ฐานะการเงินแฟนกับเราต่างกันมาก การงานต่างกันมาก และแฟนไม่มีเงินเก็บเลย ควรคบต่อหรือพอแค่นี้

สวัสดีค่ะ นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้เขามาตั้งคำถามในพันทิปนะคะ มันเป็นปัญหาเรื้อรัง ที่เราไม่รู้ว่าควรตัดสินใจยังไงดี เลยอยากฟังความเห็นต่างๆจากผู้อ่านที่ผ่านเข้ามาอ่านปัญหาของเราค่ะ เราเครียดมากจริงๆกับเรื่องนี้ 
เราคบกับแฟนมาได้2ปีกว่า เขาอายุมากกว่าเรา3ปี มีลูกติด1คน(เด็กโตเป็นวัยรุ่นแล้ว โดยพ่อแม่แฟนเป็นคนเลี้ยง รับผิดชอบซะส่วนใหญ่) ตอนก่อนคบกัน เขาดื่มเหล้าเบียร์ สูบบุหรี่ พอมาคบกับเรา เขาก็เลิกสูบบุหรี่ แต่ยังมีดื่มเบียร์ และเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยมีมารยาทบนโต๊ะอาหาร เช่น กินมูมมาม กินเอะเทอะ ใช้ทิชชู่แล้วทิ้งลงพื้นเลย กินแล้วเรอตรงนั้นเลย เรอดังด้วย หลังๆมานี้เวลาไปกินส้มตำไก่ย่าง ใช้มือกินตลอด ทำที่บ้านยังไม่ค่อยไม่มีปัญหา แต่ไปร้านอาหารก็ยังทำแบบนี้ คือบางทีก็น่าจะให้เกียรติคนมาด้วยบ้าง เป็นคนไม่ทำความสะอาดบ้าน จานไม่ล้าง(เนื่องมาจากแม่เขาล้างมาให้ตั้งแต่เด็กยันโต พอเราบังคับให้ล้างก็ล้างบ้าง ไม่ล้างบ้าง) เสื้อผ้าก็แม่ซักให้ ห้องน้ำแม่ก็ล้างให้ ทำอาหารไม่เป็น ทำเป็นแค่ผัดมาม่า ส่วนในเรื่องอาชีพการงานนั้น ตอนคบกันแรกๆ เขาทำงานกับที่บ้าน ซึ่งธุรกิจที่บ้านก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ จากนั้นเลยไปหางานทำค่ะ โดยงานที่ทำงานแรกคือ ช่วยป้าร้านข้างๆวิ่งส่งของ จากนั้นเปลี่ยนมาเป็นเซลล์ขายรถยนต์ ทำได้ไม่นานก็เปลี่ยนมาเป็นเซลล์ขายอย่างอื่น ทำได้สักพักก็ออกมาขับมอเตอร์ไซค์ส่งคนของแกร้บ(กลายเป็นคนหาเช้ากินค่ำ) ซึ่งไม่มีเงินเก็บเงินเลยสักบาท บางช่วงก็เงินชักหน้าไม่ถึงหลัง ก็ต้องมายืมเงินเรา เวลาไปเที่ยวแรกๆเราออกเงินหมดเลย ด้วยความที่เขายังไม่มีเงิน หลังๆเราเริ่มให้50/50 ซึ่งมักจะจบลงที่เงินเขาไม่พอ เราก็ต้องออกส่วนที่เขามีเงินไม่พอ โดยเป็นการให้เขายืมไปก่อน แล้วเราเคยพาไปหาพ่อแม่เราแล้วครั้งหนึ่งเพราะเขาอยากไปเจอพ่อแม่เรา ซึ่งพ่อแม่เราไม่โอเคมากๆ บอกให้เลิกซะ พ่อแม่เป็นทุกข์มากเรื่องของเรา ซึ่งเราบอกเขาเรื่องนี้ และตัวเองก็เสียใจที่ต้องทำให้พ่อแม่เป็นทุกข์ เสียใจกับเราเรื่องนี้ แต่ด้วยความที่เรายังรักและยังอยากให้เขาพยายามเพื่อให้ตัวเขาเองมีอนาคตที่ดี เลยแอบคบต่อโดยไม่ให้พ่อแม่รู้ ซึ่งพอคบกันไป เราเริ่มทำงาน มีธุรกิจของตัวเอง ความคิดมันเริ่มเปลี่ยน รู้สึกว่าเขาพึ่งไม่ได้ แล้วเขากับเราเหมือนอยู่กันคนละสังคมตั้งแต่แรก เวลาคุยปรึกษาอะไรก็ไม่ได้(เรามีอาชีพทางสายการแพทย์) เราคบกันหลังๆมานี้เราทั้งเหนื่อย อึดอัดจากแรงกดดันจากฝ่ายพ่อแม่และญาติของเรา เราก็ไม่รู้จะแก้ปัญหายังไง 
แฟนเราก็คิดหาวิธีที่จะทำงานเก็บเงิน แล้วบอกจะส่งมาให้เราเก็บ เขาเลยตัดสินใจไปเรียนภาษาเพิ่มเพื่อสอบไปทำงานที่ต่างประเทศ สอบ2รอบก็ไม่ผ่าน เราเลยบอกเขาว่า ถ้าสอบไม่ผ่านอีก เราจะไม่ไปต่อแล้วนะ เรารอไม่ไหว แล้วพอสอบรอบที่3เขาก็สอบผ่าน ทีนี้ก็ต้องหาเงิน เก็บเงินเพื่อไปจ่ายค่าดำเนินการต่างๆ รวมถึงเงินที่ควรมีติดตัวเพื่อนไปเริ่มต้นที่นู่น ซึ่งคำนวณดูแล้ว จะต้องเก็บให้ได้เกือบแสน ซึ่งดูแล้วมีเวลาเก็บประมาณ 1 ปี ซึ่งตอนนี้เวลาผ่านไปเหลือเวลาประมาณ 9-10 เดือน  เขาก็ยังไม่มีเงินเก็บสักบาท แล้วเงินไม่ค่อยมี ก็ยังเอาเงินไปซื้อเบียร์ดื่ม ถึงนานๆดื่มที อาทิตย์ สองอาทิตย์ 1 ขวด มันก็เป็นเงินมั้ย แทนที่จะเก็บเงิน

