เรื่องนี้ค่อนข้างยาวแต่จะพยายามกระชับให้สั้นที่สุดนะคะ เรื่องมีอยู่ว่าประมาณปี 62 เรากำลังจะเรียนจบ ปวช.3 ตอนนั้นเรามีแฟนและมีงานแต่ง เราทราบดีว่างานนี้ไม่สมควรนักเพราะอายุเรายังน้อยมากแต่ที่ต้องทำเพราะตามธรรมเนียมเพื่อให้ถูกต้อง (เราไม่เคยท้องนะคะกลัวโดนดราม่า)วันทำของป้าแท้ๆของเราเดินทางมาจากต่างจังหวัดแล้วก็เอาอัลบั้ม set งานถ่ายรูปอัลบั้มใหญ่มากของลูกเขาซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่สาวเรา(พึ่งแต่งก่อนหน้าเราไม่นาน)ลงจากรถได้แกก็เอามายัดไส่ตักเราเลย ซึ่งณตอนนั้นเรากำลังกินข้าวอยู่เราก็ไม่รู้ว่าเขาทำแบบนั้นไปทำไมทั้งที่ตรงนั้นมีผู้ใหญ่รุ่นยายชวด รุ่นยายนั่งอยู่เต็มไปหมดทุกคนก็มองกันตาเดียว เขาถามเราว่า"สวยไหมพี่สวยไหม"เราก็แอบแปลกใจว่าทำไมเขาถึงทำพฤติกรรมแบบนี้ทั้งที่เป็นงานแต่งของเราแต่เอาอัลบั้มงานแต่งของคนอื่นมาให้เราดูบังคับให้เราดูเสร็จก็เอาไปยัดให้ยายๆดู ยายๆก็ดูเป็นมารยาท เราก็ไม่ได้ติดใจอะไรแต่ก็แอบเอะใจว่าเออมันแปลกๆ วันนั้นทั้งวันป้าพยายามใช้เราหลายๆเรื่องเรากับเพื่อนผู้หญิงอีก 1 คนกำลังทำ backdrop อยู่ในบ้านซึ่งไม่มีใครทำงานในส่วนนี้ป้าก็พยายามเปิดประตูเข้ามาแล้วก็เรียกเราอยู่บ่อยครั้งเรียกจนโมโหซึ่งเราไม่เข้าใจว่าเขาจะใช้เราไปทำอะไรงานที่เขาจะให้ทำคือยกโต๊ะ(ล้าน)หรือจะไรที่มันหนักๆซึ่งเราก็พยายามบอกว่าเราตัดโฟมอยู่ตรงนี้ไม่มีใครทำซึ่งเป็นฉากหลังพิธีผูกข้อมือแต่เขาก็ไม่สนใจเขาคิดว่ามันไม่สำคัญแล้วก็บอกให้เราไปช่วยนู่นช่วยนี่บางอย่างเราก็ออกไปแต่เราจะเลือกงานที่เราออกไปแล้วใช้เวลาไม่นานเพื่อที่จะกลับมาช่วยเพื่อนทำต่อยายเราเองเห็นทุกอย่างพยายามเข้ามาปลอบเราเพราะเห็นท่าว่าไม่ดีแล้วเห็นเราร้องไห้เลยเข้ามาปลอบแล้วบอกว่า"งานมงคลแบบนี้เราไม่ควรร้องไห้นะลูก"ให้เราเก็บอารมณ์ไว้อย่าร้องอย่าเสียใจอย่ามีน้ำตาเราก็พยายามเก็บทุกอย่างไว้เพื่อที่จะให้งานผ่านไปด้วยดี จนวันนั้นผ่านไปจนถึงช่วงเย็นเราเป็นเจ้าสาวก็เลยรีบเข้านอนก่อนประมาณ 22:00 น เขานั่งกินเหล้ากันอยู่หน้าบ้าน บ้านเราเป็นบ้านโปร่งเสียงจะทะลุถึงกันหมด เราได้ยินด้านนอกคุยกันยายเราก็เริ่ม(ขออนุญาตสงวนชื่อเป็นนามสมมุติทั้งหมดนะคะ)"เอ จะไปข่มหลานอะไรนักหนา จะไปว่าอะไรมันนักหนากูเห็นวันนี้ใช้มันทั้งวันเลยมันไปทำอะไรให้อย่าไปยุ่งกับมันเลย" หลังจากนั้นเขาก็เถียงกันยาวมากเราเริ่มจับศัพ์ไม่ได้แล้วคิดว่าถ้าเรายังนอนเงียบอยู่ก็คงจะเลิกทะเลาะกันไปเองกลายเป็นว่าจังหวะนึงเราได้ยินเสียงดังตุ๊บ!!! ดังมากเราตกใจก็เลยรีบเปิดประตูออกไปดูเราเห็นยายเรานั่งท่าเหยียดขานึกสภาพตัว