ผมจะแชร์ประสบการ์ณการทำใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ส่วนบุคคลอยู่ที่กรมการขนส่งทางบก เขตจตุจักร มาแชร์เพื่อให้เป็นความรู้และเตรียมตัวสำหรับคนที่จะสอบครั้งแรกหรือต่อใบขับขี่
★ สำหรับคนถามว่า Walk In ไปกรมการขนส่งทางบก เขตจตุจักรเลย โดยไม่ได้จองคิวในแอพ DLT Smart queue ทำใบขับขี่ได้มั้ย ตอบว่า "ทำได้" เพราะว่าจองคิวยากมากสำหรับสอบใบขับขี่ใหม่ แต่แนะนำควรไปตั้งแต่เช้า ทำยังไงก็ได้ให้ตัวเองถึงก่อน 7 โมงเช้า ฉะนั้นวางแผนก่อนเดินทาง นัดยื่นเอกสาร 7 : 45 โมงก็จริง แต่เขาให้ยื่นได้ตั้งแต่ 7: 20 แล้ว ลดการแออัด บอกกล่าวไว้สำหรับคนที่ไม่ได้จองคิว กลัวไปแล้วเสียเที่ยว จะได้ไม่ต้องถามอีกว่าต้องจองคิวมั้ย ★ไม่จองคิวก็ทำได้แต่ต้องไปเช้าๆอย่างที่ผมบอก เจ้าหน้าที่เขาใจดีและมีพนักงานเพียงพอต่อการบริหาร ไม่ต้องกลัวว่าไม่จองคิวแล้วจะไม่ได้ทำ มันไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น เขตอื่นไม่แน่ใจ แต่เขตจตุจักรทำได้แน่นอน
★ สำหรับคนถามว่าทำใบขับขี่ทำวันเดียวเสร็จมั้ย ต้องไปแต่เช้า ถ้าคุณสอบผ่านทุกขั้นตอนก็เสร็จไว ขั้นตอนหลักๆคือ "ยื่นเอกสาร" "ทดสอบสมรรถภาพทางกาย" "เข้าอบรบ" "สอบข้อเขียนในคอมพิวเตอร์" "สอบปฏิบัติขับขี่มอเตอร์ไซค์" จากประสบการณ์ผม ทำตั้งแต่ 7:30 - 12:30 เสร็จในวันเดียว "แสดงว่าทำวันเดียวเสร็จมันอยู่ที่ตัวคุณจะสอบครั้งเดียวก็ผ่านก็แค่นั้น"
★สำหรับคนถามว่าไม่มีมอเตอร์ไซค์ไม่มีรถยนต์ไปสอบแล้วจะสอบได้มั้ย ตอบว่า"สอบได้" เพราะกรมการขนส่งทางบก เขตจตุจักร เขามีมอเตอร์ไซค์ให้เช่าแค่คันละ 50 บาท ส่วนรถยนต์ไม่ทราบราคาเช่า แต่น่าจะมีให้เช่าเหมือนกัน มีทั้งมอเตอร์ไซค์เกียร์ออโต้และเกียร์ธรรมดา
★เอกสารมีอะไรบ้าง มีแค่บัตรประชาชนตัวจริงกับใบรับรองแพทย์ และใบขับขี่หมดอายุสำหรับคนที่จะต่อใบขับขี่ใหม่ (ถ้าคุณลืมใบรับรองแพทย์ไม่ต้องกลัว เพราะที่กรมการขนส่งทางบกจะมีวินมอเตอร์ไซค์คอยเรียกคุณว่าต้องการใบรับรองแพทย์มั้ย เดี๋ยวเขาจะพาไปเอาตรงคลินิก ส่วนราคาไม่ทราบให้เดาราคาน่าจะใบละ 150-200-250 ไม่เกินนี้ แต่แนะนำให้ถามราคาก่อน) แล้วก็ไปหัดทำข้อสอบที่ผมให้ไว้ อ่านหาความรู้เยอะๆ ถ้าคุณไม่อ่านแล้วไปสอบ ถ้าสอบไม่ผ่านมันจะทำให้คุณเสียเวลาไปอีก
สำหรับผมเป็นการต่อใบขับขี่ที่อายุขาดเกิน 3 ปี เลยต้องสอบใหม่ทั้งหมด ผมได้เตรียมตัวก่อนไปต่อใบขับขี่ประมาณ 1-2 อาทิตย์โดยการหาอ่านความรู้ตามอินเตอร์เน็ต ป้ายจราจรต่างๆ กฎหมายเกี่ยวกับการใช้รถใช้ถนน ทุกคนหาเองได้ในอินเตอร์เน็ตและแนะนำใช้เวลาว่างทำแบบทดสอบในเว็บทางการของกรมการขนส่งทางบกเลยครับ เว็บ "
ขับขี่ปลอดภัย"
https://safedrivedlt.com/ฝึกทำข้อสอบใบขับขี่/ และเว็บเอกชนอย่างเช่นเว็บนี้เพื่อให้มีความรู้มากขึ้นไปอีก
https://thaidriveexam.com/ วันนึงให้ลองทำข้อสอบวันละ 1-2 รอบเพื่อให้จำ เพราะข้อสอบจริงก็เหมือนกันอาจมีสลับข้อบ้างนิดหน่อยแต่ควรอ่านข้อสอบดีๆ เราจะชอบสับสนกับข้อสอบไม่กี่คำคือ ห้าม ให้ ควร ไม่ควร ถูกต้องและไม่ถูกต้อง ฉะนั้นอ่านคำถามให้ดีก่อนตอบ เพราะคุณต้องสอบผ่านให้ได้ 45 ข้อจาก 50 ข้อ ผมแนะนำควรอ่านหาความรู้และลองทดสอบเล่นๆ เพราะถ้าจะไปสอบจริงเลย ตามความคิดของผมถ้าไม่ได้ทำมาก่อนคือไม่ผ่านแน่นอนครับ ขั้นต่อไปก็ไปทำใบขับขี่จริงๆครับ ดูแผนที่ตามรูปเลยครับ
ควรมาแต่เช้าซัก 6 โมงครึ่งเพื่อมารอยื่นเอกสารตรงอาคาร 4 ชั้น 1 ตามเวลานัด(ยื่นเอกสารก่อนเวลานัดได้ 7 : 20 นาทีก็ยื่นได้แล้วลดแออัด) เอกสารมี"ใบรับรองแพทย์"กับ"บัตรประชาชนตัวจริง" สำหรับคนต่อใบขับขี่เอาใบขับขี่เก่ามาด้วย จะจองมาในแอพมาหรือไม่จองคุณก็มีสิทธิ์ทำได้ ถ้ามาตอนเช้ามากๆเจ้าหน้าที่ใจดีครับอนุโลมให้ เพราะขึ้นชั้น 2 อาคาร 4 ตอนยื่นเอกสารเจ้าหน้าที่จะเขียนป้ายหน้าโต๊ะว่า Walk In ป้ายอื่นเขียนว่าจองคิวไม่ต้องสนใจ เพราะคุณก็ต้องมารวมอยู่แถวเส้นสีฟ้าทั้งคนจองคิวและคน Walk In อยู่ดีเพราะทำใบขับขี่ต่อใบขับขี่เหมือนกัน แต่ถ้าไม่จองคิวแล้วมาสายไม่แน่อาจจะไม่ได้ทำเพราะคนเยอะมากๆ
7 โมง 20 นาทีก็น่าจะยื่นเอกสารได้แล้วอาคาร 4 ชั้น 1 เพราะเจ้าหน้าที่ไม่อยากให้คนแออัด ยื่นซักพักจะได้บัตรคิวสีเขียวมาก็ให้ไปรอในห้องแล้วเจ้าหน้าที่จะพาคนมีบัตรคิวสีเขียวขึ้นไปชั้น 2 ต่อแถวกันไปตามเส้นสีฟ้า มีเจ้าหน้าที่นั่งบนโต๊ะรอตรวจเอกสารประมาณ 4-5 คนไม่ต้องสนใจว่าข้างหน้าเจ้าหน้าที่จะเขียน Walk In หรือจองคิวถ้าเก้าอี้ไหนว่างแล้วเจ้าหน้าที่เรียกก็ไปนั่งเลย พอตรวจเอกสารเสร็จเจ้าหน้าที่จะคืนเอกสารเรา
ต่อมาเจ้าหน้าที่จะพาขี้นไปชั้น 3 ต่อแถวกันไปขึ้นบันได้ไปหันทางขวามือเปิดประตูกระจกเข้าไปจะมีโต๊ะเจ้าหน้าที่อยู่เดินตามที่กั้นแล้วยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่ แล้วเจ้าหน้าที่จะกดบัตรคิวให้เรา (บัตรคิวนี้เวลาเข้าห้องสอบสมรรถภาพทางกายจะเข้าคิวที่เราได้มา) ส่วนเอกสารเจ้าหน้าที่จะเอาไปไว้ในห้องทดสอบร่างกายให้เลย ให้เราไปนั่งรอหน้าห้องดูวีดีโอตัวอย่างการทดสอบร่างกาย รอเจ้าหน้าที่เรียกเรียงตามคิวที่ได้เข้าห้องทดสอบครั้งละ 40 คน
การทดสอบสมรรถภาพของร่างกายมีดังนี้
1.ทดสอบการมองเห็นสี มองไฟจราจรเขียวเหลืองแดง (สายตาสั้นควรใส่แว่นเอาแว่นไปสอบด้วยเพราะด่านทดสอบนี้มีระยะไกลที่สุดจากการทดสอบทั้งหมด) ระยะจากจุดยืนถึงไฟจราจรประมาณ 5 เมตร ตอบว่าไฟสีอะไร แดง,เหลือง,เขียว ไฟจราจรจะไม่เรียงปกตินะ บนสุดอาจจะเป็นเขียวก็ได้เพราะปกติเป็นแดง เอาเป็นว่าขึ้นสีไหนบอกเป็นสีนั้น ด่านนี้ง่ายมากไม่ต้องรีบผ่านทุกคน
2.ทดสอบสายตาทางลึก เป็นเครื่องสีดำมีแท่งสีขาวซ้าย ขวา ซ้ายเคลื่อนที่ได้ ขวาอยู่กับที่ เจ้าหน้าที่จะให้เรานั่งบนโต๊ะระยะไม่ไกลมากประมาณ 3 เมตร สายตาสั้นควรใส่แว่น นั่งแล้วกดปุ่มสีเขียวให้แท่งสีขาวด้านซ้ายมาให้ตรงขนานกับด้านขวา ด่านนี้ก็ไม่ยากผ่านสบายมากครับ
