เงินเดือน 40,000 จะกู้ซื้อบ้านได้เท่าไหร่คะในยุคนี้

เท่าทึ่อ่านดูคือคิดที่ภาระหนี้ 40% ของเงินเดือน แต่ในความเป็นจริงเหมือน
ไม่ได้เป็นแบบนั้นค่ะ ถ้าเงินเดือนประมาณนี้มีเบี้ยขยันเดือนละ 2,000
รับรวมประมาณ 42,000 ทุกเดือน ไม่มีงานเสริม ไม่มีภาระหนี้สินอื่น แล้ว
จะกู้ได้ประมาณเท่าไหร่คะ
ยังไม่เคยยื่นกู้เลยค่ะ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 24
ไอ้ที่คุณอ่านมาน้อยไปครับ หลายคอมเม้นน่าจะตอบแบบเบสิคไปหมดแล้ว ผมตอบอะไรที่ยากขึ้นอีกนิดนึงดีกว่า สำหรับคนที่ไม่เคยกู้มาก่อน มันยาวครับแต่มีสาระให้

คนที่ตั้งคำถามว่า เงินเดือนเท่านี้กู้ได้แค่ไหน ติดกับดักเกือบทุกคน เพราะมันจะชอบกู้ 40-50% จนมันปิ่ม ทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง เล่นตัวเลขไม่ได้เลย ปรับลดก็ไม่ได้เพราะต้องผ่อนตามที่ธนาคารบังคับ

30-50% เขาคิดตามค่าเฉลี่ยหรือสูตรง่ายๆ เพื่อให้คนผ่อนได้เรื่อยๆ แบบไม่โปะครับ แบบที่คนไม่เก่งคณิตทั่วไปก็คิดได้ว่าอย่ามาหนี้เกินตัว มัน cover หลายเคส จะได้ไม่ต้องคิดเยอะ แต่มันเป็นกับดักครับผมบอกเลย ไอ้หลักการคิดแบบนี้ ใครหลงเชื่อก็เหมือนโดนไฟแนนซ์หลอกแล้ว อย่าเชื่อการบอกผ่อนสบายชิวๆ ตามที่ธนาคารบอกเด็ดขาด

ถ้าอยากติดหนี้อย่างฉลาดค้องคิดมากกว่านี้อีกหน่อย มันมีอีกหลักการด้วยให้คุณคิดมากกว่านั้นคือ "หลักการปิดหนี้ให้ไวเสียดอกไม่ขูดเลือด ไม่ผ่อนลม"

คิดยังไง ก็ดูเลยว่า
1. หนี้ที่เรากู้ได้กี่ล้านแบบ maximum
2. อยากติดหนี้อีกกี่ปี
3. เลือกแผนการโป๊ะ คำนวณตัวเลข
4. ตัดสินใจ

เช่น
1. 2 ล้านเป๊ะ ผ่อน 14000 ถ้าคุณมีเงินเดือน 40000 จะเหลือ 26000 step ถัดไป

2. ติดหนี้ 10 ปี ก่อนแล้วกันถือว่าไวนะ

มาคิดเลขหายอดที่ต้องปิดต้นในข้อ 3

- ให้เอา 2 ล้าน หาร 10 ปี จะได้ ภายใน 1 ปี ต้องปิดต้นให้ได้ 2 แสนบาท ถ้าอยากได้ต่อเดือน ให้หาร 12 ก็จะเป็น เดือนละ 16000

- ให้นำ 14000 มาแจกแจงแบบง่ายว่าต้นเท่าไหร่ดอกเท่าไหร่ เพราะดอกเบี้ยแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ผมคิดแบบหยาบว่า ต้น 50% ดอก 50% ขูดจัด ก็จะเป็น 7000 : 7000 แต่ไม่ถึงครับแค่คร่าวๆ มันจะแค่ 5000-6000 เต็มที่ แต่ถ้าช่วง mrr ลอย แล้วไม่ทำอะไร มีถึงครับ

3. ให้เลือกสูตรการโปะ

3.1 โป๊ะต่อเดือน
ถ้าคุณจะใช้สูตรโปะต่อเดือนเพิ่มเอง ก็ต้องโปะด้วยเงินสดเพิ่มถึง 9000 + 7000 เพื่อลดต้น 16000

3.2 โป๊ะปลายปีรอโบนัส
ให้นำ 9000*12 เดือน ก็จะได้ว่า 108,000 เอาโบนัส กับเก็บแยกต่างหากมาโปะเพิ่มครับ มีค่าใกล้เคียงกัน

2 หลักการนี้ ไม่เหมือนกัน ใช้ได้ทั้งคู่ขึ้นอยู่กับความถนัดของคนติดหนี้ว่าชอบ สภาพการเงินแบบไหน มันต่างกันเยอะมากครับ

โป๊ะทุกเดือน
ข้อดี ดอกเบี้ยลดเร็วที่สุดครับ
ข้อเสีย เงินเก็บคุณและเงินฉุกเฉินคุณจะโตช้ามากถ้าพลาดเร่งหาเงินสดไม่ได้คุณจะซวย

โป๊ะต่อปี
ข้อดี เงินเก็บคุณจะโตไว ถ้าติดปัญหาหรือมีเรื่องด่วนต้องใช้เงิน ปีนั้นคุณจะสามารถหยุดการโป๊ะหนี้ได้ แล้วนำเงินไปใช้ก่อน โดยไม่ต้องไปกู้เงินเพิ่มให้มันมีหนี้เพิ่ม
ข้อเสีย ก็เสียดอกเบี้ยเยอะกว่าวิธีแรก แต่ไม่ได้ต่างกันเยอะมากครับ

