รถไฟฟ้า ประหยัดค่าใช้จ่ายกว่า รถสันดาปภายในจิงเหรอ

เทียบรถไฟฟ้ากับรถยนต์สันดาปภายใน ราคาที่พอๆกัน
1.ค่าไฟฟ้า ประหยัดกว่า เชื้อเพลิงฟอสซิล เท่าไร
2.เบี้ยประกันแต่ละปี รถไฟฟ้า สูงกว่าเท่าไร
3.ราคายางรถไฟฟ้า สูงกว่า เท่าไร
4.ค่าบำรุงรักษาแต่ละระยะ แน่นอน รถไฟฟ้าย่อมน้อยกว่า แต่น้อยกว่าเท่าไร
5.ค่าเสื่อมราคา หากรถยนต์สันดาปทั่วไป อายุ 5 ปี
    เหลือมูลค่าเท่าไร รถไฟฟ้าเหลือมูลค่าเท่าไร
6.ที่ว่ารถไฟฟ้าเป็นการอนุรักษ์พลังงาน แต่ไม่เคยเห็นข้อมูลในการผลิตแบตเตอรี่หรือยังว่า ใช้พลังงานเท่าไร หรืออาจจะสร้างมลพิษมากกว่ารถสันดาปภายในหรือไม่
7.การกำจัด แบตเตอรี่ รถไฟฟ้า กำจัดอย่างไร ไม่ให้เกิดมลพิษ
 ขอความเห็นที่สร้างสรร ด้วยครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
ตอบเป็นข้อๆ จากคำถามนะครับ

1. ค่าไฟฟ้า ประหยัดกว่า เชื้อเพลิงฟอสซิล เท่าไร
- จากข้อมูลที่ผมบันทึกไว้ จากการใช้งานมากว่า 1 ปีครึ่ง ระยะทางกว่า 50,000 กิโลเมตร ค่าชาร์จไฟรวมกันทั้งไฟบ้านและสถานี จะอยู่ที่ 0.6 บาทต่อกิโลเมตร (รวมกันทั้งหมดไม่แยก) ถ้ารวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด ซ่อมบำรุง ประกัน อื่นๆ ก็ 1.4 บาทต่อกิโลเมตร

2.เบี้ยประกันแต่ละปี
- ถ้าเป็นรถค่ายจีน ราคารถราวล้านต้นๆ ตอนนี้อยู่ที่ สองหมื่นต้นถึงปลาย แล้วแต่ทุนประกันครับ ส่วนปีที่ 3 นั้น ยังรอดูความเปลี่ยนแปลง แต่คาดเดาว่าอาจจะอยู่เท่าๆเดิมหรือลดลงนิดหน่อย แต่ทุนประกันน่าจะลดลงอยู่แล้วครับ

3.ราคายางรถไฟฟ้า
- ไม่จำเป็นต้องใส่ยางเฉพาะครับ เอาตามกำลังจ่ายและขนาดล้อเลยและพฤติกรรมการใช้รถแต่ละคนเลย ผมไม่ซิ่ง ขับตามกำหนดกฏหมาย ก็ ใช้ยางตามท้องตลาดเลยครับ

4.ค่าบำรุงรักษาแต่ละระยะ
- รถใหม่ป้ายแดงก็แล้วแต่โปรของแต่ละค่ายรถครับ ของผมฟรีค่าแรง ฟรีอะไหล่ แต่ตามกำหนดในแต่ระยะ ก็ไม่มีอะไรใส่เปลี่ยนมากมาย หลักๆ ก็ กรองอากาศแอร์ห้องโดยสารตามระยะ ของเหลวมีแค่ น้ำยาหล่อเย็นถ้าพร่องก็เติมถ้าปกติก็ไม่ต้องทำอะไร เบรคนั้นอีกนาน ตั้งศูนย์ถ่วงล้อก็เหมือนรถน้ำมันครับ ในระยะห้าหมื่นนี้มีจ่ายไป 250 บาท ค่าตั้งศูนย์ครับ

5.ค่าเสื่อมราคา
- ยังไม่มีใครตอบได้ ส่วนใหญ่คือเดาเอาเอง รถไฟฟ้า บ้านเราจริงๆ เพิ่งเกิดได้ไม่ถึงสองปี (ไม่รวมก่อนหน้านั้นเพราะมันน้อยมาก) เพราะฉะนั้นมันเปนเรื่องของอีก 3 ถึง  5 ปี ข้างหน้าครับ คนซื้อต้องยอมรับความเสี่ยงตรงนี้

