‘รองอ๋อง’ แจงเหตุยังเซ็นรับ ‘อาคารสภาฯ’ ไม่ได้ ติดมาตรการเว้นค่าปรับจาก 2 รัฐบาล
‘รองอ๋อง’ แจงเหตุยังเซ็นรับมอบสภาฯต้องสมบูรณ์ 100% จึงจะส่งมอบได้
นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฏรคนที่ 1 แถลงความคืบหน้าในการตรวจรับอาคารรัฐสภา ว่า ก่อนอื่นตนไม่ใช่คนมีอำนาจโดยตรง หรืออำนาจเซ็นรับ เนื่องจากผู้จ้างกับผู้ว่าจ้างคือสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรกับทางบริษัทที่รับจ้างโดยตรง
ทั้งนี้ ตนได้รับข้อมูลจากคณะกรรมการตรวจการจ้างว่ามีการประชุมหารือเพื่อการรับมอบงานจากผู้รับจ้างและขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการพิจารณา
ดังนั้น ระยะเวลารวมที่ก่อสร้างล่าช้าคือ 990 วัน โดยค่าปรับตามสัญญากำหนดให้คำนวณค่าปรับเป็นรายวัน วันละ 0.1% จากราคาตามมูลค่าของสัญญา หรือวันละ 12,280 ล้านบาท
ประการที่หนึ่ง ผู้รับจ้างได้ขอใช้สิทธิ์ในตามมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่หน่วยงานรัฐได้ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการ โดยให้คิดค่าปรับเป็นศูนย์ เป็นเวลา 827 วัน
ทั้งนี้ จากการที่คณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐกรมบัญชีกลาง โดยคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา (กวพ.รส.)
ซึ่งได้นำมาปรับใช้กับสัญญาก่อสร้าง ซึ่งมีการขยายเพิ่มเติมสัญญาครั้งที่ 15 ให้เป็นไปตามแนวทางของรัฐบาลในสมัยนั้น โดยมีการงดหรือลดค่าปรับเต็มจำนวนถึง 10,155,560,000 บาท
ทำให้เราไม่สามารถคิดค่าปรับขั้นต่ำกับทางผู้รับจ้างได้
ประการที่สอง คือ จากกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้นำมาตรการช่วยเหลือกรณีค่าแรง 300 บาท ตามมาตรการการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ในลดค่าปรับให้แก่ผู้รับจ้างเป็นเวลา 150 วัน
ซึ่งหากมีการแก้ไขสัญญาการก่อสร้างจริง จะถือเป็นการงดเว้นค่าปรับให้ผู้รับจ้างอีก 1,842 ล้านบาท โดยทั้งสองกรณีที่กล่าวมาข้างต้น
ผู้รับจ้างจะได้รับการยกเว้นค่าปรับรวมทั้งหมด 11,997,560,000 บาท ที่ทำให้เราไม่สามารถคิดค่าปรับได้
นอกจากนี้ ยังมีค่าใช้จ่ายในการควบคุมงาน และที่ปรึกษาบริหารโครงการ วันละ 332,140 บาท เป็นเวลา 990 วัน นับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 64 ถึง 18 ก.ย. 66 รวมเป็นยอดสุทธิ 328,818,600 บาท
เนื่องจากผู้รับจ้างทำงานไม่แล้วเสร็จภายในเวลากำหนด ทำให้ผู้รับจ้างจะต้องจ่ายเงินดังกล่าวให้แก่ผู้ควบคุมงาน และที่ปรึกษาบริหารโครงการ
ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดภายใต้การนำของเลขาธิการสภาฯ คนเดิม
เราจึงยังไม่สามารถตรวจรับงาน และยังไม่มีการเซ็นรับอาคารรัฐสภาแห่งนี้ ซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องดำเนินการต่อในส่วนของรักษาการเลขาธิการสภาฯ ว่าจะมีจัดการเรื่องนี้อย่างไร
ล่าสุด รองฯ อ๋อง ไม่เซ็นรับมอบสภาฯ เพราะติดการเว้นค่าปรับจากรัฐบาล จะเซ็นรับมอบสภาฯ ได้ต้องเสร็จสมบูรณ์ 100% เท่านั้น
‘รองอ๋อง’ แจงเหตุยังเซ็นรับมอบสภาฯต้องสมบูรณ์ 100% จึงจะส่งมอบได้
นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฏรคนที่ 1 แถลงความคืบหน้าในการตรวจรับอาคารรัฐสภา ว่า ก่อนอื่นตนไม่ใช่คนมีอำนาจโดยตรง หรืออำนาจเซ็นรับ เนื่องจากผู้จ้างกับผู้ว่าจ้างคือสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรกับทางบริษัทที่รับจ้างโดยตรง
ทั้งนี้ ตนได้รับข้อมูลจากคณะกรรมการตรวจการจ้างว่ามีการประชุมหารือเพื่อการรับมอบงานจากผู้รับจ้างและขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการพิจารณา
ดังนั้น ระยะเวลารวมที่ก่อสร้างล่าช้าคือ 990 วัน โดยค่าปรับตามสัญญากำหนดให้คำนวณค่าปรับเป็นรายวัน วันละ 0.1% จากราคาตามมูลค่าของสัญญา หรือวันละ 12,280 ล้านบาท
ประการที่หนึ่ง ผู้รับจ้างได้ขอใช้สิทธิ์ในตามมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่หน่วยงานรัฐได้ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการ โดยให้คิดค่าปรับเป็นศูนย์ เป็นเวลา 827 วัน
ทั้งนี้ จากการที่คณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐกรมบัญชีกลาง โดยคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา (กวพ.รส.)
ซึ่งได้นำมาปรับใช้กับสัญญาก่อสร้าง ซึ่งมีการขยายเพิ่มเติมสัญญาครั้งที่ 15 ให้เป็นไปตามแนวทางของรัฐบาลในสมัยนั้น โดยมีการงดหรือลดค่าปรับเต็มจำนวนถึง 10,155,560,000 บาท
ทำให้เราไม่สามารถคิดค่าปรับขั้นต่ำกับทางผู้รับจ้างได้
ประการที่สอง คือ จากกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้นำมาตรการช่วยเหลือกรณีค่าแรง 300 บาท ตามมาตรการการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ในลดค่าปรับให้แก่ผู้รับจ้างเป็นเวลา 150 วัน
ซึ่งหากมีการแก้ไขสัญญาการก่อสร้างจริง จะถือเป็นการงดเว้นค่าปรับให้ผู้รับจ้างอีก 1,842 ล้านบาท โดยทั้งสองกรณีที่กล่าวมาข้างต้น
ผู้รับจ้างจะได้รับการยกเว้นค่าปรับรวมทั้งหมด 11,997,560,000 บาท ที่ทำให้เราไม่สามารถคิดค่าปรับได้
นอกจากนี้ ยังมีค่าใช้จ่ายในการควบคุมงาน และที่ปรึกษาบริหารโครงการ วันละ 332,140 บาท เป็นเวลา 990 วัน นับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 64 ถึง 18 ก.ย. 66 รวมเป็นยอดสุทธิ 328,818,600 บาท
เนื่องจากผู้รับจ้างทำงานไม่แล้วเสร็จภายในเวลากำหนด ทำให้ผู้รับจ้างจะต้องจ่ายเงินดังกล่าวให้แก่ผู้ควบคุมงาน และที่ปรึกษาบริหารโครงการ
ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดภายใต้การนำของเลขาธิการสภาฯ คนเดิม
เราจึงยังไม่สามารถตรวจรับงาน และยังไม่มีการเซ็นรับอาคารรัฐสภาแห่งนี้ ซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องดำเนินการต่อในส่วนของรักษาการเลขาธิการสภาฯ ว่าจะมีจัดการเรื่องนี้อย่างไร