จอห์น เด็กชายวัย 13 ปีมีชีวิตอยู่ในครอบครัวที่มีทุกอย่างเพียบพร้อมไม่ว่าจะพ่อแม่ที่มีฐานะมั่นคง พี่สาวอีกคนที่มีความเป็นผู้ใหญ่
ในบ้านหลังงามกลางป่าที่น่าอยู่.. ซึ่งไม่ว่าจะมองในมุมไหนก็ถือว่าเป็นครอบครัวในฝันของใครหลายคน
หากแต่ลึกๆในใจของจอห์นนั้น เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังสับสน....
อยู่มาวันหนึ่งขณะที่กำลังเล่นโดรนบังคับ จอห์นทำโดรนตกในป่าและนั่นทำให้เด็กชายได้พบกับบังเกอร์ขนาดใหญ่ในป่าหลังบ้าน
เขาถามพ่อแม่เกี่ยวกับเรื่องของหลุมดังกล่าว ซึ่งก็ไม่มีใครให้คำตอบที่แน่ชัดได้ว่าหลุมนี้มีไว้เพื่อวัตถุประสงค์อันใด
คืนต่อมา.. จอห์นแอบใส่ยานอนหลับให้กับทุกคนในครอบครัว พ่อแม่และพี่สาวของเขาหลับสนิท
เด็กชายนำทุกคนลงไปในหลุมที่เขาเพิ่งค้นพบ...
หลังจากที่พ่อแม่และพี่สาวของเขาตื่นขึ้นมาและพบว่าตัวเองอยู่ในหลุมที่ไม่มีทางออกได้ นอกจากต้องปีนขึ้นไป..
พวกเขาคิดว่ามีคนร้ายเข้ามาในบ้านและขังพวกเขาไว้ แน่นอนว่าทุกคนเป็นห่วงจอห์นอย่างมาก
เพราะลูกชายคนเล็กไม่ได้อยู่กับพวกเขาด้วย ..แต่ในเวลาต่อมาพวกเขาก็รู้ว่า จอห์นคือคนที่พาทุกคนมาขังไว้ที่นี่
ระหว่างนั้นจอห์นก็คอยนำอาหารและน้ำ มาส่งให้กับสมาชิกครอบครัวที่อยู่ในหลุมเพื่อประทังชีวิต
ท่ามกลางความสงสัยของสมาชิกในครอบครัวที่ไม่มีใครเข้าใจเลยว่า จอห์นทำแบบนี้เพื่ออะไร ทำไมถึงมาขังพวกเขาไว้แบบนี้..
หรือว่าพวกเขาทำอะไรที่ผิดไปกับลูกชาย...พ่อแม่และพี่สาวของเขาพยายามหาคำตอบแต่ก็ไม่เป็นผล..
JOHN AND THE HOLE ผลงานการกำกับเรื่องแรกของ Pascual Sisto ชาวสเปน
ดัดแปลงจาก El Pozo (The Well) เรื่องสั้นฝีมือชอง Nicolás Giacobone นักเขียนชาวอาร์เจนไตน์
เจ้าของรางวัลออสการ์สาขาบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์เรื่อง BIRDMAN (2014)
รวมถึงผลงานโดดเด่นเรื่องแรกของเขาอย่าง Biutiful (2010)
ซึ่ง Giacobone ยังเป็นผู้ดัดแปลงเรื่องสั้นนี้ให้มาเป็นบทภาพยนตร์ด้วยตัวเองอีกด้วย
Charlie Shotwell ที่เคยมีผลงานมาแล้วกับหนังสยองอย่าง Eli (2019) มาในครั้งนี้กับบทของจอห์น เด็กมีปัญหา
กับความคิดที่คาดเดาไม่ได้เลยว่าจะทำอะไรต่อไป ส่วนนักแสดงที่เหลือก็เล่นได้อย่างเต็มที่เช่นกัน..
