สาเหตุของโรคแพนิคคือปรอท และวิธีการรักษาโรคแพนิคให้หาย

ลิงค์วีดีโอต้นฉบับ: https://www.tiktok.com/@gnosisyou/video/7288346862195625223?is_from_webapp=1&sender_device=pc&web_id=7237850539663689217

สาเหตุของโรคแพนิค-และวิธีการรักษาให้หายที่หมอยังไม่รู้

อาการวิงเวียนศีรษะ, วิตกกังวล, ตื่นตระหนก, ปัญหาการนอนหลับ, เจ็บหน้าอกซีกซ้าย, 
มือชาในตอนเช้า, อาการขาอยู่ไม่สุข, เวียนศีรษะ, สายตาวูบวาบ, แรงจูงใจน้อยลง
เป็นลักษณะอาการของโรคต่อมหมวกไตทำงานบกพร่อง ปรอทยุ่งกับระบบต่อมไร้ท่อ 
และต่อมหมวกไตก็เป็นส่วนหนึ่งของระบบต่อมไร้ท่อนั้น 

น่าเสียดายที่สารปรอทไม่ได้ขัดขวางการผลิตอะดรีนาลีน 
และต่อมหมวกไตมีแนวโน้มที่จะผลิตมากเกินไป เมื่ออะดรีนาลีนมากเกินไปก็จะทำให้เกิด 
โรควิตกกังวล และ โรคแพนิค เมื่อคุณขาดคอร์ติซอลเพราะสารปรอท มันทำให้
ความสามารถของร่างกายในการจัดการกับความเครียด การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด 
และการตอบสนองต่อการอักเสบ ต้องหยุดชะงักลง ในขณะที่การผลิตอะดรีนาลีนอาจ
เพิ่มขึ้นเพื่อตอบสนองต่อสิ่งที่ทำให้เกิดความเครียดแบบเฉียบพลัน

เราสามารถใช้สารที่เรียกว่าอะดรีนัลคอร์เท็กซ์ (adrenal cortex) ซึ่งเป็นต่อมหมวกไตส่วนนอก
ของวัวที่ถูกสลายไขมัน การกำจัดไขมันจะกำจัดฮอร์โมนออกไป และเหลือเฉพาะส่วนที่ดีต่อต่อมหมวกไต 
ซึ่งมันจะช่วยให้ต่อมหมวกไตทำงานได้ดีขึ้นในการสร้างฮอร์โมนที่จำเป็นเมื่อคุณต้องการ 
มันมีราคาแพง แต่ใช้งานได้ดี และไม่ทำให้ร่างกายติดหรือต้องพึ่งพามันไปตลอด 
ที่ดีที่สุดคือมันจะช่วยให้คุณรู้สึกดีเมื่อต่อมหมวกไตของคุณทำงานได้ดีมากขึ้น

เพรดนิโซโลนเป็นคอร์ติซอลสังเคราะห์รูปแบบหนึ่ง และทำหน้าที่เหมือนกับคอร์ติซอลของคุณเอง 
มันสามารถหยุดอาการของ โรควิตกกังวลหรือโรคแพนิคได้ แต่เพรดนิโซโลนไม่ได้เอาไว้
สำหรับใช้ต่อเนื่องระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้รับยาในปริมาณมาก 
คุณมีความเสี่ยงที่จะทำให้ต่อมหมวกไตของคุณเข้าสู่โหมดการหยุดทำงานอย่างถาวร 
ต่อมหมวกไตของคุณหยุดผลิตคอร์ติซอลของตัวเอง และทำให้ร่างกายติดและต้องพึ่งพายาตัวนี้ไปตลอดชีวิต

คุณไม่สามารถหยุดใช้มันได้ในทันทีเช่นกัน และต้องค่อย ๆ ลดโดสของมันลง
ภายใต้การดูแลของแพทย์ที่ช่วยดูแลตารางเวลาให้คุณและคอยติดตามการผลิต
และประสิทธิภาพของต่อมหมวกไต

คนที่เป็นพิษจากโลหะหนักบางคนต้องใช้เพรดนิโซโลนในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง 
แต่ควรถือเป็นทางเลือกสุดท้ายเนื่องจากปัญหาที่กล่าวมาข้างต้น
อาการเจ็บหน้าอกที่เกิดในคนที่เป็นแพนิค อาจมีสาเหตุหลายประการ และอาการต่อมหมวกไต
เป็นเพียงปัจจัยหนึ่งที่อาจส่งผลให้เกิดอาการเจ็บหน้าอกได้ ต่อมหมวกไตมีหน้าที่ผลิตฮอร์โมน 
เช่น อะดรีนาลีนและคอร์ติซอล และบางครั้งปัญหาเกี่ยวกับฮอร์โมนเหล่านี้อาจทำให้เกิด
อาการที่ส่งผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงอาการเจ็บหน้าอก

ถ้าการใช้อะดรีนัลคอร์เท็กซ์ไม่สามารถช่วยคุณได้ บางคนต้องไปในเส้นทางของการใช้
ไฮโดรคอร์ติโซนซึ่งเป็นคอร์ติโค-สเตียรอยด์ที่มีฤทธิ์เบากว่าเพรดนิโซโลน แต่อย่างที่บอกไปแล้ว 
นี่คือสิ่งที่คุณต้องปรึกษาแพทย์ ภาวะต่อมหมวกไตบกพร่องเป็นภาวะที่ร้ายแรงมากและจำเป็นต้อง
ได้รับการดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ดร. แอนดรูว์ ฮอลล์ คัตเลอร์ กล่าวเอาไว้ว่า การขับสารปรอทด้วยโดสต่ำตามระยะครึ่งชีวิต 
จะช่วยแก้ไขปัญหาฮอร์โมนของคุณได้ในที่สุด แต่ถ้าคุณต้องการทำอะไรสักอย่างเพื่อจัดการชีวิต
ให้พออยู่ได้ในระหว่างนี้ ก็ไม่เป็นไร และมันจะทำให้คุณรู้สึกสบายกว่ามากที่จะต้องทนอยู่กับอาการต่าง ๆ 
สิ่งที่ต้องพึงระวังอย่างมากคือต้องแน่ใจว่าคุณไม่ได้ใช้ยาไฮโดรคอร์ติโซนในปริมาณที่กดการทำงานของต่อมหมวกไต

“แต่การใช้อะดรีนัลคอร์เท็กซ์จะไม่สามารถไปกดการทำงานของต่อมหมวกไตของคุณได้”

“ระยะเวลาที่ปลอดภัยในการใช้สเตียรอยด์ในปริมาณมากคือ 2 สัปดาห์ ไม่ใช่ 1 เดือน 
หลังจากผ่านไป 2 สัปดาห์ การกดการทำงานของต่อมหมวกไตจะเกิดขึ้น เมื่อมันเริ่มเกิดขึ้น 
การถอนยาสเตียรอยด์จะทำให้ปัญหาที่คุณเคยมีย้อนกลับมาทั้งหมด เพราะร่างกายที่เสพติดกับ
ยาสเตียรอยด์ไปแล้วจะไม่สามารถรับกับการลดโดสได้ เพราะมันทำให้ปริมาณสเตียรอยด์
เหลือน้อยจนไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย”

“คุณต้องถอนสเตียรอยด์ออกอย่างช้าๆ จนถึงระดับที่ต่ำกว่าโดสยาที่จะไม่กดการทำงาน
ของต่อมหมวกไต และต้องทำมันอย่างช้าๆ อาจต้องใช้เวลาหลายเดือน กว่าที่ร่างกายของคุณจะฟื้นตัว
ในระหว่างนี้ หากคุณมีเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้เกิดความเครียดที่รุนแรง เช่น มีการเจ็บป่วยร้ายแรง 
การมีไข้สูง อุบัติเหตุหรือการบาดเจ็บที่ต้องได้ขึ้นรถพยาบาลหรือต้องไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล 
สิ่งใดก็ตามที่เกี่ยวข้องกับโรงพยาบาลหรือห้องฉุกเฉิน คุณต้อง บอกแพทย์ว่าคุณอาจติดสเตียรอยด์"

“เหตุผลที่คุณต้องบอกพวกเขา เพื่อให้พวกเขาใส่ใจกับคุณมากขึ้นว่าหมออาจต้องรีบ
ให้สเตียรอยด์แก่คุณในปริมาณที่เหมาะสม เพราะคุณอาจจะช็อคได้ง่ายมาก จนอาจถึงแก่ชีวิตได้ 
ถ้าไม่ได้สเตียรอยด์ได้ทันตามที่ร่างกายต้องการ"

