือนกว่า แม่เรามีอาการปวดหลังหายใจไม่ออกแน่นท้อง เลยพาแม่ไปหาหมอ หมอทำการ หมอทำการรักษาและมีการผ่าตัดแม่เราอยู่ที่โรงพยาบาลหลายเดือน สุดท้าย หมอบอกว่า "แม่เราเป็นโรคมะเร็งรังไข่" แล้วไม่นาน แม่เราก็โรคแทรกซ้อนหลายอย่างทั้งโรคไต โรคหัวใจ ความดัน ทำให้แม่เราสู้ไม่ไหว
หลังจากรักษาได้ประมาณ 7 เดือน แม่เราก็เสียชีวิต ช่วงเดือน พฤษภาคม 2566 (ซึ่งเราเองได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากแม่เรา ที่เล่าเรื่องการเอารถไปรีไฟแนนซ์ และการซื้อประกัน) เราในฐานะลูกเลยได้ไปยื่นเอกสารเกี่ยวกับการตายของแม่ให้กับทางประกันภัย โดยในวันที่เราไปยื่นเอกสารพนักงานก็เล่าเรื่องเหมือนกันกับที่แม่เราเล่าให้ฟัง
ต่อมาประกันภัยขอประวัติการรักษาทุกอย่างของเรา เราก็ดำเนินการไปเราก็ดำเนินการไปขอให้ทั้งหมดตามที่แจ้งมา แต่ติดปัญหาตรงที่ไม่มีประวัติการรักษาในปี 2563-2564 เพราะตอนนั้นเชื้อมะเร็งของแม่เราไม่มีแล้ว หมอจะนัดไปตรวจเชื้อมะเร็งทุกๆสามปี เราได้ชี้แจงกับทางประกันภัยแล้วซึ่งทางประกันภัยก็บอกว่าจะขอโทรไปสอบถามทางโรงพยาบาล ซึ่งเราเองก็ยินดี
ล่าสุดตอนนี้ เราโทรถามทางประกันเพราะนานมากแล้ว ประกันบอกว่าแม่เรามีหลายโรค ทางโรคไต โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง โรคความดันหัวใจ ซึ่งเราก็ได้บอกกับทางพนักงานที่รับสายไปว่าโรคพวกนั้นมันมาหลังจากทำประกัน แต่โรคเบาหวานเป็นโรคที่แม่เราเป็นตั้งแต่แรกแล้ว ส่วนมะเร็งลำไส้เราก็ได้ชี้แจงไปให้กับคนขายประกันทราบตั้งแต่แรกว่าเป็นยังไง มาถึงตอนนี้ เหมือนประกันจะไม่ยอมจ่ายเงินประกันให้เลยค่ะ ส่วนตัวเรามองว่า เงินนี้มันสำคัญมาก เพราะตอนนี้ เราทำงานประจำ เงินเดือนหมื่นต้นๆ ซื้อเราก็ต้องดูแลน้องสาวที่ยังเรียนไม่จบ การที่แม่เสียไป เราเคว้งมาก แล้วมาเจอเรื่องประกันนี้ ทำให้เราท้อมากค่ะ มีวิธีการไหน ที่ทำให้ทุกอย่างดีขึ้นไหมคะ ความรู้สึกเราตอนนี้เหมือนแม่เราโดนหลอกให้ซื้อประกันเลยค่ะ