Talk to Me (2022) - ขอเสพสุขชั่วขณะได้ไหม ผ่านการ "จับมือผี"?

Talk to Me: จับมือผี

" หนังสยองขวัญสไตล์คลาสสิคที่ไอเดียสดใหม่น่าประทับใจ "


กำกับโดย Danny Philippou และ Michael Philippou

สวัสดีครับ ! หลังจากที่ห่างหายจากการรีวิว วันนี้อยากจะมาแชร์รีวิวเรื่อง Talk to Me (2022) หนังสยองขวัญสัญชาติออสเตรเลียที่ตอนนี้กำลังฉายอยู่ในโรง ซึ่งหนังก็ทำออกมาสนุกและมีความน่าสนใจ จนอยากเชียร์ให้ได้เข้าไปชมกัน

(จริง ๆ อยากเขียนถึงเรื่อง Huesera: The Bone Woman ที่ออกโรงไปแล้วด้วย แต่ขอแปะไว้ก่อน 😅)

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
Talk To Me จับมือผี | Official Trailer ซับไทย

ความรู้สึกหลังชม

- ส่วนแรกที่ชอบ คือ "ความเป็น Pure Horror และโทนภาพยนตร์สยองขวัญแบบคลาสสิค"

โทนของ Talk to Me ไปทางหนังผีคลาสสิค หนังถูกขับเคลื่อนด้วยองค์ประกอบทาง Physical ต่าง ๆ ไม่ว่าจะการใช้คนแสดงเป็นผีแทน CG, พลัง Make-up, พลังการแสดงของนักแสดง, มุมกล้อง, ดนตรีประกอบ, การตัดต่อและการใช้จังหวะสร้างความตกใจ

ขณะเดียวกัน ก็มีความเป็น Pure Horror หรือการที่หนังสร้างความสยองขึ้นได้จากการขุดสัญชาตญาณความกลัวของตัวละครหรือผู้ชมแบบเพียว ๆ ด้วยประเด็นที่เราเข้าถึงได้ในตัวละครและบริบทแวดล้อม

เรียกว่า ไม่ได้เห็นหนังผีแบบนี้กันบ่อย ๆ แถมด้วย Story บทหนังที่กระชับ และองค์ประกอบที่ดี ทำให้ Talk to Me เป็นหนังผีคลาสสิคแบบ Pure Ingridients ที่ดีมากเรื่องหนึ่งในปีที่ผ่านมา

(หนังกระชับมากแค่ 1.35 ชม.)


- จุดถัดมาที่ชอบ คือ ชอบใน Big idea กับเงื่อนไขที่ว่า "จะเป็นอย่างไร ถ้าเราติดต่อกับผีได้ผ่านพิธีกรรมจับมือผี (มือปูนโปสเตอร์)" และ "ผลจะเป็นอย่างไร หากเราติดต่อกับผีมากเกินไป เมื่อพิธีกรรมนี้ ทำให้ผู้ร่วมพิธีเสพติดได้"

ดูเป็นไอเดียที่น้อยแต่มาก เข้าใจไม่ยาก พิธีกรรมก็สไตล์เล่นผีถ้วยแก้ว แต่ผลลัพธ์คล้ายกับการเสพยาที่ทำให้ผู้เล่นมีความสุขชั่วขณะ และสิ่งเหล่านั้นก็พาให้ตัวละครถลำลึกลงไปเรื่อย ๆ พร้อมกับได้พบเจอกับเหตุการณ์ที่ร้ายแรงขึ้นเรื่อย

- หนังผูกไอเดียการคุยกับผีเข้ากับประเด็นทางสังคมได้อย่างน่าสนใจ เช่น ปมประเด็นของตัวละครที่มีแต่ผีเท่านั้นที่ให้คำตอบได้ ความว้าเหว่และความคึกคะนองที่ทำให้เกิดเรื่องรู้เท่าไม่ถึงการณ์

ไปจนถึงการพิสูจน์ตัวตน การเรียกร้องความสนใจ หรือการเล่นโซเชียลของวัยรุ่น ซึ่งหลายครั้ง ก็อาจทำให้เกิดปัญหาใหญ่ในชีวิต

หนังผูกบริบทของสังคมได้ดีทีเดียว


- อีกส่วนที่ไม่ชมไม่ได้ ขอยกให้ "พลังของนักแสดง" แสดงดีทุกคนชนิดที่ทำให้ผู้ชมอยากตามดูต่อตั้งแต่ต้นจนจบ

- ส่วนสุดท้าย ค่อนข้างชอบการใช้มุมกล้องและการตัดต่อในการสร้างอารมณ์ เช่น การเอนกล้องเอียงขณะที่จับมือผี พร้อมกับเสียงประกอบดิ่งต่ำ 

หรือซีนที่แสดงถึงความสนุกขณะที่ทุกคนร่วมพิธีกรรมจับมือผี หนังใช้เวลาไม่กี่นาที แต่ถ่ายทอดให้ผู้ชมรู้แล้วว่า ตัวละครน่าจะเริ่มเสพติดพิธีกรรมไปแล้ว

สรุป

เป็นหนังสยองขวัญที่แสดงให้เห็นว่า ในปี 2023 (หรือ 2022) ยังมีหนัง Pure Horror ดี ๆ ให้ทุกคนได้ชม ส่วนตัวไม่ได้ถึงขั้นตกใจกับความสยองทุกซีนแบบ Hereditary แต่โดยรวม ค่อนข้างชอบและไม่อยากให้ทุกคนพลาด

เห็นข่าวว่า หนังทำเงินได้มหาศาล ซึ่งดูจากหนัง น่าจะใช้ทุนสร้างไม่มาก สถานที่ก็มีไม่กี่ที่ CG ก็น้อย

ดังนั้นกำไรอื้อ ขณะที่ผู้กำกับก็น่าจะอนาคตไกล !

คำเตือน - มีฉากโหดรุนแรง 18+ ใครขวัญอ่อนไม่ควรรับชม

____________________________________

ป.ล. อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากพูดคุยติดต่อ
    
IG: benjireview
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่