6.ที่ว่ารถไฟฟ้าเป็นการอนุรักษ์พลังงาน
- เรื่องนี้ฟังหูไว้หูครับ เพราะถ้าอยากจะอนุรักษ์โลกจริงก็หยุดใช้พลังงานเหมือนช่วงโควิดครับ ภาวะโลกร้อนมันผ่านจุดที่จะย้อนกลับไปปกติยากแล้ว แต่ลองคิดง่ายๆ ถ้า กทม ไม่มีรถปล่อยไอเสียเลยมันจะดีแค่ไหน รถติดไม่มีควัน ไม่มีไอร้อนจากเครื่องยนต์ แค่นี้ กทม ก็น่าอยู่มากๆ แล้วครับ ดูอย่าง จีน เซินเจิ้น ในเมืองมีแต่ รถไฟฟ้า อากาศเริ่มดีมากๆ แล้วครับ

7.การกำจัด แบตเตอรี่ รถไฟฟ้า
- การกำจัดแบตเตอรี่ในเชิงอุตสาหกรรม ยังไม่เกิดครับเพราะจำนวนแบตเตอรี่ที่ต้องกำจัดยังมีน้อยเกินไป (อาจจะต้องรออีก 8 ถึง 10 ปี) ยังไม่คุ้มที่จะลงทุน ปัจจุบันหลักๆ มีแค่ แยกเอา แบตเตอรี่ นำกลับมาใช้งานต่อเพราะส่วนใหญ่มันเกิดจากอุบัติเหตุ ยังไม่ได้พังเพราะเสื่อมตามอายุ แยกออกมาก็นำ แบตเตอรี่ ไปใช้งานต่อไปครับ เป็น แบตเตอรี่บ้านที่ติดโซล่าเซลส์บ้าง เป็นแบตเตอรี่ใช้งานในรถบ้าน บ้างครับ เพราะ แยกแบตออกมาเป็นโมดูลๆ แล้ว มันจัดการง่ายกว่าไม่ต้องมีระบบระบายความร้อนให้วุ่ยวายเหมือนในรถไฟฟ้าครับ

รถไฟฟ้าในวันนี้ ยังเป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่โตเร็วมาก อนาคตมันก็จะเป็นรถที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์แน่นอน แต่ที่มาของไฟฟ้า อาจจะเป็น แบตเตอรี่ หรือ เป็นไฮโดรเจนเซลส์ หรืออะไรก็ได้ที่เก็บพลังงานไฟฟ้าได้ในปริมาณเยอะๆ เพียงพอต่อการใช้งาน เทคโนโลยีมันพัฒนาเร็วโอกาสถูกแทนที่ได้เสมอครับ แต่แน่ๆ ด้วยเงื่อนไขภาวะโลกร้อน รถน้ำมัน ยังไงซะ มันจะถูกผลักดันให้หยุดใช้งาน หรือ ใช้งานยากขึ้นในบางพื้นที่ ครับ

แปะเพิ่ม ถ้าสนใจจริงๆ ศึกษาใน Sheet ได้

https://docs.google.com/spreadsheets/d/1cEc_ZOfen2JE4oneetLmCDF6dSRmYkiEfiiLRaeA-dg/edit?usp=sharing

ถ้าอยากรู้จริงว่าค่าใช้จ่ายเป็นยังไงบ้าง ลองเข้าไปดูใน Google Sheet ผมได้แชร์ไว้ตามลิ้งค์ แต่มันก็เป็นข้อมูลของผมคนเดียว ผู้ใช้รถไฟฟ้าแต่ละคนก็อาจจะต่างกันไป ครับ
ความคิดเห็นที่ 21
มันก็เหมือนเรื่อง
เกียร์ธรรมดา > เกียร์ออโต้
พวงมาลัยพาวเวอร์ > พวงมาลัยไฟฟ้า
เครื่อง NA > เครื่องเทอร์โบ
ทุกวันนี้เป็นไงล่ะ

จ้องแต่จะจับผิดหาข้อด้อย ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง พวกที่ด่ารถไฟฟ้าไว้อีกซัก 4-5 ปี ให้นึกถึงตัวเองในตอนนี้ด้วยนะ แล้วจะตลกตัวเองว่าตอนนั้นเป็นบ้าอะไรวะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่