ถ้าคิดถึงความคุ้มค่า ผมคงไม่ได้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้แน่ ๆ ใช่ไหมครับ

ตอนนี้มีรถยนต์ใช้งานอยู่แล้ว 
      กินน้ำมันโลละ 2 บาท  ปีนึงวิ่งไม่เกิน  20,000  กิโลเมตร   = ค่าน้ำมันปีละ 40,000 บาท  
       ถ้าวิ่ง 10 ปี     x 40,000  =  400,000 บาท 
       ถ้าวิ่ง  20  ปี   x 40,000  =  800,000 บาท 
      ผมคิดถึง 20 ปี เท่านั้นละ   เพราะคงมีแรงขับแค่อายุไม่เกิน 70  คงเลิกขับรถแล้ว       ตอนนี้ถ้าจะเอาเงินประมาณ 9 แสน - 1 ล้านกว่า  ๆ  มาซื้อรถยนต์ไฟฟ้า น่าจะไม่คุ้มค่าใช่ไหม   เทียบตัวเงินอย่างเดียว  ไม่ได้อยากได้รถใหม่

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
เหมือนมือถือ บางคนอยากทันสมัย อยากมีรุ่นล่าสุด ไม่อายชาวบ้าน สามสี่หมื่นก็ผ่อนมาใช้ แต่ใช้งานแค่ไม่ถึง 50% ของความสามารถที่มันมี ทั้งที่ใช้มือถือเครื่องละหมื่นเดียวก็พอกับการใช้งาน

บางคนอยากได้รถ EV หรือ PHEV เพราะความทันสมัย ไม่ได้คิดเรื่องความคุ้มค่า จ่ายแพงกว่า แต่ดันใช้งานน้อยกว่า

แต่เรื่องนี้มันไม่มีถูกผิด มีความสามารถในการจ่ายก็ทำไปครับ ความสุขทางใจ อย่าให้เดือดร้อนตัวเองและครอบครัวก็แล้วกัน

เงินของเรา สิทธิของเรา อย่า Overspending ถือว่าใช้ได้
ถ้าเงินเหลือใช้ ไม่จำเป็นต้องคิดเรื่องความคุ้มค่า จะซื้ออะไรก็ได้เพราะเงินเหลือ
แต่ถ้าไม่เหลือ ต้องกู้ยืมมาซื้อ มีหนี้สิน ต้องคิดเรื่องความคุ้มค่าให้มาก ต้องใช้เงินให้เป็น ไม่งั้นจะเป็นหนี้ทั้งชีวิตจนแก่ แก่แล้วยังใช้หนี้ไม่หมด เกษียณแล้วหมดรายได้ไม่รู้จะเอาอะไรกิน หนี้ก็ยังจ่ายไม่หมด

พอถึงจุดนึงจะรู้ว่าเงินสดในบัญชีสำคัญที่สุด ไม่ใช่มือถือ รถ บ้าน รูปถ่ายไปเที่ยวเมืองนอก อาหารหรูราคาแพง หรืออะไรก็ตามที่ซื้อมาอวดชาวบ้านแต่ยังต้องผ่อนทั้งหมด
ผมสามารถซื้อ Accord มือหนึ่งได้ แต่ผมซื้อ Civic มือสองอายุ 5 ปีให้ภรรยาใช้ เพราะประหยัดไปหลายแสน มือถือเสียก็ซ่อม พยายามไม่มีหนี้ ไม่ผ่อนอะไร

ผมว่ามัน Fake ที่จะหลอกคนอื่นว่าเรารวย ต่อให้รวยจริงก็ไม่มีประโยชน์ที่ต้องบอกให้คนอื่นรู้ ไม่ได้อะไรเลย ไร้สาระ
ความคิดเห็นที่ 2
เอ่อ รถอะไรครับ จิบน้ำมันกิโลละ 2 บาท
BMW Diesel ?

การคำนวนของคุณ แช่แข็ง ค่าน้ำมันไว้ 20 ปี
ซึ่งในความเป็นจริง น้ำมันขึ้นทุกปี และขึ้นในอัตราที่มากกว่าค่าไฟฟ้า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่