เกือบไปแล้ว ร้านอาหารชื่อดังเมืองตรัง ถูกมิจฉาชีพอ้างตัวเป็น เจ้าหน้าที่จากเทศบาลนครตรัง จองโต๊ะอาหารวีไอพี ชุดใหญ่ เจ้าของร้านรอบคอบเช็คข้อมูลทางกูเกิ้ล และสอบถามหน่วยงานที่ถูกอ้างถึง ปรากฏว่าไม่เป็นจริง และพบเป็นรายชื่อแก๊งต้มตุ๋น เมื่อรู้เท่าทันกลับถูกข่มขู่จะเผาร้าน พบร้านอาหารชื่อดังอีกร้านโดนด้วย อาละวาดแอบอ้างชื่อ ผู้ว่าตรังอีกด้วย
17 กันยายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางจันทิมา มุณีกุล หรือเอ๋ สีฟ้า อายุ 49 ปี ผู้ประกอบการเจ้าของร้านสีฟ้า ไลฟ์สไตล์ฟู้ดตรัง ซึ่งเป็นร้านอาหารประจำถิ่นชื่อดัง จ.ตรัง ได้ถูกแก๊งมิจฉาชีพ แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่จากเทศบาลนครตรัง โทรและไลน์เข้ามาเพื่อจองโต๊ะอาหาร
โดยที่คาดว่าน่าจะหวังให้ทางร้านโอนค่าซื้อไวน์ แต่ปรากฏว่าทางร้านรู้เท่าทัน เนื่องจากเคยดูข่าวจากสื่อว่าเคยมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาแล้วหลายพื้นที่ ประกอบกับร้านอยู่ห่างกับสำนักงานเทศบาลนครตรัง เพียงแค่ 100 เมตร ทำให้ไม่หลงกลมิจฉาชีพเหล่านี้ได้
นางจันทิมา หรือเอ๋ สีฟ้า บอกว่า ได้มีโทรศัพท์เป็นผู้หญิงโทรเข้ามาเบอร์ทางร้าน พนักงานที่ร้านจึงรับสาย และแจ้งว่าจะจองโต๊ะอาหาร วีไอพี (VIP) จำนวน 2 โต๊ะ ในช่วงเย็น โดยจะเป็นแขกผู้ใหญ่ ซึ่งสำเนียงภาษาและเสียงคล้ายกับคนประเทศเพื่อนบ้าน คล้ายกับประเทศเมียนมา โดยทางร้านแจ้งกลับไปว่าถ้าจองจะต้องจ่ายค่ามัดจำก่อน เป็นจำนวนเงิน 2,000 บาท และให้แอดไลน์กัน
พร้อมทั้งสอบถามว่าจากหน่วยงานไหน โดยแจ้งทางร้านว่าจากฝ่ายบริหาร เทศบาลนครตรัง หลังจากนั้นก็ได้ส่งเมนูอาหารไปให้หลายราคา เขาจึงเลือกราคาอาหารที่สูงและพิเศษที่สุด และในระหว่างที่ทางร้านจะให้หมายเลขบัญชีเพื่อโอนค่ามัดจำก่อน
ทางร้านได้นำชื่อไลน์คือ “Jiraphon Kunhong” ไปเช็คในกูเกิ้ล (Google) เพื่อที่อยากทราบว่าเป็นใคร จึงพบประวัติว่าเป็นแก๊งต้มตุ๋น เป็นบุคลอันตราย มีร้านอื่นถูกหลอกลวงในลักษณะนี้มาก่อนแล้ว และทางร้านได้แคปหน้าไลน์ไปให้เพื่อนที่ทำงานที่เทศบาลนครตรังเพื่อสอบถาม แต่ปรากฏว่าไม่มีใครรู้จักบุคคลนี้ และในระหว่างที่ทางร้านพยายามเช็คข้อมูล ปรากกว่าหญิงรายนี้ได้เปลี่ยนรูปภาพโปรไฟล์อยู่ตลอด แต่ใช้ชื่อไลน์เดิม
หลังจากที่เรารู้แล้วว่าบุคคลรายนี้น่าจะไม่ใช้ลูกค้าแล้วทางร้านจึงพิมพ์กลับไปว่า “ทำแบบนี้ไม่ดีนะ ไม่ควรจะทำ ไม่ควรจะหลอกคนอื่นแล้ว” บุคลนั้นจึงพิมพ์กลับมาในสไตล์แก๊งต้มตุ๋นว่า “เดี๋ยวจะมาเผาร้าน” ซึ่งทางร้านได้ติดต่อกลับไปทางเบอร์มือถือแต่ปรากฏว่าติดต่อไม่ได้แล้ว จึงได้ลบเบอร์และลบไลน์ทิ้งไป พร้อมทั้งได้ประสานงานไปยังชมรมผู้ประกอบการร้านอาหารตรัง เพื่อที่จะบอกและแจ้งเตือนภัยเพื่อนๆเจ้าของร้าน ให้ระมัดระวังเหตุการณ์เช่นนี้
