วันนี้มาเล่าประสบการณ์การหาซื้อที่ดินค่ะ
เนื่องจากบริษัทของเราต้องการขยายไปอยู่ต่างหวัด เลยตระเวณหาซื้อที่ดิน เราไม่เคยซื้อที่ดินมาก่อน เคยแต่ซื้อบ้านจัดสรร
ประกาศตามเพื่อนที่เป็นนายหน้าบ้าง ประกาศตามเฟสบุ๊ก ไปก็แล้ว ก็ยังไม่ได้ที่ถูกใจ
ไปดูที่ 2 แปลงก็ถูกใจอยู่ ที่แรก ขาย 2 ไร่ ไร่ละ 3,000,000 ติดถนนใหญ่ ถมแล้ว แต่ก็คิดหนักเกินกำลัง เพราะต้องสร้างต่อ
ไปดูอีกที่ เค้าแบ่งขาย 1 ไร่ ตกลงกันที่ไร่ละ 2.5 ล้าน พอให้จัดซื้อโทรไป เค้าบอก 2.6 ล้าน ขอมัดจำ 2 แสน เพราะต้องเอาที่ออกจากธนาคาร และทำเรื่องจากเจ้าของโฉนดเดิม มาเป็นคนใหม่ เนื่องจากคนเดิมเสียชีวิต และต้องทำเรื่องรังวัดที่ดินใหม่
ที่ทั้ง 2 แปลงเป็นที่เปล่า
เราเลยหาข้อมูลเพิ่มเติมโดยไปติดต่อเทศบาล สอบถามเรื่องการขออนุญาตก่อสร้าง น้ำ ไฟ ที่เข้าถึงพื้นที่ รวมถึงเขตพื้นที่ดังกล่าวสามารถประกอบกิจการได้หรือไม่ ปรากฏว่า ทั้ง 2 แปลง ต้องขอขยายเขตน้ำ ไฟ เข้า ด้วยเนื่องจากพื้นที่เดิมเป็นไร่มันทั้งคู่ จึงไม่มีน้ำ ไฟฟ้า และการขออนุญาตต่างๆ คาดว่าคงใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3 เดือน
ประกอบกับช่วงเวลาดังกล่าว เพื่อนของเราได้สร้างโรงงาน ทำให้ทราบค่าใช้จ่ายในการขยายเขตน้ำ ไฟ รวมถึง ค่าใช้รจ่ายในการขออนุญาตก่อสร้าง การตั้งหม้อแปลง รวมๆ แล้วเยอะมากสำหรับเราที่จะสร้างเพียง Office ในเฟสแรก เพื่อให้เป็นสถานที่ตั้งสำนักงาน
หลังจากที่ตัดสินใจอยู่นาน ก็จะซื้อเพียง 1 ไร่ เตรียมเรื่องไปเรียบร้อย แต่ก่อนไปซื้อ เราบอกกับสามีให้เราไปลองวนรถหาดูใหม่ ไม่น่าเชื่อ ไปเจอที่อีกผืน 1 ไร่ สร้างเสร็จแล้ว เปลี่ยนจากบ้านเป็นออฟฟิสได้เลยเค้าออกแบบเป็นออฟฟิสได้ น้ำไฟ พร้อม คนอยู่เดิมอยู่มาแล้ว 5 ปีกว่า และใกล้กว่าที่เดิมที่จะเคยซื้อ ใช้เวลาตัดสินใจครึ่งชั่วโมง นัดวันโอนที่เลย ที่อื่นๆ ไปดูมาเป็น 10 รอบยังไม่ตัดสินใจซื้อ เราซื้อแปลงนี้ได้ในราคา 2.6 ล้าน ซึ่งไม่เกินงบของเรา และรับผิดชอบค่าธรรมเนียมเอง ไม่ถึง 5 หมื่น หลังจากทำเรื่องโอนที่ดินเสร็จ ก็ไปเปลี่ยนทะเบียนบ้านเรียบร้อยเลย ได้สถานที่เรียบร้อย
สรุปจากการหาซื้อที่ดินได้เรียนรู้ว่า
1. ที่จะเป็นของเราก็เป็นของเรา
2. อย่าใจอ่อนกับนายหน้า หรือ เจ้าของที่ เชื่อไหม แปลงที่ 2 โทรหาเราทุกวัน วันละหลายครั้ง จนปวดหัวไปเลย จนจะไปจ่ายค่ามัดจำอยู่แล้ว แต่สุดท้ายมันเงินเราเอง เราต้องรับให้ได้ เงินหลักล้าน