L ค่ะแต่เขาร่วงลงมาจากร้านใหญ่ข้างบนที่นั่งคุยกันมือก็กำหมีดทุบพื้นแรงๆร้องไห้แล้วพูดว่า "อย่าทำหลานกู อย่าทำหลานกู"ตอนแรกเราก็รีบเข้าไปช้อนตัวยายตอนนั้นยายเราก็อายุประมาณ 80 แล้วเราไม่ได้พูดอะไรออกไปแล้วก็ไปช้อนตัวยายแต่เสียงก็ดังมาจากด้านหลังคือเสียงป้าของเราพูดว่า"นั่นไงหลานสุดที่รักมันตามมาประจบแล้ว"เราที่นอนฟังตั้งแต่เขาทะเลาะกันมาสักพักบวกกับเก็บกดทั้งวันที่เราโดนโจมตีด้วยโมโหมากตอนนั้นเพราะไม่คิดว่าเขาจะทำให้ยายเป็นแบบนี้เพราะยายคือแม่ของเขาแต่เขากลับไม่ช่วยทั้งๆที่แม่ลงมากระแทกข้างล่างแล้วก็เหมือนสติแกหลุดไปแล้วว่าอย่าทำหลานกูอย่าทำหลานกูเขาก็เอาแต่พูดใส่ยายต่างๆนานาเราก็เลยหันโวยกลับไปแล้วก็ชี้หน้าบอกว่า"หยุดดิไอ้sad " (เราไม่เคยพูด กูกรือคำหยาบกับผู้ใหญ่มาก่อน)เท่านั้นแหละเราที่ไม่ทันตั้งตัวป้าก็ปรี่เข้ามาพร้อมกับแฟนป้าและพ่อแท้ๆของเรา เราที่ยกตัวย้ายขึ้นได้แล้วกลัวจะเป็นอะไรก็เลยพยายามพายายเดินต่อไปด้านหน้าแต่บ้านเราดันเป็นทางเดินทางเดียวเป็นทางแคบมันเลยนำไปสู่ทางเข้าห้องน้ำเราหันหัวกลับไม่ได้เลยเหมือนเดินเข้าห้องน้ำไปทางตันเลยป้าก็เดินตามเข้าไปแฟนป้ากับพ่อเหมือนจะห้ามมั้งหรือไม่ห้ามเราก็ดูไม่ออกเพราะพ่อเขาก็คงโกรธเราแน่ๆแหละ และพอป้ามาถึงตัวเราเขาก็ทำร้ายร่างกายเราทั้งบีบปากทางหยิกทั้งตบทั้งจิกหัว แต่เราไม่สู้เพราะเราอุ้มยายอยู่ ยายตอนนั้นคือทิ้งขาแล้วเราก็เหมือนโดนดันเข้าไปสุดตัวห้องน้ำอีกเขาก็ดึงยายออกไปจากเราแล้วก็ทำร้ายยาย เขาทุบหลังยาย ยายก็ร้องบอกว่า"กูเจ็บ กูเจ็บ"ตัวป้าเองเขาทำไปเขาก็ร้องไห้ไปคงโกรธด้วยเสียใจด้วยแต่คงยั้งตัวเองไม่ทันเราเลยตะโกนบอกแฟนป้าว่าให้รีบมาเอาออกไป ในระหว่างนั้นเราหันไปเห็นพ่อยืนอยู่หน้าประตูห้องน้ำเขาก็ทำท่าจะเอาเรื่องเราเหมือนกันแต่ไม่เข้ามาจนเราพายายกลับมาในบ้านเราล็อคประตูทุกบานแล้วให้เขาอยู่ข้างนอกกันซึ่งปกติคนมาจากต่างจังหวัดจะได้นอนข้างนอกอยู่แล้วไม่ได้ปิดกั้นหรืออะไร เราได้ยินเขาคุยกันสารพัดอย่างป้าก็พูดถึงเรื่องที่ยายไม่รักเขาเลยตั้งแต่เล็กจนโตรักแต่แม่ของเราซึ่งเป็นน้องเล็กสุดท้อง(แม่เราเสียแล้ว)เราก็เอะใจและงงตอนนั้นเราคงยังคงเป็นวุ้นอยู่เลยไม่เกี่ยวอะไรกับเราเลย ส่วนพ่อเราได้ยินคำนึงเราจำจนถึงทุกวันนี้มันฝังใจเรามากเป็นคำพูดที่เปลี่ยนพ่อเราไปเลยเรามองพ่อเราแบบเดิมไม่ได้อีกพ่อพูดว่า"คอยดูคืนนี้กูจะไปกระทืบในครัว"เหตุผลนั่นแหละทำให้เราไม่กล้าเปิดประตูออกไปเลยทั้งคืนเช้าวันรุ่งขึ้นตาเราบวมเปล่งมากเพื่อนก็พยายามแต่งหน้าเสร็จให้ดีที่สุดแต่ตาเราบวมมากงานก็ผ่านไปแต่ป้าไม่เข้าร่วมพิธีจนงานกำลังจะจบเขาก็เริ่มเก็บถ้วยจานล้างจานคืนกันเราผูกข้อมือยังไม่ทันเดินไปรับแขกคนในครัวที่เป็นญาติๆของเราก็เรียกเราเข้าไปช่วยล้างจานสารพัดบอกว่าเนี่ยคือหน้าที่ของเจ้าสาวเราก็ไม่เคยมีงานก็คิดว่าคงปกติแหละหน้าเราก็ยังไม่ได้เช็ดเราก็เลยไปล้างจานพอจบงานยายที่สนิทกับเราคนนึงจะเรียกว่ามีวุฒิภาวะที่สุดในบรรดาญาติผู้ใหญ่แล้วมั้งเขาบอกว่าประมาณเช้ามืด 5:00 น ป้าคนนี้ไปเล่าให้ทุกคนฟังและทุกบ้านเลยมั้ง(ญาติเราปลูกบ้านติดๆกันแต่ครอบครัวละหลัง)เล่าว่ายายอ่ะรักเรามากกว่าเขาใส่ร้ายเราต่างๆนานาบอกว่าเราอ่ะขี้เกียจไม่มาช่วยงานทำให้คนที่ฟังเกลียดเราคือต้องบอกก่อนว่าพื้นฐานเราเป็นคนปากไวด้วยเราพูดเสแสร้งไม่เป็นถ้าไม่ดีกับเราก็คือว่าเลย ฐานเป็นคนโดนเข้าใจผิดบ่อยๆอยู่แล้วชอบโดนเอาไปนินทาเสียหายๆเลยติดนิสัยไม่ยอมคน ทำให้เขาเองก็เอาไปใส่ร้ายได้ง่ายกว่าเดิมเขากลายเป็นลูกกวางตัวน้อยๆที่โดนเราทำร้ายแทนในหนังเรื่องนี้ งงไหม หลายวันต่อมางานทุกอย่างจบเราสังเกตเห็นว่าแขนยายเรามีรอยช้ำหนักม่วงอยู่จุดนึงเราถามว่ายายโดนอะไรมายายเล่าให้ฟังว่าเช้าวันแต่งงานป้ามาหายายแล้วก็บีบแขนยายบีบแรงมากๆยายก็บอกว่า"อีเอกูเจ็บ"เขาก็ไม่ปล่อยแล้วก็บอกยายว่า"แม่อย่าลืมฉันนะ แม่ห้ามลืมฉันนะ"แล้วเขาก็กลับไป เขาทำร้ายเราที่ก่อนหน้ารักกันนักหนา เขาทำร้ายยายที่เป็นแม่เขาเอง เขาใส่สีเทสีบอกคนอื่นว่าเราไม่ดีบอกคนอื่นว่ายายรักเราไม่รักเขา เราคิดว่าเรื่องนี้คงจะจบแล้วต่อมาไม่นานเขาก็มาจากต่างจังหวัดอีกปกติมาก็จะบอกแต่พอทะเลาะกันเขาอยากมาเขาก็มา มาทุกครั้งเราก็เห็นเกี่ยวกับเรื่องที่ทางอย่างเช่นตอนนั้นเขาลงมาไม่มีใครรู้เลยมาบอกให้ยายแบ่งที่ซึ่งที่พื้นนั้นเป็นที่แปลงที่ยายต้องให้เราเพราะแม่เราเสียให้เรารับต่อแต่เราเองก็ยังเด็กตอนนั้นก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องมีที่ซุกหัวนอนอะไรเพราะคิดว่ามีแล้วก็มีปัญหาเลยบอกปล่อยๆกับยายไปว่าให้เขาไปเถอะถ้าเขาอยากได้ขนาดนั้นหนูไม่รู้จะเอามาทำอะไรได้มาหนูก็ต้องมาทะเลาะกับเขาหนูเหนื่อยยายก็เงียบเขาคิดถึงอนาคตเราแล้วว่าเราจะมีปัญหาถ้าเกิดเราไม่มีที่ทำกินเลยสุดท้ายก็โดนแบ่งไปอยู่ดีจากที่จะได้เต็มจำนวนก็โดนหักออกไปซึ่งเรื่องนี้จริงๆเราก็ไม่ได้ซีเรียสแต่เราก็ยังงงอยู่ว่าเขาทำทำไมเรื่องทั้งหมดก็มีประมาณนี้จนมาถึงทุกวันนี้ญาติบางคนก็หันมาคุยกับเราฟังเรื่องที่เกิดขึ้นบ้างบางคนก็ไม่ฟังเลยเกลียดเราเงาก็ไม่มองซึ่งเราก็ได้แค่คิดว่าก็ในเมื่อเขามีทัศนคติแบบนี้เขาฟังความข้างเดียวเขาแยกแยะไม่ได้วุฒิภาวะเขามีแค่นี้เราก็ไปห้ามเขาไม่ได้ไปยัดเยียดเรื่องของเราให้เขาฟังไม่ได้ ต่อให้เราพูดไปความที่เราเป็นเด็กกว่าเขาก็ไม่ฟังเราอยู่ดีตั้งแต่เรื่องครั้งนั้นเกิดขึ้นเรานอนร้องไห้ทุกคืนภาวนาบอกแม่ที่เสียไปของเราอยู่ตลอด "แม่มารับหนูได้ไหมหนูไม่อยากอยู่แล้วหนูอยู่ไม่ไหวแล้วทำไมทุกคนถึงทำกับหนูแบบนี้ "ทุกคนคงพอเดาออกแล้วใช่มั้ยคะ ใช่ค่ะตอนนั้นเราแย่มากเราไปหาจิตแพทย์ผลออกมาว่าเราเป็นโรคซึมเศร้าเรื่องนั้นยังคงจุกอยู่ในอกเป็นปมที่ติดใจเราจนถึงทุกวันนี้ เราเสียหลายคนในชีวิตไปหนึ่งในนั้นก็คือพ่อของเรา เราพอจะเข้าใจว่าเขาคงโกรธ เขาไม่เคยสอนลูกให้หยาบคายแบบนี้แต่เขาลืมมองความเป็นจริงว่าวันทั้งวันนั้นเกิดอะไรขึ้นแค่ข้ามคืนเดียวคนเราเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเราเคยถูกเลี้ยงดูจากพ่อด้วยคำว่าลูกรักลูกจ๋าแต่มาวันนึงสรรพนามนั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงโดยแทนที่ด้วยคำว่าอีเด็กHere ตอนนี้เราไม่ได้ติดใจอะไรกับใครแล้วค่ะ ได้แต่ใช้ชีวิต ดูแลยายไปเรื่อยๆ เด็กับคนแก่ทะเลาะกันบ้านก็คนละเจนอ่ะเนาะ แต่ปัญหาที่ยังคงติดร่างแหจากเหตุการณ์นั้นคงจะเป็น เราไม่ค่อยมี connection จากคนในหมูบ้านเท่าไร เพราะต่างจังหวัดอ่ะเนาะ นินทากันปากต่อปาก สาดสีเทาสี แลเวเราก็ทำงานเดลิเวอรี่ที่บ้านตัวเองรายได้เลยน้อยมากๆเพราะหลายคนเข้าใจเราผิดหมดแล้ว เลยไม่มีใครสนับสนุน ถ้าถามว่าทำไมไม่ไปทำงานอื่น เราไปแล้วค่ะ เราเริ่มเข้างานตำแหน่งหลังจากเรียนจบได้ 3 เดือน ในวัย20 ปี แต่เราต้องย้ายที่อยู่ เราทำอยู่ได้ครึ่งปีและพบว่า ยายเรายังคงอยู่คนเดียว ไม่มีใครลงมาดูแลยายเลย เราเลยตัดสินใจกลับมาหาอะไรทำอยู่ที่ทีบ้านค่ะ ยาวมากๆเลย ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบนะคะ จริงหลังจากเหตุการณ์นี้คาดว่าอนาคตอาจจะเกิดซ้ำอีกรึป่าวไม่รู้แต่เคยมีคนเคยบอกเราไว้ว่ามันจะเกิดขึ้นอีกครั้งในวันที่ยายไม่อยู่แล้ว เราก็ไม่รู้จะทำยังไงนะคะ ยังคงใช้ชีวิตต่อไป อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เป็นผู้อ่านล่ะคะ ถ้าโดนใส่ร้ายจนชีวิตพังขนาดนี้จะทำยังไงกันคะ
โดยใส่ร้ายจนคนเกลียดเต็มไปหมด