ทำไมต้องมีเงินสดฉุกเฉิน ก็เพื่อตกงาน เพื่อป่วยจ่ายค่ารักษาพยาบาล เพื่อแต่งงาน เพื่อรถชน เพื่อรีโนเวทห้อง ของพวกนี้เจอทุกคนครับระหว่างที่กำลังผ่อนบ้านผ่อนรถ ใครไม่เจอก็เหมือนดวงดีจัด

4.แล้วมาตัดสินใจว่า
เงิน 16000 + 7000 = 23000 ต่อเดือน คุณเหลือใช้ 17000 คุณมีอิสระ มีความสุข เที่ยวได้ไหม มีใช้จ่าย มีช็อปปิ้งบ้างเล็กน้อยไหม เหลือเงินเก็บเยอะไหม

ถ้าทำไม่ได้ ให้ปรับตัวเลขครับ
ยืดปี จาก 10 -> 15 -> 20 แล้วคิดเลขตามที่สอนใหม่ เพื่อหาตัวเลขที่คุณโอเคร เลือกแผนการปิดหนี้ที่ลงตัวครับ
หรือ
ลดหนี้ครับ ถ้า 2 ล้านมันสร้างภาระหนี้สินเกินไปให้เหลือ 1.5-1.8 อะไรประมาณนี้
หรือ
ผ่อนลมเก็บดาวน์หนาไปเลยก็ได้ไว้อีกปีที่เงินเก็บเยอะค่อยคิดอีกที

แต่!! ถ้าปล่อยโอกาศไปแล้วหรือรอ อสังหาจะราคาพุ่งแรงแล้วทำเลจะไม่เหลือนะครับ แล้วราคามันเฟ้อ มันโดนปั่นราคาอีก เฉลี่ยต่อปีก็ขึ้นประมาณ 1 - 2 แสน แล้วแต่ทำเล ถ้าคุณเก็บเงินช้าก็จบเกมส์ เช่น

ตอนแรกมัน 2 ล้าน ทำงานไป 2 ปี เก็บเงินได้ 2 แสน แต่ราคาทำเลเดิมมัน 2.4 ล้านไปแล้ว มีแต่ต้องไปทำเลไกลขึ้น นี่คือการตัดสินใจพลาดอย่างหนึ่งเหมือนกัน บางคนถึงยอมเหนื่อยก่อนจองทำเลก่อนไงคนฉลาดเขาจะ ไม่เลือกออะไรเกินตัวเอาที่ผ่อนไหวแล้วไปโปะที่หลัง เพราะเขาเก็บเงินไม่เร็วมากพอจะสู้ความเฟ้อครับ

แต่การทำแบบนี้ช่วงปีแรก มันจะโหดครับเพราะต้นสูง แต่อย่าลืม ลดต้นลดดอก แปลว่าตอนที่หนี้ต่ำ ดอกจะถูกแล้วต้นจะสูง ถ้ายังผ่อนด้วยเรทเดิมจะเหนื่อยคงที่

แต่มันจะไม่ใช่ 7000 + 9000 ตลอดไป มันจะเป็น 7000 + 9000 + ส่วนต่างของดอกเบี้ยที่ลดลง มันจะมีแต่ทำให้คุณหมดหนี้เร็วขึ้นกว่าเดิม หรือ ถ้าเหนื่อยก็แค่ปรับตารางการโป๊ะด้วยการคิดเลขใหม่เพื่อหาส่วนต่างที่ต้องโปะเพิ่ม ให้ cover 2 แสนบาท ก็จะออกเงินเพิ่มลดลงครับตามดอกเบี้ยที่ลดลง

การทำแบบนี้ จะทำให้คุณจบหนี้ได้ตามกำหนด ไม่บานปลาย ไม่ลากดอกเบี้ยเป็นเงินเสียเปล่าเยอะ แล้วคุณจะรู้แผนการใช้ชีวิตได้ยันอนาคตเลยด้วยซ้ำว่าจะทำอะไรต่อ

เพราะมันจะไม่มีทางเกิน 10 ปีครับ ถ้าทำตามวินัยอย่างมั่นคงนะ

ทำไมถึงต้องคิดแบบนี้ สมมุติให้ผมจะให้ดูข้อเสียของการคิดแค่ 30-50% ผมเอาผล sum มาให้ดูเลยแล้วกันว่า 10ปี 20ปี 30ปี ดอกเบี้ยมันหลอกลวงเราขนาดไหน ถ้าเราไม่โป๊ะแต่ผ่อนตามธนาคารไปเรื่อย

10 ปีคือ ตามทำตามที่ผมคิด โปะเพิ่ม + ขั้นต่ำของธนาคาร

20 ปีคือ ทำตามธนาคาร ไม่โปะเลยเอาเงินไปใช้หมด ผ่อนรถเพิ่ม ผ่อนบ้านด้วย

30 ปีคือ บางธนาคารยอมให้ติดถึง 30 ปีเลยทีเดียว เพื่อทำให้คุณผ่อนสบายลงขึ้นไปอีก ผมเรียกว่าผ่อนยันเกษียณ มุขนี้เจอเกือบทุกคน

ผ่อนสบายครับ ปีเยอะขึ้นแต่ดอกเบี้ยเยอะขึ้น งงไหมหละ?? นี่แหละครับการใช้คณิตศาสตร์ให้เป็น จะได้ไม่โดนหลอก

ตัวเลขในตารางเป็นตัวเลขที่ สมมุติขึ้นให้ใกล้เคียงความเป็นจริงมากที่สุด จะมากหรือน้อย ขึ้นกับเรทดอกเบี้ยแต่ละปีครับ

***ไม่รวมค่ารีไฟแนนซ์นะครับ 1% ของยอดหนี้คงเหลือเป็นขั้นต่ำ ไม่รวมอากร ประกัน และ อื่นๆ ทุก 3 ปี

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่