อิจฉาได้ ถ่ายรูปได้ แต่เอ็งไม่ใช่แมว อย่าหาทำ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ



วันที่ 21 กันยายน ที่ผ่านมา วัยรุ่นกลุ่มนี้ได้เดินเข้าไปในลานจอดรถของโรงแรม และเริ่มมองหารถหรูที่จอดอยู่เพื่อถ่ายรูป มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งจ้องมองลัมโบร์กินีสีดำด้วยความสนใจ เขาเข้าไปใกล้และเหยียบฝากระโปรงรถอย่างหยิ่งผยอง พร้อมขอให้เพื่อนๆ บันทึกภาพและนำไปลงโซเชียล ซึ่งโพสต์นี้ถูกแชร์ออกไปอย่างกว้างขวาง
ต่อมา มีชายคนหนึ่งชื่อว่า "นายหวัง" ได้แสดงตัวว่าเป็นเจ้าของลัมโบร์กินีสีดำ เพื่อนของเขาได้เล่าให้ฟังว่า มีชาวเน็ตโพสต์วิดีโอเหยียบรถสปอร์ต และคิดว่ารถคันดังกล่าวอาจเป็นของเขา
เมื่อนายหวังลองตรวจสอบรถก็พบรอยบุบบนฝากระโปรงหน้าซึ่งดูเหมือนเป็นรอยเท้า เขาจึงขอภาพวงจรปิดจากโรงแรม และพบว่าผู้ก่อเหตุมีอายุเพียง 15 ปีเท่านั้น ซึ่งไม่เพียงแค่เหยียบรถ แต่เด็กชายยังถ่มน้ำลายใส่อีกด้วย

สิ่งที่ทำให้นายหวังโกรธสุดๆ คือ ทางตำรวจได้ติดต่อกับกับครอบครัวของเด็กชายเพื่อเจรจา เขาหวังว่าอีกฝ่ายจะมาเพื่อแก้ไขปัญหา แต่อีกฝ่ายไม่ยอมมาเจรจา และยังแสดงความคิดเห็นเชิงยั่วยุในวิดีโอของเขาด้วย นี่จึงเป็นเหตุที่ทำให้เขาตัดสินใจ "ฟ้องให้ถึงที่สุด"
นายหวังกล่าวเพิ่มว่า เขาซื้อรถลัมโบร์กินีสีดำเมื่อปลายปีที่แล้วในราคา 2.98 ล้านหยวน หรือราว ๆ 14 ล้านบาท หลังจากส่งไปให้ทางศูนย์รถประเมิน มันมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 177,000 หยวน หรือราว ๆ 890,000 บาท ซึ่งหากอีกฝ่ายปฏิเสธที่จะชดใช้ เขาก็พร้อมที่จะใช้มาตรการทางกฎหมายเพื่อปกป้องสิทธิของเขาอย่างเต็มที่

เพี้ยนยิ้ม

เหตุการณ์นี้ในข่าวที่จีน ก็เข้าใจว่าสังคมมันเหลื่อมล้ำ(พูดแบบสวยหรู) พูดแบบบ้านๆ มันก็ฐานะต่างกัน จะอิจฉากันก็ไม่แปลก คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ต้องอบรมสั่งสอนลูกด้วย ว่าทำอะไรไว้มันมีผลตามมาเสมอ (ดูพฤติการณ์ของเด็กที่มีการถ่มน้ำลายใส่ก็พอจะบอกได้)
ย้อนกลับไปสมัยเด็กๆ ก็มีเพื่อนแบบว่าอิจฉาคนอื่น เอาเหรียญไปขูดรถหลายๆคันในที่ว่าการอำเภอ ....
ถ้าเป็นแมวจรขึ้นไปบนกระโปรงรถ ก็คงไม่มีใครเอาเรื่อง....แต่เอ็งไม่ใชแมวนะ อย่าหาทำ 555

ผมจะไม่ยุ่ง
ที่มา: ettoday ,มติชน,ข่าวสด
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่