พูดถึงข้อดีของแฟนเราคือ ตามใจเรา รับนิสัยเสียของเราได้ เราว่า บ่นอะไรไม่เคยโกรธ ไม่เคยนอกใจ เป็นห่วงเป็นใยดีใส่ใจมาก ถามไถ่ถึงพ่อแม่เราตลอด เวลาเรามาเจอเขา เขาก็จะซื้อขนม ของกินให้ฝากไปให้พ่อแม่เรา ตอนนี้อยู่ไกลกัน ก็ไม่เคยมีปัญหา ถึงมีเวลาคุยกันน้อยลงก็ไม่เคยงี่เง่า 

ปัญหาของเรา คือ เราควรทำยังไงกับเขาดี หลังๆมา คบกันช่วงมีความสุขมันก็มี แต่มันเริ่มมองไม่เห็นอนาคตด้วยกัน ถึงเขาบอกอยากจะแต่งงาน มีลูกกับเรา แต่พ่อแม่เรายังไงก็ไม่เอาเขา ร่วมถึงญาติๆเราด้วย เราเครียด ทุกข์ใจ เสียใจกับเรื่องพ่อแม่มาก เราไม่ได้อยากทำให้พ่อแม่เราเสียใจเลย แล้วเขาดูพยายามก็จริง แต่ผลลัพธ์มันเหมือนเดิมเลย คือยังไม่มีเงินเก็บ หาเช้ากินค่ำ ความแตกต่างทั้งอาชีพ ฐานะทางบ้าน สังคมที่เขาอยู่ คือมันไม่มีคำว่าเหมาะสมเลย ใจหนึ่งก็อยากเลิก อยากพอแล้ว แต่อีกใจก็ยังรักผูกพัน เรามีแต่ความหวังดีให้เขา อยากให้เขามีชีวิตที่ดีขึ้น เป็นห่วงเขาจริงๆ กลัวเลิกไปแล้วจะไม่เป็นผู้เป็นคน(เนื่องจากแฟนคนก่อนของเขา พอเลิกแล้ว เขากลายเป็นซึมเศร้า+schizophrenia) อีกใจหนึ่งก็คิดว่า หรือเราจะคบ อดทนกับเขาต่อไป รอวันที่เขาจะประสบความสำเร็จตามที่เขาคิดไว้ดี 
          เราเคยอยู่ด้วยกันช่วงประมาณเกือบปีค่ะ ตอนนั้นก็มีความสุขดี มีทะเลาะกันบ้าง ดีกันบ้าง อยู่ด้วยแล้วสบายใจ เราไม่ได้คิดว่า หน้าที่การงานที่มันต่างกัน ฐานะที่ต่างกันจะเป็นปัญหา ซึ่งตอนนั้น ค่าห้อง น้ำ ไฟ เราออกหมดเลย ปกติเขาอยู่บ้านแต่ก็ย้ายมาอยู่กับเรา มีกลับบ้านบ้าง ประมาณ8 เดือน จากนั้นเราก็ย้ายไปอยู่ที่บ้านเขา ซึ่งไกลจากที่ทำงาน แต่ตอนนั้นคิดว่า ไม่อยากเสียเงินค่าเช่าห้อง เอาเงินมาเก็บดีกว่า 3 เดือนต่อมา เราก็ย้ายกลับมาบ้านเรา เพื่อเริ่มต้นธุรกิจของเราค่ะ มาอยู่กับพ่อแม่เราเอง พอมาอยู่กับพ่อแม่เราเอง แม่เราพูดถึงปัญหาเรื่องแฟนบ่อย บอกเราว่าพ่อแม่เสียใจ ทุกข์ใจกันมาก เลี้ยงมาอย่างดี ไม่เคยให้ลำบาก อยากให้ได้กับคนที่เหมาะสมกับเรา ให้ได้กับคนดีๆ ไม่อยากให้เราลำบาก เราก็เสียใจตามพ่อแม่ค่ะ และรู้สึกผิด อึดอัด ความคิดเราก็เริ่มเปลี่ยนไปค่ะว่า เขาต้องพยายยามอัพตัวเอง เพื่อให้พอๆกับเรา เริ่มมีความคิดว่า มันไม่เหมาะสมกันจริงๆ แต่ก็เคยบอกเขาว่า เราให้เขาปรับตัวให้ดีขึ้น แต่ถ้าเขาเหนื่อย ไม่ไหว เขาจะพอก็ได้นะ ไม่ว่าอะไรเลย ทุกๆอย่างมันกดดันเราจริงๆค่ะ แล้วเราก็เริ่มไปผลักดัน กดดันให้เขาดีขึ้นกว่าเดิมให้ได้ แต่เขาก็ไม่ว่าอะไร เขาบอกไม่เป็นไร เขาจะพยายายาม 