งานภาพสวยงาม การดำเนินเรื่องเป็นไปอย่างช้าๆ ค่อยเป็นค่อยไป
หนังเล่นกับความไม่รู้ของเรานี่ล่ะครับที่มันทำให้เกิดความไม่แน่ใจขึ้นและกลายมาเป็นความหวาดกลัวที่ค่อยๆก่อขึ้นในใจทีละนิด
และพอถึงกลางเรื่อง..หนังจะให้เราเห็นอีกเส้นเรื่องนึงที่ดำเนินไปแบบควบคู่กัน โดยจะเอ่ยถึงเป็นระยะ
แต่จะมีบางอย่างของเส้นเรื่องนั้นที่มีความเกี่ยวเนื่องกับตัวของจอห์น
ซึ่งตรงจุดนี้ล่ะครับเป็นสิ่งที่ทำให้คนดูอย่างเราเกิดปริศนาต้องไปขบคิดกันต่อหลังจากที่ดูหนังเรื่องนี้เสร็จ (เค้าข่ายหนังจบคนไม่จบล่ะครับ)
อาจจะดูยากครับสำหรับหลายคน ถ้าไม่ชอบก็เกลียดไปเลยกับหนังแบบนี้ แต่อยากให้ลองชมครับ
ผมเชื่อว่าผมเข้าใจนะว่าเหตุผลที่จอห์นทำลงไปทั้งหมดนั้นเพราะอะไร....
จากข่าวที่มีอยู่ในเวลานี้ การที่เยาวชนคนนึงกระทำการรุนแรงใดๆก็ตาม แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้
แม้ว่าหนทางด้านกฎหมายจะมีการคุ้มครองสิทธิของความเป็นเด็กอยู่ก็ตาม
หากแต่ถ้าเราได้วิเคราะห์และคิดให้รอบด้านถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับเด็กคนนึงว่าเพราะอะไร เขาถึงได้ตัดสินใจทำบางสิ่ง
นั่นย่อมต้องมีเหตุผลรองรับ..จะมาจากการเลี้ยงดูของทางครอบครัว ความกดดันจากสังคมคนรอบข้าง
การกลั่นแกล้งจากทางโรงเรียน หรืออาจจะโลกโซเชี่ยล.. พฤติกรรมต่างๆที่เจ้าตัวจดจำตั้งแต่ช่วงวัยเด็กและจำฝังใจ..
ทุกอย่างมันหล่อหลอมให้เด็กที่ดูเหมือนไม่มีพิษมีภัย สามารถกระทำในสิ่งที่ยากจะเชื่อได้ว่า..เขาจะทำอะไรแบบนั้นได้จริงๆ....
เด็กเปรียบเสมือนผ้าขาว แต่หากซึมซับด้วยสีที่หม่นเทาไปเรื่อยๆ.. สักวันก็จะกลายเป็นสีดำ...
=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===
== John and the Hole (2021) เด็กชาย..กับหลุมลึกในใจอันดำมืด... ==
จอห์น เด็กชายวัย 13 ปีมีชีวิตอยู่ในครอบครัวที่มีทุกอย่างเพียบพร้อมไม่ว่าจะพ่อแม่ที่มีฐานะมั่นคง พี่สาวอีกคนที่มีความเป็นผู้ใหญ่
ในบ้านหลังงามกลางป่าที่น่าอยู่.. ซึ่งไม่ว่าจะมองในมุมไหนก็ถือว่าเป็นครอบครัวในฝันของใครหลายคน
หากแต่ลึกๆในใจของจอห์นนั้น เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังสับสน....
อยู่มาวันหนึ่งขณะที่กำลังเล่นโดรนบังคับ จอห์นทำโดรนตกในป่าและนั่นทำให้เด็กชายได้พบกับบังเกอร์ขนาดใหญ่ในป่าหลังบ้าน
เขาถามพ่อแม่เกี่ยวกับเรื่องของหลุมดังกล่าว ซึ่งก็ไม่มีใครให้คำตอบที่แน่ชัดได้ว่าหลุมนี้มีไว้เพื่อวัตถุประสงค์อันใด
คืนต่อมา.. จอห์นแอบใส่ยานอนหลับให้กับทุกคนในครอบครัว พ่อแม่และพี่สาวของเขาหลับสนิท
เด็กชายนำทุกคนลงไปในหลุมที่เขาเพิ่งค้นพบ...
หลังจากที่พ่อแม่และพี่สาวของเขาตื่นขึ้นมาและพบว่าตัวเองอยู่ในหลุมที่ไม่มีทางออกได้ นอกจากต้องปีนขึ้นไป..
พวกเขาคิดว่ามีคนร้ายเข้ามาในบ้านและขังพวกเขาไว้ แน่นอนว่าทุกคนเป็นห่วงจอห์นอย่างมาก
เพราะลูกชายคนเล็กไม่ได้อยู่กับพวกเขาด้วย ..แต่ในเวลาต่อมาพวกเขาก็รู้ว่า จอห์นคือคนที่พาทุกคนมาขังไว้ที่นี่
ระหว่างนั้นจอห์นก็คอยนำอาหารและน้ำ มาส่งให้กับสมาชิกครอบครัวที่อยู่ในหลุมเพื่อประทังชีวิต
ท่ามกลางความสงสัยของสมาชิกในครอบครัวที่ไม่มีใครเข้าใจเลยว่า จอห์นทำแบบนี้เพื่ออะไร ทำไมถึงมาขังพวกเขาไว้แบบนี้..