การกินเพรดนิโซโลนโดสสูงมากๆ สามารถทำให้ทุกคนรู้สึกดีขึ้นอยู่แล้ว ดีจนไม่ต้องกินยาแก้ซึมเศร้า 
ไม่มีอาการโรคแพนิค และอาการของโรคนอนไม่หลับ และทั้งหมดนี้ก็จะไม่มีผลข้างเคียง
เหมือนที่เจอกับยารักษาโรคซึมเศร้าด้วย ยกเว้นส่วนที่เป็นผลข้างเคียงที่จะตามมาในภายหลัง
เมื่อคุณพยายามหยุดยา ยิ่งไปกว่านั้นเพรดนิโซโลนสามารถทำลายการทำงานของต่อมหมวกไต
และทำให้คุณขาดสเตียรอยด์ไม่ได้ไปตลอดชีวิต 

เมื่อมีอะไรบางอย่างที่ดูดีเกินจริง มันก็มักมีสิ่งที่ไม่ดีตามมาในที่สุด

สมมุติว่าแพทย์ของคุณต้องสั่งจ่ายเพรดนิโซโลนโดสสูงให้คุณมันก็เพื่อให้ใช้ในระยะสั้น 
ไม่เช่นนั้นถ้าใช้ระยะยาวมันจะทำให้ตัวคุณพองตัวเหมือนลูกโป่ง แต่การที่มันทำให้คุณรู้สึกว่าหาย 
ก็เป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นว่าคุณต้องการการเสริมต่อมหมวกไตอย่างแน่นอน คุณอาจใช้ไฮโดรคอร์ติโซน 
แทนได้ ซึ่งไม่แรงเท่า ผู้คนใช้มันในระยะยาวในขนาดต่ำกว่า 20 มก. และได้ผลดี

ที่สำคัญคือการมุ่งเน้นไปที่การลดยาเพรดนิโซโลนและเปลี่ยนไปใช้ไฮโดรคอร์ติโซน 
จากนั้นจึงลดขนาดยาไฮโดรคอร์ติโซนลงจนกว่าคุณจะอยู่ที่ 20 มก. ต่อวัน คุณต้องการการเสริมต่อมหมวกไต
อย่างชัดเจน แต่ต้องใช้ยาเหล่านี้อย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้เลวร้ายไปกว่าตอนที่คุณเริ่ม
ในตอนจบของเรื่อง คุณอาจมีปัญหาเกี่ยวกับต่อมหมวกไตมากกว่าปัญหาการมีเซโรโทนินไม่เพียงพอ

ถ้าต้องการให้โรคนี้หายไป คุณต้องเข้ามาบนเส้นทางของการขับสารปรอทด้วยโดสต่ำตามระยะครึ่งชีวิต 
แล้วคุณจะไม่ต้องอยู่กับโรคนี้ตลอดไป การเป็นโรคแพนิคยังบ่งบอกให้เห็นว่าคุณต้องการการเสริม
ต่อมหมวกไตอย่างมากมาย แต่คุณต้องดูแลตัวเองด้วยวิธีบางอย่างที่จะไม่ไปปิดการทำงานของ
ต่อมหมวกไตและทำให้คุณอ่อนแอลง การใช้ไฮโดรคอร์ติโซนที่ต่ำกว่า 20 มก. ต่อวันพร้อมกับ
เสริมอะดรีนัลคอร์เท็กซ์จำนวนมากจะช่วยให้ได้ผล

เราได้ใส่หนังสือที่อธิบายเกี่ยวกับวิธีการรักษาทั้งหมดไว้ในแพทริออน 
https://www.patreon.com/GNOS128 ควรอ่านหนังสือและถ้ามีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้
ทางข้อความหลังไมค์ของแพทริออนค่ะ

กรุณาตอบด้วยความสุภาพด้วยนะครับ
สามารถเห็นขัดแย้งได้ เพราะนี่เป็นข้อมูลที่มาจากกลุ่มของนักเคมีที่หาทางรักษาโรคกันเองจนหาย
ไม่ใช่ข้อมูลอย่างเป็นทางการที่อยู่ในหลักสูตรทางการแพทย์ครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่