ซึ่งตนคาดว่าหากตนรู้ไม่เท่าทันเสียก่อน มิจฉาชีพรายนี้คงจะหลอกลวงในลักษณะเช่นเดียวกับที่ร้านอื่นๆเคยพบเจอกันคือ เมื่อเราให้เขาโอนมัดจำแล้ว ทางมิจฉาชีพจะใช้สลิปปลอม โดยที่บางครั้งทางร้านยังไม่ทันได้เช็คดูว่าเงินเข้าบัญชีจริงๆแล้วหรือยัง ทำให้มิจฉาชีพจะโทรมาแจ้งว่าทางร้านมีไวน์รับรองหรือไม่ โดยไวน์ที่จะสั่งขวดละประมาณ 4-5 หมื่นบาท หากทางร้านไม่มีทางมิจฉาชีพก็จะแจ้งว่า ให้ไปซื้อกับบุคลที่ 3 ที่มีการเชื่อมโยงกับกลุ่มมิจฉาชีพ หากใครหลงเชื่อ
หลังจากเกิดเรื่องจากร้านตนแล้ว ยังทราบข่าวว่า ร้านอาหารชื่อดังใน อ.เมืองตรัง อีกร้าน ได้ถูกมิจฉาชีพมาหลอกลวงในลักษณะเช่นนี้และมีการพูดถึงเรื่องไวน์ คุยลักษณะเดียวกัน แต่จะโกหกว่าแขกที่จะไปที่ร้านเป็นนายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการ จ.ตรัง แต่ทางร้านแห่งนั้นกลับรู้เท่าทันและไม่ตกเป็นเหยื่อเหล่ามิจฉาชีพแก๊งนี้ ซึ่งยอมรับว่ามีหลายรูปแบบกลโกง
ที่ผ่านมาร้านตนเพียงแค่ 1 วัน หลังจากเรื่องนี้จะเกิดขึ้นก็เพิ่งจะถูกหลอก โดยมีการโทรเข้ามาสั่ง “เคาหยก” ซึ่งเป็นอาหารที่ได้รับเลือกให้เป็น 1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น ของกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งบุคลที่โทรเข้ามาอ้างว่าทำงานอยู่หน่วยงานราชการ จ.ตรัง แต่ปรากฏว่าเมื่อทางร้านทำเสร็จแล้ว บุคลที่โทรมาสั่งก็ไม่ได้มาเอาตามที่สั่ง ทำให้ร้านเสียหาย
ที่ผ่านมาตนเคยเห็นจากข่าวว่า มีการหลอกลวงในประเภทนี้เกิดขึ้นมากมาย จึงอยากให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ให้กับผู้ประกอบการร้านอาหารให้มีความระมัดระวัง มีสติ และพยายามสอบถาม ซักถาม เพื่อจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อพวกอาชญากรเหล่านี้
ที่มา
https://www.naewna.com/local/757164
แก๊งมิจฉาชีพ อ้างคนใหญ่คนโตผู้ว่าฯตรัง จองโต๊ะวีไอพี หวังหลอกโอนค่าซื้อไวน์
17 กันยายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางจันทิมา มุณีกุล หรือเอ๋ สีฟ้า อายุ 49 ปี ผู้ประกอบการเจ้าของร้านสีฟ้า ไลฟ์สไตล์ฟู้ดตรัง ซึ่งเป็นร้านอาหารประจำถิ่นชื่อดัง จ.ตรัง ได้ถูกแก๊งมิจฉาชีพ แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่จากเทศบาลนครตรัง โทรและไลน์เข้ามาเพื่อจองโต๊ะอาหาร
โดยที่คาดว่าน่าจะหวังให้ทางร้านโอนค่าซื้อไวน์ แต่ปรากฏว่าทางร้านรู้เท่าทัน เนื่องจากเคยดูข่าวจากสื่อว่าเคยมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาแล้วหลายพื้นที่ ประกอบกับร้านอยู่ห่างกับสำนักงานเทศบาลนครตรัง เพียงแค่ 100 เมตร ทำให้ไม่หลงกลมิจฉาชีพเหล่านี้ได้
นางจันทิมา หรือเอ๋ สีฟ้า บอกว่า ได้มีโทรศัพท์เป็นผู้หญิงโทรเข้ามาเบอร์ทางร้าน พนักงานที่ร้านจึงรับสาย และแจ้งว่าจะจองโต๊ะอาหาร วีไอพี (VIP) จำนวน 2 โต๊ะ ในช่วงเย็น โดยจะเป็นแขกผู้ใหญ่ ซึ่งสำเนียงภาษาและเสียงคล้ายกับคนประเทศเพื่อนบ้าน คล้ายกับประเทศเมียนมา โดยทางร้านแจ้งกลับไปว่าถ้าจองจะต้องจ่ายค่ามัดจำก่อน เป็นจำนวนเงิน 2,000 บาท และให้แอดไลน์กัน