ปล. ฐานะทางบ้านเราถือว่าดีระดับหนึ่ง หน้าที่การงานเราก็ถือว่าดีและมั่นคงนะคะ

**แสดงความเห็น ข้อแนะนำต่างๆได้ตรงๆเลยค่ะ แต่อย่าด่าหนูแรงนะคะ เม่าฝนตก
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
บางคนก็อาจจะบอก ชีวิตกับอุปสรรค มันเป็นของคู่กัน ถ้ารักกันจริง จับมือกันแน่น ๆ แล้วสู้ไปด้วยกัน
บางคน ก็พูดได้ง่าย ๆ ว่า ถ้าคนนี้มันใช่สำหรับเรา ทุกอย่างมันจะง่ายและราบรื่นไปหมด
ซึ่งเราว่า มันถูกทุกข้อนะ  มีเยอะแยะไปที่ฝ่าฟันไปด้วยกัน แล้วผลลัพธ์ออกมาดี
แล้วก็มีไม่น้อยเลย ที่ปล่อยมือกันไปแล้วไปเจอคนที่ดีกว่า เหนื่อยน้อยกว่า

อนาคต ไม่มีใครรู้ว่า จะไปเจอดอกไม้ดอกใหม่ ที่ดีกว่าดอกที่เดินผ่านมาหรือเปล่า
เรารู้แค่ปัจจุบัน ตัดสินใจด้วยข้อมูลปัจจุบัน คุณตัดปัจจัยอื่นทิ้งไปเลย พ่อแม่ ญาติพี่น้อง ไม่ต้องคิดถึง
แค่ถามตัวเองว่า
1. ความสุขกับความทุกข์ ณ ตอนนี้ อะไรมันมากกว่าอะไร (เฉพาะตัวคุณกับแฟนเลยนะ ไม่นับทุกข์เพราะญาติ)
2. การรอคอยของคุณ มันมีความหวังสักกี่เปอร์เซนต์  ถ้ามันดูทรงว่า ไม่มีที่สิ้นสุด ก็น่าจะตัดสินใจได้แล้ว
3. ข้อดี ณ ปัจจุบัน ของเขา มีมากพอที่จะผูกใจให้คุณรักเขาไปตลอดชีวิตมั้ย  ถ้าคุณยังคิดว่า ต้องการให้เขาปรับโน่น ปรับนี่ แสดงว่า ข้อดี ณ ปัจจุบัน ยังดีไม่พอ  

คุณรู้ไหมว่า  ความรักนั้น ผูกพันคนเราไว้ได้แค่ช่วงสั้น ๆ ความรักมันจางลงตามกาลเวลา สิ่งที่ยึดโยงคนไว้ด้วยกัน ไม่ใช่ความผูกพันด้วยซ้ำ  มันคือ ความศรัทธา ความนับถือกันและกันต่างหาก  
คุณศรัทธา นับถือ เชื่อถือ ในแฟนคุณมากแค่ไหนล่ะ ?
ความคิดเห็นที่ 18
ข้อเสียบานตะเกียง รับไม่ได้อะ ทำไมคุณถึงไปคบเค้าได้ เค้าหล่อเหรอ หรือเพราะเค้ามาจีบคุณ

