ที่มาของคำว่า อย่าทำงานหนัก เพื่อนำเงินมารักษาตัวเอง

เชื่อว่าทุกคนคงได้ยินประโยคนี้อยู่บ่อยๆครับ เพื่อเตือนสติตัวเองว่าอย่าทำงานหักโหมจนเกินไป เพราะบางทีเงินที่ได้จากการทำงานมาได้เยอะก็จริงอยู่ แต่กลับต้องมาเสียให้กับค่ารักษาตัวเองซะหมดครับ สรุปคือเสียทั้งร่างกายและเงินทอง 

มาเข้าเรื่องครับ พอดีสองวันที่แล้วมีเพื่อนที่ทำงานด้วยกันป่วยกระทันหัน เส้นเลือดฝอยในสมองแตกและเป็นอัมพาตครึ่งซีกครับ แขนขาด้านขวาไม่สามารถขยับได้เลย ส่วนปากมีเบี้ยวนิดๆ ตามีตกนิดหน่อย สาเหตุครั้งนี้น่าจะเกิดจากการทำงานหนัก พักผ่อนน้อย ดื่มกาแฟจัด ความเครียด หลังจากนี้ต้องลุ้นต่อไปว่าจะกลับมาดีขึ้นไหม เพราะดูจากอาการแล้วแย่มากครับ 

ส่วนค่าใช้จ่ายใช้สิทธิ์ประกันชีวิตครับ แต่หลังจากกลับไปพักฟื้นที่บ้านนี่คงลำบากมากครับ เพราะเป็นเสาหลักของครอบครัว ลูกเมียต้องดิ้นรนกันต่อไป

วันนี้ที่มาตั้งกระทู้มีจุดประสงค์เดียวคือ อยากให้ทุกท่านหมั่นดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดี อย่าทำงานจนเกินตัว ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รักษาbmiให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน คิดจะดื่มจะทานอะไรให้อยู่ในความพอดีครับ 

ขอให้ทุกท่านมีความสุขทั้งจิตใจและร่างกาย สนุกกับการใช้ชีวิตครับผม 

ปล.เพื่อนที่ป่วยอายุ40+ครับ ตอนนี้ความดัน160/107
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
ก่อนอื่นของแสดงความเสียใจกับ เพื่อน จขกท นะครับ
กรณีต่างๆเหล่านี้  ผมเองพออายุมาก  ก็เจอจากกลุ่มเพื่อนๆ บ่อยขึ้น ถี่ขึ้น มาก นะครับ

เป็นผลจากการใช้ชีวิต กิน อยู่ นอน ทำงาน  ที่เอื้อต่อการเกิดปัญหาได้ครับ




ผมใช้คำว่า อย่าทำงานหนักเกินเพื่อครอบครัว  จนลืมดูแลตัวเอง นะครับ

วันที่เพื่อนผมมีปัญหาเส้นเลือดที่สมอง  จนต้องเข้ารับการทำกายภาพ

ต่อมา ก็รู้ว่า ครอบครัวเพื่อน ไม่ได้อยู่เคียงข้างเพื่อนนะครับ
คงมีแต่พี่น้องเพื่อน ที่ดูแลเพื่อน

เห็นแล้วอึ้ง ครับ
....ลึกๆเราอาจจะไม่รู้ปัญหาข้างใน  ก็ครอบครัวใครครอบครัวนั้นนะครับ
แต่ภายนอกเราก็เห็นแบบนั้นหล่ะครับ

ดังนั้น  
....ใครที่กำลังทำงานหนักเกินร่างกายจะทนทานได้อย่างต่อเนื่องและยาวนาน
เมื่อร่างกายส่งสัญญาน ออกมาว่าไม่ไหวแล้ว พักบ้างเถอะ
ก็ขอให้ฟังสัญญานของร่างกายนะครับ

วันที่คุณไม่มี....
วันนั้นคุณอาจจะตกตะลึง กับก้นลึกในหัวใจของคนใกล้ชิดข้างๆตัว ก็ได้ครับ

เมื่อมันมาอยู่ใกล้ๆเรา  มันน่ากลัวกว่าที่คิดมากนะครับ
ความคิดเห็นที่ 16
คนไม่ทำงาน นั่ง ๆ นอน ๆ ก็เกิด stroke เยอะแยะไป
เอาจริง ๆ งานไม่ใช่ประเด็นหลัก และยังไงคนเราก็เลี่ยงทำงานไม่ได้
ประเด็น คือ ต้องดูแลร่างกาย