3.ทดสอบความสามารถในการใช้เบรกเท้า มีแป้นที่เหยียบได้ 2 อัน ซ้ายและขวา เข้าไปนั่งเก้าอี้และเหยียบแป้นทางขวาจนเครื่องขึ้นไฟสีเขียว เหยียบค้างไว้จนรอขึ้นไฟสีแดง พอขึ้นไฟสีแดงก็เอาเท้าที่เหยียบแป้นทางขวาไปเหยียบแป้นซ้ายให้เร็วที่สุด ห้ามเกิน 0.75 วินาทีหรืออย่าให้เครื่องขึ้นจุดไฟสีแดงร้องเสียงดัง ทดสอบนี้ง่ายที่สุดแล้วในบรรดาทดสอบทั้งหมด
4.ทดสอบสายตาทางกว้าง ความคิดส่วนตัวผมตัวนี้ไม่ยากแต่ก็ไม่ง่ายเหมือนกัน เพราะไฟสีเขียวกับสีเหลืองมองยากมากอาจสับสน แต่ก็ผ่านได้สบายครับ ถอดแว่นได้ เอาหน้าเอาเครื่องมองตรงห้ามส่ายสายตาไปทางข้างๆ เจ้าหน้าที่จะกดไปทีละสี ให้เราตอบให้ได้ตามสีที่ตาเราเห็น ด่านนี้ไม่ต้องรีบเพราะจังหวะเปลี่ยนสีมันจะมีสีดำด้วยไม่ต้องตอบสีดำนะ ตอบแค่สีเขียวเหลืองแดงก็พอแล้ว
ขั้นต่อไปจากที่เราสอบผ่านด่านสมรรถภาพของร่างกายแล้ว เจ้าหน้าที่จะพาเราไปเข้าห้องอบรบกี่ชั่วโมงไม่รู้แต่ต้องเข้าทุกคนสำหรับคนทำใบขับขี่ใหม่ครั้งแรกกับใบขับขี่หมดอายุเกิน 1 ปี ยื่นเอกสารหน้าห้องอบรบ (จำไม่ได้ว่าชั้นไหนน่าจะชั้น 4) เจ้าหน้าที่ให้เขียนชื่อเบอร์โทรไว้พร้อมสแกนนิ้วจากนั้นก็นั่งรอเข้าห้องอบรบ
ขั้นต่อไปพออบรบเสร็จเจ้าหน้าที่จะพาเราไปชั้น 3 (อยู่มุมขวาสุดของตึกจากการเดินของเรา เก็บสัมภาระไว้ในตู้หลังโต๊ะเจ้าหน้าที่ก่อนไปนั่งโต๊ะคอม) การสอบข้อเขียนเลือกคำตอบในคอมพิวเตอร์ 50 ข้อสำหรับคนที่ทำแบบทดสอบมาก่อนมันจะทำให้คุณง่ายในการสอบมากๆ พอนั่งโต๊ะคอมแล้วเราจำเป็นต้องเอาบัตรประชาชนเราเสียบตรงที่เสียบหน้าคอมของเรา(เครื่องสีขาวๆ) แล้วก็สแกนนิ้วมือเรา(เครื่องสีดำเล็กๆ) ก่อนสอบทำตามเจ้าหน้าที่บอกเรา อ่านคำถามให้ดีและเลือกคำตอบที่คิดว่าถูกต้อง ย้ำว่าอ่านคำถามให้ดีอย่าหลงคำว่า ให้ ห้าม ควร ไม่ควร ถูกต้อง ไม่ถูกต้อง ไม่ต้องรีบมีเวลา 50 นาที
ขั้นต่อไปพอเราสอบผ่านแล้ว เจ้าหน้าที่จะให้ใบนัดสอบขับมอเตอร์ไซค์ในสนามสอบจริง จะเสร็จวันเดียวหรือ 2 วันแล้วแต่เจ้าหน้าที่และตัวเราด้วย (วันไหนคนน้อยอาจทำวันเดียวเสร็จได้ใบขับขี่เลย คนเยอะอาจ 2 วัน แต่วันที่ผมไปทำวันเดียวเสร็จครับ) ดูตามแผนที่เดินเข้าประตูเหล็กทางด้านซ้ายของอาคาร "สนามทดสอบขับรถ"
เข้ามาแล้วจะเห็นรถมอเตอร์ไซค์เรียงกันเป็นแถวเอาไว้ให้สำหรับคนไม่ได้เอามอเตอร์ไซค์มาเช่ามอเตอร์ไซค์กับเจ้าหน้าที่ได้ในราคา 50 บาท
เปิดประตูกระจกสีดำเข้าไปยื่นเอกสาร แล้วเจ้าหน้าที่จะให้ไปรอที่ห้อง นั่งดูวีดีโอด่านต่างๆในการทดสอบขับรถก่อนจะสอบจริง ซักพักจะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาบอกมีกี่ท่าที่จะสอบ ท่าขับไหนสอบได้ครั้งเดียว ท่าขับไหนสอบไม่ผ่านสอบแก้ได้ ท่าขับหลักๆตามนี้เลย
1.ขับบนทางแคบทรงตัวให้อยู่ *ย้ำว่าห้ามยื่นขาลงเด็ดขาดต้องเอาเท้าวางไว้ที่พักเท้าเท่านั้น ใครเอาเท้าลงหรือขับตกทางแคบเจ้าหน้าที่ไม่ให้ผ่านแน่นอน
2.ขับรถผ่านสิ่งกีดขวาง(ก็อยู่ใกล้กับด่านแรกอะแหละโค้งหวาก็ต่อด้วยขับมอเตอร์ไซค์ซอกแซกผ่านกรวย) บอกชัดเจนอยู่แล้วว่าขับมอเตอร์ไซค์ซอกแซกผ่านกรวย ห้ามทำกรวยล้ม ห้ามเอาขาลง ผ่านง่ายสบายๆ
3.ขับรถตามคำสั่งป้าย ป้ายให้หยุดคือหยุด ให้โค้งไปทางไหนก็ต้องโค้ง ตรงไหนมีเส้นแนวหยุดก็ต้องหยุด รู้สึกจะมีให้หยุดอยู่ 5 จุดตรงเส้นแนวหยุด และทุกครั้งที่เลี้ยวต้องเปิดไฟเลี้ยวให้เจ้าหน้าที่เห็นด้วย ง่ายๆสบาย ดูตามแผนที่(ไม่มั่นใจว่าผมจำได้หมดมั้ย เอาเป็นว่าตอนสอบจริงให้เราดูป้ายให้ดีๆก่อนแล้วกัน) เจ้าหน้าที่จะปล่อยไปทีละคันไม่ต้องรีบ เลือกรถมอเตอร์ไซค์ที่ตัวเองขับถนัด รถจักรยานยนต์เกียร์ออโตเมติก รถจักรยานยนต์เกียร์ธรรมดา ดูตามแผนที่เลย (ผมอาจจะจำมาไม่ได้ 100% เอาเป็นว่าเวลาไปสอบจริงดูป้ายดูสัญลักษณ์ตรงถนนให้ดีๆ ) สิ่งที่ผมบอกก็พอเป็นแนวทางในการขับทดสอบ
วงสี่เหลี่ยมสีฟ้าคือ ด่านทดสอบขับผ่านทางแคบและขับผ่านสิ่งกีดขวางขับผ่านกรวย พอผ่าน 2 ด่านแรกก็ขับตามไปตามเส้นสีเขียวลูกศรสีแดงไปจอดตรงหลังคาสีเขียวตามแผนที่ รอเจ้าหน้าที่เรียกให้ขับออกไปทีละคัน โค้งขวาโค้งแรกจะเป็นเนินขึ้นและลง รูป 5 เหลี่ยม คือเป็นเส้นแนวหยุดอาจมีป้ายให้หยุดทางซ้ายมือด้วยสังเกตป้ายดีๆ หยุดซักกี่อึดใจ 3-4 วินาทีค่อยไปต่อ ตรงไหนมีเส้นแนวหยุดคือให้หยุด ตรงไหนไม่มีให้หยุดให้ไปต่อ ถ้ามีป้ายให้เลี้ยวก็ให้เลี้ยวตามป้าย ที่สำคัญตอนเลี้ยวก็ต้องเปิดไฟเลี้ยวด้วยครับ รูปดาวสีส้มคือจุดสิ้นสุด จะมีเจ้าหน้าที่ยืนอยู่รอบอกคุณว่าผ่านหรือไม่ผ่าน มีบางท่าสอบแก้ได้ แต่บางท่าถ้าไม่ผ่านคือนัดมาสอบวันใหม่เลย
เมื่อทดสอบขับผ่านแล้วเจ้าหน้าที่จะประทับตราตรงเอกสารให้ไปจ่ายเงินตรงอาคาร 4 ชั้น 2 เดินขึ้นไปชั้น 2 ตรงที่เราต่อแถวตอนเช้าจะมีเจ้าหน้าที่อยู่เค้าเตอร์หน้าเลย มีเอกสารเราอยู่ยื่นเอกสารที่เราได้จากการสอบผ่านขับรถ แล้วเจ้าหน้าที่จะให้เอกสารเราคืนพร้อมกดบัตรคิวให้ แล้วเข้าห้องขวามือไปรอถ่ายรูปถ่ายบัตร(ห้องที่มีโต๊ะเยอะๆมีเจ้าหน้าที่รอทำบัตรให้ เกือบ 20 โต๊ะ) เราก็ไปนั่งรอฟังประกาศตามคิวที่เราได้มา ระหว่างนี้ก็แต่งตัวช่วงบนให้ตัวเองดูดีที่สุดเสื้อไม่ยับแต่งหน้าเซตผมให้เรียบร้อยเพราะกล้องไม่มีแอพช่วยนะครับ ถ่ายครั้งเดียวก็ต้องใช้ไปอีกหลายปี ถ่ายรูปทำบัตรจ่ายเงินถืออันเป็นเสร็จเรียบร้อยกลับบ้านได้ครับ
นี่เป็นการแชร์ประสบการณ์ของผมสำหรับคนที่อยากทำใบขับขี่ครับ สำนักขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 5 หรือ กรมการขนส่งทางบก เขตจตุจักร เจ้าหน้าที่เขาเป็นกันเองและใจดีมากไม่ต้องตื่นเต้นครับ สิ่งที่ผมบอกก็พอเป็นประสบการณ์ที่ให้คนมาอ่านเตรียมตัวให้พร้อมก่อนสอบจริงไม่มากก็น้อยครับ