หรือว่าพวกเขาทำอะไรที่ผิดไปกับลูกชาย...พ่อแม่และพี่สาวของเขาพยายามหาคำตอบแต่ก็ไม่เป็นผล..
JOHN AND THE HOLE ผลงานการกำกับเรื่องแรกของ Pascual Sisto ชาวสเปน
ดัดแปลงจาก El Pozo (The Well) เรื่องสั้นฝีมือชอง Nicolás Giacobone นักเขียนชาวอาร์เจนไตน์
เจ้าของรางวัลออสการ์สาขาบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์เรื่อง BIRDMAN (2014)
รวมถึงผลงานโดดเด่นเรื่องแรกของเขาอย่าง Biutiful (2010)
ซึ่ง Giacobone ยังเป็นผู้ดัดแปลงเรื่องสั้นนี้ให้มาเป็นบทภาพยนตร์ด้วยตัวเองอีกด้วย
Charlie Shotwell ที่เคยมีผลงานมาแล้วกับหนังสยองอย่าง Eli (2019) มาในครั้งนี้กับบทของจอห์น เด็กมีปัญหา
กับความคิดที่คาดเดาไม่ได้เลยว่าจะทำอะไรต่อไป ส่วนนักแสดงที่เหลือก็เล่นได้อย่างเต็มที่เช่นกัน..
งานภาพสวยงาม การดำเนินเรื่องเป็นไปอย่างช้าๆ ค่อยเป็นค่อยไป
หนังเล่นกับความไม่รู้ของเรานี่ล่ะครับที่มันทำให้เกิดความไม่แน่ใจขึ้นและกลายมาเป็นความหวาดกลัวที่ค่อยๆก่อขึ้นในใจทีละนิด
และพอถึงกลางเรื่อง..หนังจะให้เราเห็นอีกเส้นเรื่องนึงที่ดำเนินไปแบบควบคู่กัน โดยจะเอ่ยถึงเป็นระยะ
แต่จะมีบางอย่างของเส้นเรื่องนั้นที่มีความเกี่ยวเนื่องกับตัวของจอห์น
ซึ่งตรงจุดนี้ล่ะครับเป็นสิ่งที่ทำให้คนดูอย่างเราเกิดปริศนาต้องไปขบคิดกันต่อหลังจากที่ดูหนังเรื่องนี้เสร็จ (เค้าข่ายหนังจบคนไม่จบล่ะครับ)
อาจจะดูยากครับสำหรับหลายคน ถ้าไม่ชอบก็เกลียดไปเลยกับหนังแบบนี้ แต่อยากให้ลองชมครับ
ผมเชื่อว่าผมเข้าใจนะว่าเหตุผลที่จอห์นทำลงไปทั้งหมดนั้นเพราะอะไร....
จากข่าวที่มีอยู่ในเวลานี้ การที่เยาวชนคนนึงกระทำการรุนแรงใดๆก็ตาม แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้
แม้ว่าหนทางด้านกฎหมายจะมีการคุ้มครองสิทธิของความเป็นเด็กอยู่ก็ตาม
หากแต่ถ้าเราได้วิเคราะห์และคิดให้รอบด้านถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับเด็กคนนึงว่าเพราะอะไร เขาถึงได้ตัดสินใจทำบางสิ่ง
นั่นย่อมต้องมีเหตุผลรองรับ..จะมาจากการเลี้ยงดูของทางครอบครัว ความกดดันจากสังคมคนรอบข้าง
การกลั่นแกล้งจากทางโรงเรียน หรืออาจจะโลกโซเชี่ยล.. พฤติกรรมต่างๆที่เจ้าตัวจดจำตั้งแต่ช่วงวัยเด็กและจำฝังใจ..
ทุกอย่างมันหล่อหลอมให้เด็กที่ดูเหมือนไม่มีพิษมีภัย สามารถกระทำในสิ่งที่ยากจะเชื่อได้ว่า..เขาจะทำอะไรแบบนั้นได้จริงๆ....
เด็กเปรียบเสมือนผ้าขาว แต่หากซึมซับด้วยสีที่หม่นเทาไปเรื่อยๆ.. สักวันก็จะกลายเป็นสีดำ...
=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===