แต่ก็มีอีกแหละ
คนที่ดูแลตัวเองอย่างดี ออกกำลังกาย ระวังอาหาร ก็ยังเป็นโรคพวกนี้

มีอาจารย์แพทย์คนนึง ออกกำลังกายวันละ 1-1.5 ชั่วโมง ทั้ง cardio และ weight training
ทำสม่ำเสมอตั้งแต่ยังไม่ 30 ตั้งแต่คนทั่วไปยังไม่ค่อยวิ่ง/เข้าฟิตเนสกันเลย หุ่นก็ลีนมาก ๆ
อยู่มาวันนึงเป็น stroke แต่โชคดีว่าแกสังเกตอาการแขนอ่อนแรงได้เร็ว รีบเข้ารพ. เลยไม่พิการถาวร

อีกคนนึง เล่นเทนนิสแทบทุกวัน บางทีก็สลับไปวิ่ง ตัวก็ผอม ๆ ไขมันสูงเล็กน้อย (ตรวจประจำ แต่เพิ่งเจอ)
อยู่มาวันนึงไปวิ่งแล้วหมดสติไปเลย โชคดีมาก ๆ มีบุคลากรการแพทย์ฉุกเฉินวิ่งอยู่ใกล้ ๆ (ไม่รู้จักกัน)
เข้ามา CPR แล้วส่งรพ. เลยรอด ไปสวนหัวใจ ปรากฏว่าเส้นเลือดหัวใจตีบ

สรุปว่า ต้องอย่าอยู่บนความประมาท ให้คิดเสมอว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้
คือ ไม่ใช่ไม่ดูแลตัวเอง -- เพราะการออกกำลังกาย กินอาหารระวัง มันก็ปลอดภัยกว่าอยู่แล้ว
แต่ไม่ใช่ป้องกันได้ทั้งหมด หรือวางใจว่าทำแบบนี้แล้วจะไม่เกิดปัญหาสุขภาพ
ความคิดเห็นที่ 7
คนใกล้ตัวผม ในช่วง2ปีมานี้ ก็เส้นเลือดสมองแตกไป3คน ตายไป2(เพื่อนรุ่นเดียวกัน1 อีกคนรุ่นพี่) ฟื้นกลับมาได้1 แต่ก็ไม่เต็มร้อยนัก ถือว่าโชคดีมากคนนี้(เจ้านายผมเอง)
จำตัวเลขไม่ได้แล้ว ว่าทุกๆ1นาที หรือ 1ชม. มีคนเส้นเลือดสมองแตกเท่าไร แต่มีอัตราการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็ไม่แปลกใจ ก็ดูในยุคที่ต้องดิ้นรน ทำงานหาเงิน สะสมความเครียด หลายๆคน ไม่ค่อยขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวร่างกาย แล้วก็มาบอกไม่มีเวลา พวกใช้แรงงานหลายคน ถึงใช้แรง แต่ก็มักกินของห่วยๆแย่ๆ ดื่มเหล้าเบียร์หนัก สูบบหรี่จัด อาหารการกินยุคสมัยนี้ ก็เต็มไปด้วยอาหารแปรรูปผ่านกรรมวิธี สารพิษ สารเคมีปะปนมามากมายกินโดยไม่รู้ตัว ข้าว แป้ง น้ำตาลแปรรูป กินอย่างเอร็ดอร่อย และยังกินบ่อย กินจุบกินจิบ กินมากกว่า3มื้อ กินขั้นระหว่างมื้อ เช้า สาย เที่ยง บ่าย เย็น ดึก อากาศก็เต็มไปด้วยฝุ่นควันพิษ หมดฝนเมื่อไร ก็รับไปเต็มๆ ต้องมาหาเครื่องฟอกฯ ใครมีก็ดีไป ใครไม่มีก็สูดฯไป หรือแม้กระทั้งในอากาศก็เต็มไปด้วยสัญญาณอะไรมั่วตั่วไปหมด ทั้งสัญญาณมือถือ ไวฟาย ฯลฯ พวกนี้อาจส่งผลต่อเราโดยอาจไม่รู้ตัวกันหรอก ที่สำคัญอีกอันที่หลายๆคนมองข้ามอย่างมากก็คือ แสงแดด UVB ซึ่งสำคัญอย่างมากต่อการสร้างวิตามินดี หรือแม้กระทั้งการ Grounding การเอาเท้าเปล่าสัมผัสต่อพื้นดินของโลก ซึ่งเป็นแลกเปลี่ยนประจุไฟฟ้าจากธรรมชาติต่อสถานะของเหลวในร่างกายมนุษย์เรา เชื่อไหมที่เส้นสมองแตกหรือหัวใจวายเฉียบพลันกันมากขึ้นๆ มันมีความสัมพันธ์กับแสงแดดและกราวน์ดิ้งด้วย โดยที่หลายๆคนไม่รู้ตัวรู้เรื่องกันเลย...แค่อยากแสดงความคิดเห็นด้วยครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่