บุคลิกนิสัยเปลี่ยนไป

สวัสดีค่ะ เราอยากจะแลกเปลี่ยนความคิดกับทุกคนว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับเรา ทำไมเราถึงกลายเป็นแบบนี้ แล้วมีใครเป็นแบบเราบ้าง

ตอนนี้เราอายุ 12 อยู่ม. 1 นะคะ 
รู้ว่ายังเด็กมากๆ แต่อยากให้ช่วยรับฟังหน่อยค่ะ 
คือเราเป็นเด็กคนนึงที่รู้สึกเบื่อกับชีวิตมากๆเลยค่ะ  ตอนที่เรายังเด็กๆเราเติบโตมาในบ้านที่มีพ่อกับแม่ที่มักจะทำร้ายจิตใจเราอยู่เสมอ ซึ่งมันก็เป็นปมในวัยเด็กของเราเลย แต่พอเราเริ่มเข้าสังคมและเจอเพื่อนๆเรารู้สึกว่าเพื่อนๆเข้าใจเรามากกว่าที่พ่อแม่เข้าใจเราก็เลยเริ่มที่จะสนิทกับเพื่อนค่ะ แต่พอเราโตขึ้น เมื่อมีน้องพ่อกับแม่ก็เหมือนจะเรียนรู้การเลี้ยงลูกจากเรามาแล้วส่วนหนึ่งก็เลยเลี้ยงน้องแบบที่ดีมากๆดีกว่าเราแล้วพ่อกับแม่ก็ยังดีกับเรามากๆเลยด้วย ตอนนั้นเราก็ไม่ได้คิดอะไรมากค่ะเราคิดแค่ว่าเราจะเป็นเด็กดีต่อพ่อแม่และจะเป็นเด็กดีต่อทุกคน วัยเด็กเราช่วงประถมเราเป็นเด็กที่สดใสเรียนเก่งเพื่อนเยอะเราเป็นเด็กที่ซื่อมาก
จนพอเราอายุได้ 9 ขวบถึง 10 ขวบเราไปเจอเพื่อนสนิทคนนึงที่เขาสนิทกับเรามากและซื่อสัตย์กับเรา แล้วพอเราเจอเพื่อนแบบนี้เราหันไปมองเพื่อนคนอื่นๆเรารู้สึกว่าเพื่อนคนอื่นๆไม่จริงใจเท่าเพื่อนสนิทของเราเลย ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาพอเพื่อนสนิทเราย้ายโรงเรียนเราก็เริ่มที่จะไม่ไว้ใจเพื่อนคนอื่นๆ รวมถึงเพื่อนๆที่หักหลังเราตลอด หรือบางทีก็โกหกเราซึ่งเราจะโกหกเขาได้ จนทำให้จุดนั้นที่เรารู้ว่าเราไม่สามารถเชื่อใครได้ง่ายๆเหมือนที่เราเคยเชื่อมาก่อน มันเป็นจุดที่ทำให้เรารู้ว่าเป็นเพื่อนกันแค่ไหนสุดท้ายเราก็ต้องทำเพื่อตัวเองอยู่ดี พอเราโตมามากกว่านั้นนิสัยซื่อๆของเราก็ยังกลับมาอีกเวลาเจอเรื่องอะไรเราจะขอให้เพื่อนช่วยไม่ค่อยขอให้พ่อแม่ช่วยเพราะไม่แยากเป็นภาระให้พ่อแม่ แต่เพื่อนเราก็ไม่ช่วยและปฏิเสธที่จะช่วยเราเสมอซึ่งเราก็ซื่อๆนะตอนนั้น เรารู้ว่าเพื่อนๆอาจจะแค่ขี้เกียจหรือไม่อยากจะเสียเวลากับเราก็เลยปฏิเสธ(ให้เห็นว่าเขาไม่สามารถช่วยเราได้จริงๆ ) ถึงเราจะรู้แต่เราก็ให้อภัยเพื่อนเสมอ ในช่วงระยะที่เราอายุ 10-12 ปี เป็นช่วงที่เราได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง ตอนเราอยู่ป 6 เราก็ไม่ค่อยมีเพื่อนเพื่อนเราน้อยลงมากเพราะเราสัมผัสได้ว่าเพื่อนไม่จริงใจกับเรา เราก็เลยไม่กล้าคบเพื่อนถึงจะอยากมีเพื่อนมากก็เหอะ และเราขี้น้อยใจมากแต่พอเพื่อนๆมาขอโทษ(อาจไม่จริงใจ)เราก็ให้อภัยเสมอ ซึ่งมันก็มีหลายรอบมากๆที่เราต้องซวยและเสียความรู้สึกไปเพราะเพื่อนแต่เราก็ให้อภัยเพื่อนตลอดเราเป็นคนที่ sensitive คิดมากร้องไห้ง่ายแต่ก็หายเร็ว หลังจากจบป 6 เราขึ้นม. 1 ตอนนั้นสิ่งที่เราคิดอยู่ในหัวคือ ในที่สุดเราก็สามารถเริ่มใหม่ได้สักทีตอนนั้นเราคาดหวังมากว่าเราจะเริ่มใหม่ให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด แต่มันกลับมาพัง เพราะเราเป็นคนที่เงียบเกินไปจนเพื่อนๆไม่รู้จะเข้าหายังไง ซึ่งในใจเราพยายามจะสื่อว่าเราสามารถคุยได้ทุกเรื่อง เข้าหาได้ง่ายๆ  แต่ใช่สิใครมันจะเข้าใจวะ และถึงเราจะเป็นวัยรุ่นแล้วแต่เราไม่ชอบพูดคุยเรื่องความรักตั้งแต่เด็กๆแล้วที่เพื่อนๆคุยเรื่องความรักกันแต่จะเป็นเราคนเดียวที่ไม่คุยและไม่รู้เรื่องกับเขาด้วยเพื่อนๆจะรู้ว่าใครแอบชอบใครแต่เราคงไม่รู้อยู่คนเดียว เพราะตรงนี้แหละ ทำให้เราแอบน้อยใจเพื่อนที่เพื่อนๆมีอะไรก็ไม่ยอมบอกเราทั้งๆที่ไม่ใช่เรื่องที่เราจำเป็นต้องรู้ด้วยซ้ำ เมื่อเวลาผ่านไปเราเริ่มชินกับการอยู่คนเดียว (ตั้งแต่สมัยประถมแล้ว) ถึงเราจะชินกับการอยู่คนเดียวแต่เราก็มักจะมองเพื่อนๆที่อยู่ด้วยกันเป็นกลุ่มสนุกสนานแล้วก็ได้แต่มองตัวเราเอาตัวเราไปเปรียบเทียบกับเพื่อนๆเราแทบไม่มีเพื่อนเลยสักคน จนเวลาผ่านไปนานยิ่งขึ้นตอนนี้นิสัยของเราเปลี่ยนไปมาก เราไม่เปรียบเทียบเพื่อนกับเราอีกต่อไปเราไม่มีเพื่อนเลยสักคนแต่เราคิดว่าเราไม่ต้องการเพื่อนเราอยู่ได้โดยไม่รู้สึกแย่หรือน้อยใจอีกต่อไป เราไม่สงสารใครไม่ให้อภัยใครง่ายๆก่อนหน้านี้เราเคยกลัวที่จะโดนเกลียดและกลัวที่จะไม่มีเพื่อนกลัวความโดดเดี่ยว แต่ตอนนี้เราไม่กลัวแล้วเราไม่กลัวที่จะโดนเกลียดเพราะเราคิดว่าถึงเราโดนเกลียดไปมันก็ไม่ได้ช่วยให้การเรียนของเราเสียหายอะไร ส่วนเรื่องความรักเราแทบไม่เชื่อเลยเราคิดว่าความรักมันเป็นแค่การที่คนคนหนึ่งเบียวไปว่าตัวเองชอบหรืออาจจะเป็นแค่อารมณ์ทางเพศ และในห้องเรียนเราเป็นเด็กที่เรียนเก่งเหมือนเดิมแต่เราอยู่คนเดียวเสมอและเราก็ชอบที่มันเป็นแบบนั้นตอนนี้เราไม่ไว้ใจใครเลยเรารู้สึกดีรู้สึกปลอดภัยแล้วที่ได้อยู่คนเดียว รู้สึกดีที่ไม่ต้องมาเกรงใจเพื่อนที่ไม่ต้องมาแอบระแวงเพื่อน หรือคอยเอาใจใส่เพื่อน เรารู้สึกว่าเราเป็นอิสระแล้ว เราเคยเป็นคนคิดมากร้องไห้ง่ายแต่ตอนนี้มันไม่เลยเราแทบไม่คิดอะไรเวลามีคนมาว่าเรา บางทีเราก็ปล่อยวางมันไปง่ายๆผ่านๆ และเราไม่เชื่อใจใครเลย(เชื่อใจพ่อแม่ที่สุดแต่ไม่เต็มร้อย)เราหันมาทำดีต่อพ่อกับแม่ที่ตอนนี้ท่านทั้งสองดีกับเรามากๆ คอยเป็นกำลังใจให้เราเรียนให้เราทำงาน คอยซัพพอร์ตเราในทุกๆเรื่อง ตรงข้ามกับ เวลาเราอยู่รรไปไหนมาไหนเราจะไปคนเดียวเสมอไม่เคยขอให้เพื่อนช่วยเพราะเราไม่ไว้ใจเพื่อน (ส่วนตัวเราคิดว่าเพื่อนแค่ม.1 คงจะยังจริงใจกันอยู่แต่ถ้าโตไปกว่านี้ก็จะเริ่มเห็นแก่ตัวและต้องทำเพื่อตัวเองแล้ว)และสิ่งที่อยู่ในใจเราอีกอย่างนึงคือเราต้องอยู่ด้วยตัวเองให้ได้เราต้องพึ่งพาตัวเองให้ได้เพราะสุดท้ายแล้วคนเราก็ต้องเอาตัวเองให้รอดก่อนอยู่ดี พ่อกับแม่ให้เงินเรามากมายฐานะการเงินที่บ้านเราก็ดีเราก็ทำงานเสริมแบบพวกรับวาดรูปขายรหัสเกมอะไรประมาณนี้แล้วมันก็ทำให้เราได้ตังค์มาบางส่วนแล้วก็ไม่รู้แล้วว่าจะเอาตังค์ไปทำอะไรเลยเอาไปให้พ่อกับแม่ เรารู้สึกว่าชีวิตเรามันน่าเบื่อซ้ำๆเดิมๆอีกไม่นานเราก็ต้องตาย หรือยังไงๆเราก็ต้องตาย รู้สึกว่าไม่มีอะไรที่อยากทำในชีวิตอีกแล้ว ความฝันเราที่มีเราก็ตั้งเป้าหมายในอนาคตอย่างชัดเจนไว้หมดแล้ว ซึ่งถ้ามันไม่เป็นไปตามที่เราวางแผนไว้ เราก็แค่ทำแผนซ้อนแผนเอาไว้ด้วยเผื่อแผนแรกไม่ได้ผลอะไรประมาณนี้ ตอนนี้เราคิดไว้หมดแล้วทั้งเรื่องที่ม. ปลายจะไปต่อที่ไหนมหาลัยไหน คณะอะไร เราจะทำงานเป็นอะไรแล้วถ้าแผนที่วางไว้มันล้มเหลวเราต้องทำยังไงคือเราคิดไว้หมดแล้วง่ะ
 
เราอยากสำรวจความคิดเห็นของคนอื่นๆว่าการที่เรามีความคิดแบบนี้ มันเป็นผลดีหรือผลเสียคะแล้วมีใครเป็นเหมือนเราบ้าง?
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่