3. เช็คน้ำ ไฟ ให้เรียบร้อยว่ามีเข้าถึงที่เราหรือไม่ ค่าใช้จ่ายพวกนี้บางทีหลักล้าน แถมบางที่ใช้น้ำประปาหมู่บ้าน น้ำบาดาลขุดเอง หรือน้ำประปาจากแหล่งอื่นไม่ใช่ในอำเภอ หรือจังหวัดนั้นๆ ก็มี อ้อ การไหลของน้ำ เฟสของไฟ บางที่เข้าไฟแรงสูงต้องตั้งหม้อแปลงเอง หรือบางที่ต้องขยายเขตเอง
4. ค่าขออนุญาตก็สร้าง ระยะ เวลา ค่าใช้จ่าย ให้สอบถาม เทศบาลด้วย รวมถึงถนน สีของพื้นที่ที่ดินด้วย
5. สถานะของที่ดิน แปลงที่จะซื้อ ต้องเอาที่ออกจากธนาคาร เปลี่ยนจากคนตายมาเป็นคนเป็น แถมต้องรังวัดใหม่ ปกติพวกนี้ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3 เดือน บางที่มากกว่า 6 เดือน ซึ่งถ้าพวกนี้ล่าช้า จะทำให้เรื่องขอเลขที่บ้าน น้ำ ไฟ ล่าช้าไปหมด ทำให้เราเสียโอกาสด้วย
6. อย่าโลภ ซื้อที่ให้ตรงกับวัตถุประสงค์ และงบของเรา ทีแรกอยากได้ที่ 2 ไร่มาก ติดถนน ถมแล้ว สวยมาก อยากเอามาทำโน่นนี่นั่นไปหมด แต่สุดท้ายก็กลับมาที่วัตถุประสงค์อยากได้ที่ทำออฟฟิศไม่ใช่เหรอ งบไม่เกิน 3 ล้าน ก็เอาตามนี้
สรุปการหาซื้อที่ดินได้ประมาณนี้นะคะ เผื่อเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆ ด้วย
เล่าประสบการณ์การตระเวณหาซื้อที่ดินสำหรับการตั้งบริษัท
เนื่องจากบริษัทของเราต้องการขยายไปอยู่ต่างหวัด เลยตระเวณหาซื้อที่ดิน เราไม่เคยซื้อที่ดินมาก่อน เคยแต่ซื้อบ้านจัดสรร
ประกาศตามเพื่อนที่เป็นนายหน้าบ้าง ประกาศตามเฟสบุ๊ก ไปก็แล้ว ก็ยังไม่ได้ที่ถูกใจ
ไปดูที่ 2 แปลงก็ถูกใจอยู่ ที่แรก ขาย 2 ไร่ ไร่ละ 3,000,000 ติดถนนใหญ่ ถมแล้ว แต่ก็คิดหนักเกินกำลัง เพราะต้องสร้างต่อ
ไปดูอีกที่ เค้าแบ่งขาย 1 ไร่ ตกลงกันที่ไร่ละ 2.5 ล้าน พอให้จัดซื้อโทรไป เค้าบอก 2.6 ล้าน ขอมัดจำ 2 แสน เพราะต้องเอาที่ออกจากธนาคาร และทำเรื่องจากเจ้าของโฉนดเดิม มาเป็นคนใหม่ เนื่องจากคนเดิมเสียชีวิต และต้องทำเรื่องรังวัดที่ดินใหม่
ที่ทั้ง 2 แปลงเป็นที่เปล่า
เราเลยหาข้อมูลเพิ่มเติมโดยไปติดต่อเทศบาล สอบถามเรื่องการขออนุญาตก่อสร้าง น้ำ ไฟ ที่เข้าถึงพื้นที่ รวมถึงเขตพื้นที่ดังกล่าวสามารถประกอบกิจการได้หรือไม่ ปรากฏว่า ทั้ง 2 แปลง ต้องขอขยายเขตน้ำ ไฟ เข้า ด้วยเนื่องจากพื้นที่เดิมเป็นไร่มันทั้งคู่ จึงไม่มีน้ำ ไฟฟ้า และการขออนุญาตต่างๆ คาดว่าคงใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3 เดือน