คือไม่เชื่อน้ำยาด้วย อยากแต่งงานอยากมีลูกกับคุณ เอาตัวเองกับลูกติดให้รอดก่อนมั้ยคะ จะมีลูกกับคุณมีแผนยังไง ทั้งค่าใช้จ่ายค่าเล่าเรัยน ให้คุณออกหมดเหรอ

ค่าอย่าว่างั้นงี้เลย เคยเจอคู่แต่งงานแบบคู่คุณนี้หลายคู่แล้ว  ทั้งคนรู้จัก คนใกล้ตัว สุดท้ายจบที่แม่เลี้ยงเดี่ยวเกือบหมดล่ะค่ะ อย่าไปหวังว่าการแต่งงาน การมีลูกจะเปลี่ยนผู้ชายแบบนี้เป็นเทพบุตรได้ เปลืองเวลาชีวิตกันมาเยอะแล้วค่ะ

ปล
เห็นคุณตอบใน 41-3 ว่ายังไม่เลิกเพราะจะรอดูว่าเค้าประสบความสำเร็จมั้ย เราว่าเค้าก็ประสบความสำเร็จแล้วนะ มีลูก(ที่ไม่ได้เลี้ยงสักกะแปะ) ไว้ใช้งานตอนเด็กมันเรัยนจบทำงานหาเงินได้แล้ว ตอนนี้ถ้าแต่งกับคุณได้ ก็ประสบความสำเร็จอีกเด้งในการมีคนหาเลี้ยงล่ะค่ะ เผลอๆมีลูกไว้เป็น passive income เพิ่มอีกหนึ่ง

   ส่วนที่คุณบอก ข้อดีของแฟนคือเค้าทนนิสัยขี้บ่นเอาแต่ใจของคุณได้ คือคุณจะหาแต่คนระดับที่ทนคุณได้เนี่ยนะ ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าเค้าทนจริงๆหรือต้องทนเพราะพึ่งพาคุณอยู่ ทีคุณยังอยากให้แฟนเปลี่ยน แล้วทำไมคุณไม่เปลี่ยนตัวเองเพื่อแฟนหรือเพื่อญาติพี่น้องใกล้ตัวหรือเพื่อคนใหม่ๆเผื่อไม่ได้แต่งกับคนนี้บ้างล่ะ คือเราว่าถ้าอยากได้อะไรที่มันอัพเกรด เราต้องอัพเกรดตัวเองให้คู่ควรก่อนอะ ไม่ใช่อยู่เฉยๆไม่ทำอะไรแล้วไปเลือกอะไรที่ลดสเปคซะงั้น
ความคิดเห็นที่ 9
เพราะอะไรถึงไปเอาคนมีปัญหาครอบครัวและมีลูกติดมาเป็นสามี
ความคิดเห็นที่ 12
เลิกเถอะครับ ทัศนคติไม่ตรงกันอย่างแรง แฟนก็ชอบอยู่แบบสบายๆ ไม่คิดถึงอนาคต คุณก็อยากสร้างอนาคตที่ดี และอีกอย่างที่แฟนทนนิสัยเสียคุณได้ เพราะเขาไม่มีเงินหรือคนอื่น  เลยทนคุณได้ แต่ถ้าเขามีเงินหรือมีที่เกาะใหม่ที่สวยหรือรวยกว่าคุณ ก็คงทิ้งคุณไปแล้วครับ ไม่เชื่อก็ลองดูครับ ถ้าได้ไปทำงานเมืองนอก คงถีบหัวส่งคุณแน่ๆ เงินที่ยืมคุณเพื่อไปทำงานก็คงไม่คืนหรอกครับ
ความคิดเห็นที่ 5
ขนาดตอนยังรักกันดี ยังไม่โอเคกับข้อเสียของแฟนเลยใช่มั้ยคะ แล้วระยะยาว ถ้าอยู่กันไปนานๆ ถ้าแต่งงานมีลูก ภาระความรับผิดชอบเยอะขึ้น มีความเหนื่อยความเครียดกว่าตอนนี้ ข้อเสียเค้าที่มีมันจะดูใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆนะคะ ยิ่งถ้ามีลูกด้วยกัน ไหนจะเลี้ยงลูก ไหนจะต้องทำสารพัดให้สามี  

ลองจินตนาการ ลองนึกภาพดูนะคะ แล้วชั่งน้ำหนักว่าความสุขปัจจุบันเวลาเค้าคอยเอาใจ กับอนาคตที่คุณก็พอจะนึกออก แบบไหนมันดีกับชีวิตจขกท.มากกว่า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่