แชร์ประสบการ์ณทำใบขับขี่มอเตอร์ไซค์อยู่กรมการขนส่งทางบก เขตจตุจักร ให้สำหรับคนกลัวและตื่นเต้นกับการทำใบขับขี่ครับ
★ สำหรับคนถามว่า Walk In ไปกรมการขนส่งทางบก เขตจตุจักรเลย โดยไม่ได้จองคิวในแอพ DLT Smart queue ทำใบขับขี่ได้มั้ย ตอบว่า "ทำได้" เพราะว่าจองคิวยากมากสำหรับสอบใบขับขี่ใหม่ แต่แนะนำควรไปตั้งแต่เช้า ทำยังไงก็ได้ให้ตัวเองถึงก่อน 7 โมงเช้า ฉะนั้นวางแผนก่อนเดินทาง นัดยื่นเอกสาร 7 : 45 โมงก็จริง แต่เขาให้ยื่นได้ตั้งแต่ 7: 20 แล้ว ลดการแออัด บอกกล่าวไว้สำหรับคนที่ไม่ได้จองคิว กลัวไปแล้วเสียเที่ยว จะได้ไม่ต้องถามอีกว่าต้องจองคิวมั้ย ★ไม่จองคิวก็ทำได้แต่ต้องไปเช้าๆอย่างที่ผมบอก เจ้าหน้าที่เขาใจดีและมีพนักงานเพียงพอต่อการบริหาร ไม่ต้องกลัวว่าไม่จองคิวแล้วจะไม่ได้ทำ มันไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น เขตอื่นไม่แน่ใจ แต่เขตจตุจักรทำได้แน่นอน
★ สำหรับคนถามว่าทำใบขับขี่ทำวันเดียวเสร็จมั้ย ต้องไปแต่เช้า ถ้าคุณสอบผ่านทุกขั้นตอนก็เสร็จไว ขั้นตอนหลักๆคือ "ยื่นเอกสาร" "ทดสอบสมรรถภาพทางกาย" "เข้าอบรบ" "สอบข้อเขียนในคอมพิวเตอร์" "สอบปฏิบัติขับขี่มอเตอร์ไซค์" จากประสบการณ์ผม ทำตั้งแต่ 7:30 - 12:30 เสร็จในวันเดียว "แสดงว่าทำวันเดียวเสร็จมันอยู่ที่ตัวคุณจะสอบครั้งเดียวก็ผ่านก็แค่นั้น"
★สำหรับคนถามว่าไม่มีมอเตอร์ไซค์ไม่มีรถยนต์ไปสอบแล้วจะสอบได้มั้ย ตอบว่า"สอบได้" เพราะกรมการขนส่งทางบก เขตจตุจักร เขามีมอเตอร์ไซค์ให้เช่าแค่คันละ 50 บาท ส่วนรถยนต์ไม่ทราบราคาเช่า แต่น่าจะมีให้เช่าเหมือนกัน มีทั้งมอเตอร์ไซค์เกียร์ออโต้และเกียร์ธรรมดา
★เอกสารมีอะไรบ้าง มีแค่บัตรประชาชนตัวจริงกับใบรับรองแพทย์ และใบขับขี่หมดอายุสำหรับคนที่จะต่อใบขับขี่ใหม่ (ถ้าคุณลืมใบรับรองแพทย์ไม่ต้องกลัว เพราะที่กรมการขนส่งทางบกจะมีวินมอเตอร์ไซค์คอยเรียกคุณว่าต้องการใบรับรองแพทย์มั้ย เดี๋ยวเขาจะพาไปเอาตรงคลินิก ส่วนราคาไม่ทราบให้เดาราคาน่าจะใบละ 150-200-250 ไม่เกินนี้ แต่แนะนำให้ถามราคาก่อน) แล้วก็ไปหัดทำข้อสอบที่ผมให้ไว้ อ่านหาความรู้เยอะๆ ถ้าคุณไม่อ่านแล้วไปสอบ ถ้าสอบไม่ผ่านมันจะทำให้คุณเสียเวลาไปอีก
สำหรับผมเป็นการต่อใบขับขี่ที่อายุขาดเกิน 3 ปี เลยต้องสอบใหม่ทั้งหมด ผมได้เตรียมตัวก่อนไปต่อใบขับขี่ประมาณ 1-2 อาทิตย์โดยการหาอ่านความรู้ตามอินเตอร์เน็ต ป้ายจราจรต่างๆ กฎหมายเกี่ยวกับการใช้รถใช้ถนน ทุกคนหาเองได้ในอินเตอร์เน็ตและแนะนำใช้เวลาว่างทำแบบทดสอบในเว็บทางการของกรมการขนส่งทางบกเลยครับ เว็บ "ขับขี่ปลอดภัย" https://safedrivedlt.com/ฝึกทำข้อสอบใบขับขี่/ และเว็บเอกชนอย่างเช่นเว็บนี้เพื่อให้มีความรู้มากขึ้นไปอีก https://thaidriveexam.com/ วันนึงให้ลองทำข้อสอบวันละ 1-2 รอบเพื่อให้จำ เพราะข้อสอบจริงก็เหมือนกันอาจมีสลับข้อบ้างนิดหน่อยแต่ควรอ่านข้อสอบดีๆ เราจะชอบสับสนกับข้อสอบไม่กี่คำคือ ห้าม ให้ ควร ไม่ควร ถูกต้องและไม่ถูกต้อง ฉะนั้นอ่านคำถามให้ดีก่อนตอบ เพราะคุณต้องสอบผ่านให้ได้ 45 ข้อจาก 50 ข้อ ผมแนะนำควรอ่านหาความรู้และลองทดสอบเล่นๆ เพราะถ้าจะไปสอบจริงเลย ตามความคิดของผมถ้าไม่ได้ทำมาก่อนคือไม่ผ่านแน่นอนครับ ขั้นต่อไปก็ไปทำใบขับขี่จริงๆครับ ดูแผนที่ตามรูปเลยครับ
ควรมาแต่เช้าซัก 6 โมงครึ่งเพื่อมารอยื่นเอกสารตรงอาคาร 4 ชั้น 1 ตามเวลานัด(ยื่นเอกสารก่อนเวลานัดได้ 7 : 20 นาทีก็ยื่นได้แล้วลดแออัด) เอกสารมี"ใบรับรองแพทย์"กับ"บัตรประชาชนตัวจริง" สำหรับคนต่อใบขับขี่เอาใบขับขี่เก่ามาด้วย จะจองมาในแอพมาหรือไม่จองคุณก็มีสิทธิ์ทำได้ ถ้ามาตอนเช้ามากๆเจ้าหน้าที่ใจดีครับอนุโลมให้ เพราะขึ้นชั้น 2 อาคาร 4 ตอนยื่นเอกสารเจ้าหน้าที่จะเขียนป้ายหน้าโต๊ะว่า Walk In ป้ายอื่นเขียนว่าจองคิวไม่ต้องสนใจ เพราะคุณก็ต้องมารวมอยู่แถวเส้นสีฟ้าทั้งคนจองคิวและคน Walk In อยู่ดีเพราะทำใบขับขี่ต่อใบขับขี่เหมือนกัน แต่ถ้าไม่จองคิวแล้วมาสายไม่แน่อาจจะไม่ได้ทำเพราะคนเยอะมากๆ
7 โมง 20 นาทีก็น่าจะยื่นเอกสารได้แล้วอาคาร 4 ชั้น 1 เพราะเจ้าหน้าที่ไม่อยากให้คนแออัด ยื่นซักพักจะได้บัตรคิวสีเขียวมาก็ให้ไปรอในห้องแล้วเจ้าหน้าที่จะพาคนมีบัตรคิวสีเขียวขึ้นไปชั้น 2 ต่อแถวกันไปตามเส้นสีฟ้า มีเจ้าหน้าที่นั่งบนโต๊ะรอตรวจเอกสารประมาณ 4-5 คนไม่ต้องสนใจว่าข้างหน้าเจ้าหน้าที่จะเขียน Walk In หรือจองคิวถ้าเก้าอี้ไหนว่างแล้วเจ้าหน้าที่เรียกก็ไปนั่งเลย พอตรวจเอกสารเสร็จเจ้าหน้าที่จะคืนเอกสารเรา
ต่อมาเจ้าหน้าที่จะพาขี้นไปชั้น 3 ต่อแถวกันไปขึ้นบันได้ไปหันทางขวามือเปิดประตูกระจกเข้าไปจะมีโต๊ะเจ้าหน้าที่อยู่เดินตามที่กั้นแล้วยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่ แล้วเจ้าหน้าที่จะกดบัตรคิวให้เรา (บัตรคิวนี้เวลาเข้าห้องสอบสมรรถภาพทางกายจะเข้าคิวที่เราได้มา) ส่วนเอกสารเจ้าหน้าที่จะเอาไปไว้ในห้องทดสอบร่างกายให้เลย ให้เราไปนั่งรอหน้าห้องดูวีดีโอตัวอย่างการทดสอบร่างกาย รอเจ้าหน้าที่เรียกเรียงตามคิวที่ได้เข้าห้องทดสอบครั้งละ 40 คน
การทดสอบสมรรถภาพของร่างกายมีดังนี้
1.ทดสอบการมองเห็นสี มองไฟจราจรเขียวเหลืองแดง (สายตาสั้นควรใส่แว่นเอาแว่นไปสอบด้วยเพราะด่านทดสอบนี้มีระยะไกลที่สุดจากการทดสอบทั้งหมด) ระยะจากจุดยืนถึงไฟจราจรประมาณ 5 เมตร ตอบว่าไฟสีอะไร แดง,เหลือง,เขียว ไฟจราจรจะไม่เรียงปกตินะ บนสุดอาจจะเป็นเขียวก็ได้เพราะปกติเป็นแดง เอาเป็นว่าขึ้นสีไหนบอกเป็นสีนั้น ด่านนี้ง่ายมากไม่ต้องรีบผ่านทุกคน
2.ทดสอบสายตาทางลึก เป็นเครื่องสีดำมีแท่งสีขาวซ้าย ขวา ซ้ายเคลื่อนที่ได้ ขวาอยู่กับที่ เจ้าหน้าที่จะให้เรานั่งบนโต๊ะระยะไม่ไกลมากประมาณ 3 เมตร สายตาสั้นควรใส่แว่น นั่งแล้วกดปุ่มสีเขียวให้แท่งสีขาวด้านซ้ายมาให้ตรงขนานกับด้านขวา ด่านนี้ก็ไม่ยากผ่านสบายมากครับ
3.ทดสอบความสามารถในการใช้เบรกเท้า มีแป้นที่เหยียบได้ 2 อัน ซ้ายและขวา เข้าไปนั่งเก้าอี้และเหยียบแป้นทางขวาจนเครื่องขึ้นไฟสีเขียว เหยียบค้างไว้จนรอขึ้นไฟสีแดง พอขึ้นไฟสีแดงก็เอาเท้าที่เหยียบแป้นทางขวาไปเหยียบแป้นซ้ายให้เร็วที่สุด ห้ามเกิน 0.75 วินาทีหรืออย่าให้เครื่องขึ้นจุดไฟสีแดงร้องเสียงดัง ทดสอบนี้ง่ายที่สุดแล้วในบรรดาทดสอบทั้งหมด
4.ทดสอบสายตาทางกว้าง ความคิดส่วนตัวผมตัวนี้ไม่ยากแต่ก็ไม่ง่ายเหมือนกัน เพราะไฟสีเขียวกับสีเหลืองมองยากมากอาจสับสน แต่ก็ผ่านได้สบายครับ ถอดแว่นได้ เอาหน้าเอาเครื่องมองตรงห้ามส่ายสายตาไปทางข้างๆ เจ้าหน้าที่จะกดไปทีละสี ให้เราตอบให้ได้ตามสีที่ตาเราเห็น ด่านนี้ไม่ต้องรีบเพราะจังหวะเปลี่ยนสีมันจะมีสีดำด้วยไม่ต้องตอบสีดำนะ ตอบแค่สีเขียวเหลืองแดงก็พอแล้ว
ขั้นต่อไปจากที่เราสอบผ่านด่านสมรรถภาพของร่างกายแล้ว เจ้าหน้าที่จะพาเราไปเข้าห้องอบรบกี่ชั่วโมงไม่รู้แต่ต้องเข้าทุกคนสำหรับคนทำใบขับขี่ใหม่ครั้งแรกกับใบขับขี่หมดอายุเกิน 1 ปี ยื่นเอกสารหน้าห้องอบรบ (จำไม่ได้ว่าชั้นไหนน่าจะชั้น 4) เจ้าหน้าที่ให้เขียนชื่อเบอร์โทรไว้พร้อมสแกนนิ้วจากนั้นก็นั่งรอเข้าห้องอบรบ
ขั้นต่อไปพออบรบเสร็จเจ้าหน้าที่จะพาเราไปชั้น 3 (อยู่มุมขวาสุดของตึกจากการเดินของเรา เก็บสัมภาระไว้ในตู้หลังโต๊ะเจ้าหน้าที่ก่อนไปนั่งโต๊ะคอม) การสอบข้อเขียนเลือกคำตอบในคอมพิวเตอร์ 50 ข้อสำหรับคนที่ทำแบบทดสอบมาก่อนมันจะทำให้คุณง่ายในการสอบมากๆ พอนั่งโต๊ะคอมแล้วเราจำเป็นต้องเอาบัตรประชาชนเราเสียบตรงที่เสียบหน้าคอมของเรา(เครื่องสีขาวๆ) แล้วก็สแกนนิ้วมือเรา(เครื่องสีดำเล็กๆ) ก่อนสอบทำตามเจ้าหน้าที่บอกเรา อ่านคำถามให้ดีและเลือกคำตอบที่คิดว่าถูกต้อง ย้ำว่าอ่านคำถามให้ดีอย่าหลงคำว่า ให้ ห้าม ควร ไม่ควร ถูกต้อง ไม่ถูกต้อง ไม่ต้องรีบมีเวลา 50 นาที
ขั้นต่อไปพอเราสอบผ่านแล้ว เจ้าหน้าที่จะให้ใบนัดสอบขับมอเตอร์ไซค์ในสนามสอบจริง จะเสร็จวันเดียวหรือ 2 วันแล้วแต่เจ้าหน้าที่และตัวเราด้วย (วันไหนคนน้อยอาจทำวันเดียวเสร็จได้ใบขับขี่เลย คนเยอะอาจ 2 วัน แต่วันที่ผมไปทำวันเดียวเสร็จครับ) ดูตามแผนที่เดินเข้าประตูเหล็กทางด้านซ้ายของอาคาร "สนามทดสอบขับรถ"
เข้ามาแล้วจะเห็นรถมอเตอร์ไซค์เรียงกันเป็นแถวเอาไว้ให้สำหรับคนไม่ได้เอามอเตอร์ไซค์มาเช่ามอเตอร์ไซค์กับเจ้าหน้าที่ได้ในราคา 50 บาท
เปิดประตูกระจกสีดำเข้าไปยื่นเอกสาร แล้วเจ้าหน้าที่จะให้ไปรอที่ห้อง นั่งดูวีดีโอด่านต่างๆในการทดสอบขับรถก่อนจะสอบจริง ซักพักจะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาบอกมีกี่ท่าที่จะสอบ ท่าขับไหนสอบได้ครั้งเดียว ท่าขับไหนสอบไม่ผ่านสอบแก้ได้ ท่าขับหลักๆตามนี้เลย