ประกอบกับช่วงเวลาดังกล่าว เพื่อนของเราได้สร้างโรงงาน ทำให้ทราบค่าใช้จ่ายในการขยายเขตน้ำ ไฟ รวมถึง ค่าใช้รจ่ายในการขออนุญาตก่อสร้าง การตั้งหม้อแปลง รวมๆ แล้วเยอะมากสำหรับเราที่จะสร้างเพียง Office ในเฟสแรก เพื่อให้เป็นสถานที่ตั้งสำนักงาน
หลังจากที่ตัดสินใจอยู่นาน ก็จะซื้อเพียง 1 ไร่ เตรียมเรื่องไปเรียบร้อย แต่ก่อนไปซื้อ เราบอกกับสามีให้เราไปลองวนรถหาดูใหม่ ไม่น่าเชื่อ ไปเจอที่อีกผืน 1 ไร่ สร้างเสร็จแล้ว เปลี่ยนจากบ้านเป็นออฟฟิสได้เลยเค้าออกแบบเป็นออฟฟิสได้ น้ำไฟ พร้อม คนอยู่เดิมอยู่มาแล้ว 5 ปีกว่า และใกล้กว่าที่เดิมที่จะเคยซื้อ ใช้เวลาตัดสินใจครึ่งชั่วโมง นัดวันโอนที่เลย ที่อื่นๆ ไปดูมาเป็น 10 รอบยังไม่ตัดสินใจซื้อ เราซื้อแปลงนี้ได้ในราคา 2.6 ล้าน ซึ่งไม่เกินงบของเรา และรับผิดชอบค่าธรรมเนียมเอง ไม่ถึง 5 หมื่น หลังจากทำเรื่องโอนที่ดินเสร็จ ก็ไปเปลี่ยนทะเบียนบ้านเรียบร้อยเลย ได้สถานที่เรียบร้อย
สรุปจากการหาซื้อที่ดินได้เรียนรู้ว่า
1. ที่จะเป็นของเราก็เป็นของเรา
2. อย่าใจอ่อนกับนายหน้า หรือ เจ้าของที่ เชื่อไหม แปลงที่ 2 โทรหาเราทุกวัน วันละหลายครั้ง จนปวดหัวไปเลย จนจะไปจ่ายค่ามัดจำอยู่แล้ว แต่สุดท้ายมันเงินเราเอง เราต้องรับให้ได้ เงินหลักล้าน
3. เช็คน้ำ ไฟ ให้เรียบร้อยว่ามีเข้าถึงที่เราหรือไม่ ค่าใช้จ่ายพวกนี้บางทีหลักล้าน แถมบางที่ใช้น้ำประปาหมู่บ้าน น้ำบาดาลขุดเอง หรือน้ำประปาจากแหล่งอื่นไม่ใช่ในอำเภอ หรือจังหวัดนั้นๆ ก็มี อ้อ การไหลของน้ำ เฟสของไฟ บางที่เข้าไฟแรงสูงต้องตั้งหม้อแปลงเอง หรือบางที่ต้องขยายเขตเอง
4. ค่าขออนุญาตก็สร้าง ระยะ เวลา ค่าใช้จ่าย ให้สอบถาม เทศบาลด้วย รวมถึงถนน สีของพื้นที่ที่ดินด้วย
5. สถานะของที่ดิน แปลงที่จะซื้อ ต้องเอาที่ออกจากธนาคาร เปลี่ยนจากคนตายมาเป็นคนเป็น แถมต้องรังวัดใหม่ ปกติพวกนี้ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3 เดือน บางที่มากกว่า 6 เดือน ซึ่งถ้าพวกนี้ล่าช้า จะทำให้เรื่องขอเลขที่บ้าน น้ำ ไฟ ล่าช้าไปหมด ทำให้เราเสียโอกาสด้วย
6. อย่าโลภ ซื้อที่ให้ตรงกับวัตถุประสงค์ และงบของเรา ทีแรกอยากได้ที่ 2 ไร่มาก ติดถนน ถมแล้ว สวยมาก อยากเอามาทำโน่นนี่นั่นไปหมด แต่สุดท้ายก็กลับมาที่วัตถุประสงค์อยากได้ที่ทำออฟฟิศไม่ใช่เหรอ งบไม่เกิน 3 ล้าน ก็เอาตามนี้
สรุปการหาซื้อที่ดินได้ประมาณนี้นะคะ เผื่อเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆ ด้วย