รบกวนตอบเบาๆกันนะ
ขอความเห็นหน่อย ใครเป็นบ้าง น่าจะไม่มีใครบาปหนาเท่าเราแล้วไหม คือเราเกริ่นก่อนว่าเป็นลูกคนเดียว แล้วมาทำงานต่างจังหวัดที่พ่อแม่อยู่
หรือต่อให้อยู่ด้วยกัน ก็ไม่ค่อยได้คุยอะไรกับพวกเขา 1.เลยคือคุยไม่เก่ง 2. ไม่ชอบคุยเรื่องชาวบ้านเลย (เคยสังเกตเพื่อนๆว่าเวลาคุยหรือกินข้าวกับพ่อแม่เขาคุยอะไรกัน เขามีเรื่องอะไรมาคุยให้มันไม่เงียบไม่อึดอัดก็พบว่าเป็นเรื่องของคนอื่น ลูกบ้านนั้นแฟนบ้านนี้) 3.ไม่รู้จะคุยอะไร ชอบกันคนละอย่าง ความเห็นไม่ตรงกัน ลองนึกถึงคนที่ชอบการเมืองคนละพรรคกับพ่อแม่ แต่นี่คือทุกเรื่อง ก็ไม่อยากเถียงไม่อยากแย้งให้เป็นเรื่องเป็นราว อันไหนเห็นไม่ตรงก็ปล่อยเงียบไปเลย ไม่อยากขัด ให้เครียด 5. เรื่องงานไม่เล่าแน่ว่าวันๆเจออะไรมา ไม่อยากให้เป็นห่วง แล้วเล่าไปก็เหนื่อยจากที่เหนื่อยอยู่แล้ว เล่า1เป็นห่วงร้อย ก็ไม่อยากเล่า ก็ไม่มีเรื่องให้คุยกันเท่าไร พออยู่กันคนละที่ พอต้องโทรคุยมันก็เหมือนเพื่อนอะตอนอยู่ด้วยกันก็สนิทกันดี พอแยกกันไปคนละรร.ก็ไม่มีเรื่องให้คุยเหมือนเดิมมันคนละสังคม ก็กลายเป็นว่าไม่รู้จะคุยอะไร พ่อแม่เองก็คุยไม่เก่ง โทรมาก็ไม่พูดถ้าเราไม่ชวนคุยก็เงียบเราก็ต้องหาเรื่องมาคุยทั้งที่ไม่รู้จะคุยอะไร เขาก็จะตอบ พอเราหมดเรื่องจะคุยเขาก็เงียบ ทุกวันนี้อึดอัดมา คุยไปแอบร้องไห้ไป พิมพ์ตอนนี้ก็น้ำตาไหล มันอึดอัด ไม่ได้ไม่รักไม่เคารพแต่มันไม่รู้จะคุยอะไร มันอึดอัดไปหมด ทุกวันก็อยากให้เขาแข็งแรงมีความสุขนะ แต่คือมันอึดอัดที่จะคุยอะ ท้อมากเป็นหนักขึ้นทุกครั้งที่ต้องคุย รู้ว่าเบื่อที่จะคุยกับพ่อแม่เป็นบาปนะ แต่มันควรทำอย่างไงดี แล้วแรงกดดันถาโถมมาก ไม่มีพี่น้องคนไหนเลย มีเราคนเดียว ควรหาทางออกยังไงกับเรื่องนี้ ใครมีอารมณ์แบบนี้บ้างไหม ทุกวันนี้รู้สึกอกตัญญูมากๆเหมือนกัน
ปรึกษาปัญหา ครอบครัว ใครลูกคนเดียวบ้าง
ขอความเห็นหน่อย ใครเป็นบ้าง น่าจะไม่มีใครบาปหนาเท่าเราแล้วไหม คือเราเกริ่นก่อนว่าเป็นลูกคนเดียว แล้วมาทำงานต่างจังหวัดที่พ่อแม่อยู่
หรือต่อให้อยู่ด้วยกัน ก็ไม่ค่อยได้คุยอะไรกับพวกเขา 1.เลยคือคุยไม่เก่ง 2. ไม่ชอบคุยเรื่องชาวบ้านเลย (เคยสังเกตเพื่อนๆว่าเวลาคุยหรือกินข้าวกับพ่อแม่เขาคุยอะไรกัน เขามีเรื่องอะไรมาคุยให้มันไม่เงียบไม่อึดอัดก็พบว่าเป็นเรื่องของคนอื่น ลูกบ้านนั้นแฟนบ้านนี้) 3.ไม่รู้จะคุยอะไร ชอบกันคนละอย่าง ความเห็นไม่ตรงกัน ลองนึกถึงคนที่ชอบการเมืองคนละพรรคกับพ่อแม่ แต่นี่คือทุกเรื่อง ก็ไม่อยากเถียงไม่อยากแย้งให้เป็นเรื่องเป็นราว อันไหนเห็นไม่ตรงก็ปล่อยเงียบไปเลย ไม่อยากขัด ให้เครียด 5. เรื่องงานไม่เล่าแน่ว่าวันๆเจออะไรมา ไม่อยากให้เป็นห่วง แล้วเล่าไปก็เหนื่อยจากที่เหนื่อยอยู่แล้ว เล่า1เป็นห่วงร้อย ก็ไม่อยากเล่า ก็ไม่มีเรื่องให้คุยกันเท่าไร พออยู่กันคนละที่ พอต้องโทรคุยมันก็เหมือนเพื่อนอะตอนอยู่ด้วยกันก็สนิทกันดี พอแยกกันไปคนละรร.ก็ไม่มีเรื่องให้คุยเหมือนเดิมมันคนละสังคม ก็กลายเป็นว่าไม่รู้จะคุยอะไร พ่อแม่เองก็คุยไม่เก่ง โทรมาก็ไม่พูดถ้าเราไม่ชวนคุยก็เงียบเราก็ต้องหาเรื่องมาคุยทั้งที่ไม่รู้จะคุยอะไร เขาก็จะตอบ พอเราหมดเรื่องจะคุยเขาก็เงียบ ทุกวันนี้อึดอัดมา คุยไปแอบร้องไห้ไป พิมพ์ตอนนี้ก็น้ำตาไหล มันอึดอัด ไม่ได้ไม่รักไม่เคารพแต่มันไม่รู้จะคุยอะไร มันอึดอัดไปหมด ทุกวันก็อยากให้เขาแข็งแรงมีความสุขนะ แต่คือมันอึดอัดที่จะคุยอะ ท้อมากเป็นหนักขึ้นทุกครั้งที่ต้องคุย รู้ว่าเบื่อที่จะคุยกับพ่อแม่เป็นบาปนะ แต่มันควรทำอย่างไงดี แล้วแรงกดดันถาโถมมาก ไม่มีพี่น้องคนไหนเลย มีเราคนเดียว ควรหาทางออกยังไงกับเรื่องนี้ ใครมีอารมณ์แบบนี้บ้างไหม ทุกวันนี้รู้สึกอกตัญญูมากๆเหมือนกัน