1.ขับบนทางแคบทรงตัวให้อยู่ *ย้ำว่าห้ามยื่นขาลงเด็ดขาดต้องเอาเท้าวางไว้ที่พักเท้าเท่านั้น ใครเอาเท้าลงหรือขับตกทางแคบเจ้าหน้าที่ไม่ให้ผ่านแน่นอน
2.ขับรถผ่านสิ่งกีดขวาง(ก็อยู่ใกล้กับด่านแรกอะแหละโค้งหวาก็ต่อด้วยขับมอเตอร์ไซค์ซอกแซกผ่านกรวย) บอกชัดเจนอยู่แล้วว่าขับมอเตอร์ไซค์ซอกแซกผ่านกรวย ห้ามทำกรวยล้ม ห้ามเอาขาลง ผ่านง่ายสบายๆ
3.ขับรถตามคำสั่งป้าย ป้ายให้หยุดคือหยุด ให้โค้งไปทางไหนก็ต้องโค้ง ตรงไหนมีเส้นแนวหยุดก็ต้องหยุด รู้สึกจะมีให้หยุดอยู่ 5 จุดตรงเส้นแนวหยุด และทุกครั้งที่เลี้ยวต้องเปิดไฟเลี้ยวให้เจ้าหน้าที่เห็นด้วย ง่ายๆสบาย ดูตามแผนที่(ไม่มั่นใจว่าผมจำได้หมดมั้ย เอาเป็นว่าตอนสอบจริงให้เราดูป้ายให้ดีๆก่อนแล้วกัน) เจ้าหน้าที่จะปล่อยไปทีละคันไม่ต้องรีบ เลือกรถมอเตอร์ไซค์ที่ตัวเองขับถนัด รถจักรยานยนต์เกียร์ออโตเมติก รถจักรยานยนต์เกียร์ธรรมดา ดูตามแผนที่เลย (ผมอาจจะจำมาไม่ได้ 100% เอาเป็นว่าเวลาไปสอบจริงดูป้ายดูสัญลักษณ์ตรงถนนให้ดีๆ ) สิ่งที่ผมบอกก็พอเป็นแนวทางในการขับทดสอบ
วงสี่เหลี่ยมสีฟ้าคือ ด่านทดสอบขับผ่านทางแคบและขับผ่านสิ่งกีดขวางขับผ่านกรวย พอผ่าน 2 ด่านแรกก็ขับตามไปตามเส้นสีเขียวลูกศรสีแดงไปจอดตรงหลังคาสีเขียวตามแผนที่ รอเจ้าหน้าที่เรียกให้ขับออกไปทีละคัน โค้งขวาโค้งแรกจะเป็นเนินขึ้นและลง รูป 5 เหลี่ยม คือเป็นเส้นแนวหยุดอาจมีป้ายให้หยุดทางซ้ายมือด้วยสังเกตป้ายดีๆ หยุดซักกี่อึดใจ 3-4 วินาทีค่อยไปต่อ ตรงไหนมีเส้นแนวหยุดคือให้หยุด ตรงไหนไม่มีให้หยุดให้ไปต่อ ถ้ามีป้ายให้เลี้ยวก็ให้เลี้ยวตามป้าย ที่สำคัญตอนเลี้ยวก็ต้องเปิดไฟเลี้ยวด้วยครับ รูปดาวสีส้มคือจุดสิ้นสุด จะมีเจ้าหน้าที่ยืนอยู่รอบอกคุณว่าผ่านหรือไม่ผ่าน มีบางท่าสอบแก้ได้ แต่บางท่าถ้าไม่ผ่านคือนัดมาสอบวันใหม่เลย
เมื่อทดสอบขับผ่านแล้วเจ้าหน้าที่จะประทับตราตรงเอกสารให้ไปจ่ายเงินตรงอาคาร 4 ชั้น 2 เดินขึ้นไปชั้น 2 ตรงที่เราต่อแถวตอนเช้าจะมีเจ้าหน้าที่อยู่เค้าเตอร์หน้าเลย มีเอกสารเราอยู่ยื่นเอกสารที่เราได้จากการสอบผ่านขับรถ แล้วเจ้าหน้าที่จะให้เอกสารเราคืนพร้อมกดบัตรคิวให้ แล้วเข้าห้องขวามือไปรอถ่ายรูปถ่ายบัตร(ห้องที่มีโต๊ะเยอะๆมีเจ้าหน้าที่รอทำบัตรให้ เกือบ 20 โต๊ะ) เราก็ไปนั่งรอฟังประกาศตามคิวที่เราได้มา ระหว่างนี้ก็แต่งตัวช่วงบนให้ตัวเองดูดีที่สุดเสื้อไม่ยับแต่งหน้าเซตผมให้เรียบร้อยเพราะกล้องไม่มีแอพช่วยนะครับ ถ่ายครั้งเดียวก็ต้องใช้ไปอีกหลายปี ถ่ายรูปทำบัตรจ่ายเงินถืออันเป็นเสร็จเรียบร้อยกลับบ้านได้ครับ
นี่เป็นการแชร์ประสบการณ์ของผมสำหรับคนที่อยากทำใบขับขี่ครับ สำนักขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 5 หรือ กรมการขนส่งทางบก เขตจตุจักร เจ้าหน้าที่เขาเป็นกันเองและใจดีมากไม่ต้องตื่นเต้นครับ สิ่งที่ผมบอกก็พอเป็นประสบการณ์ที่ให้คนมาอ่านเตรียมตัวให้พร้อมก่อนสอบจริงไม่มากก็น้อยครับ