พร้อมทั้งสอบถามว่าจากหน่วยงานไหน โดยแจ้งทางร้านว่าจากฝ่ายบริหาร เทศบาลนครตรัง หลังจากนั้นก็ได้ส่งเมนูอาหารไปให้หลายราคา เขาจึงเลือกราคาอาหารที่สูงและพิเศษที่สุด และในระหว่างที่ทางร้านจะให้หมายเลขบัญชีเพื่อโอนค่ามัดจำก่อน
ทางร้านได้นำชื่อไลน์คือ “Jiraphon Kunhong” ไปเช็คในกูเกิ้ล (Google) เพื่อที่อยากทราบว่าเป็นใคร จึงพบประวัติว่าเป็นแก๊งต้มตุ๋น เป็นบุคลอันตราย มีร้านอื่นถูกหลอกลวงในลักษณะนี้มาก่อนแล้ว และทางร้านได้แคปหน้าไลน์ไปให้เพื่อนที่ทำงานที่เทศบาลนครตรังเพื่อสอบถาม แต่ปรากฏว่าไม่มีใครรู้จักบุคคลนี้ และในระหว่างที่ทางร้านพยายามเช็คข้อมูล ปรากกว่าหญิงรายนี้ได้เปลี่ยนรูปภาพโปรไฟล์อยู่ตลอด แต่ใช้ชื่อไลน์เดิม
หลังจากที่เรารู้แล้วว่าบุคคลรายนี้น่าจะไม่ใช้ลูกค้าแล้วทางร้านจึงพิมพ์กลับไปว่า “ทำแบบนี้ไม่ดีนะ ไม่ควรจะทำ ไม่ควรจะหลอกคนอื่นแล้ว” บุคลนั้นจึงพิมพ์กลับมาในสไตล์แก๊งต้มตุ๋นว่า “เดี๋ยวจะมาเผาร้าน” ซึ่งทางร้านได้ติดต่อกลับไปทางเบอร์มือถือแต่ปรากฏว่าติดต่อไม่ได้แล้ว จึงได้ลบเบอร์และลบไลน์ทิ้งไป พร้อมทั้งได้ประสานงานไปยังชมรมผู้ประกอบการร้านอาหารตรัง เพื่อที่จะบอกและแจ้งเตือนภัยเพื่อนๆเจ้าของร้าน ให้ระมัดระวังเหตุการณ์เช่นนี้
ซึ่งตนคาดว่าหากตนรู้ไม่เท่าทันเสียก่อน มิจฉาชีพรายนี้คงจะหลอกลวงในลักษณะเช่นเดียวกับที่ร้านอื่นๆเคยพบเจอกันคือ เมื่อเราให้เขาโอนมัดจำแล้ว ทางมิจฉาชีพจะใช้สลิปปลอม โดยที่บางครั้งทางร้านยังไม่ทันได้เช็คดูว่าเงินเข้าบัญชีจริงๆแล้วหรือยัง ทำให้มิจฉาชีพจะโทรมาแจ้งว่าทางร้านมีไวน์รับรองหรือไม่ โดยไวน์ที่จะสั่งขวดละประมาณ 4-5 หมื่นบาท หากทางร้านไม่มีทางมิจฉาชีพก็จะแจ้งว่า ให้ไปซื้อกับบุคลที่ 3 ที่มีการเชื่อมโยงกับกลุ่มมิจฉาชีพ หากใครหลงเชื่อ
หลังจากเกิดเรื่องจากร้านตนแล้ว ยังทราบข่าวว่า ร้านอาหารชื่อดังใน อ.เมืองตรัง อีกร้าน ได้ถูกมิจฉาชีพมาหลอกลวงในลักษณะเช่นนี้และมีการพูดถึงเรื่องไวน์ คุยลักษณะเดียวกัน แต่จะโกหกว่าแขกที่จะไปที่ร้านเป็นนายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการ จ.ตรัง แต่ทางร้านแห่งนั้นกลับรู้เท่าทันและไม่ตกเป็นเหยื่อเหล่ามิจฉาชีพแก๊งนี้ ซึ่งยอมรับว่ามีหลายรูปแบบกลโกง
ที่ผ่านมาร้านตนเพียงแค่ 1 วัน หลังจากเรื่องนี้จะเกิดขึ้นก็เพิ่งจะถูกหลอก โดยมีการโทรเข้ามาสั่ง “เคาหยก” ซึ่งเป็นอาหารที่ได้รับเลือกให้เป็น 1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น ของกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งบุคลที่โทรเข้ามาอ้างว่าทำงานอยู่หน่วยงานราชการ จ.ตรัง แต่ปรากฏว่าเมื่อทางร้านทำเสร็จแล้ว บุคลที่โทรมาสั่งก็ไม่ได้มาเอาตามที่สั่ง ทำให้ร้านเสียหาย
ที่ผ่านมาตนเคยเห็นจากข่าวว่า มีการหลอกลวงในประเภทนี้เกิดขึ้นมากมาย จึงอยากให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ให้กับผู้ประกอบการร้านอาหารให้มีความระมัดระวัง มีสติ และพยายามสอบถาม ซักถาม เพื่อจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อพวกอาชญากรเหล่านี้
ที่มา https://www.naewna.com/local/757164