กระทู้นี้อยากจะมาแชร์ กึ่งๆระบายความอึดอัดใจนะครับ
ผมอายุ 30 ต้นๆครับ เมื่อไม่นานมานี้ ผมได้ตัดสินใจจะทำประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายกับบริษัทชมพู ในอัตราเบี้ย หมื่นปลายๆต่อปี (แบบมี deductส่วนแรก) ซึ่งผมมีประวัติเข้ารักษาอาการซึมเศร้าเมื่อประมาณเกือบ 5 ปีที่แล้ว โดยปัจจุบันยังคงทานยาอยู่ โดยในขั้นตอนการตอบคำถามสุขภาพก่อนการทำประกัน ผมก็ได้ Declare อาการป่วยของผมอย่างไม่ปิดบัง โดยกรอกข้อมูลการรักษา พร้อมทั้งชื่อแพทย์ และสถาพยาบาลที่เข้ารับการรักษาไปตามจริงทุกประการ
ผมเข้าใจดีว่าผลการอนุมัติความคุ้มครอง สามารถออกได้หลายทาง เช่น การยกเว้นความคุ้มครองในอาการที่เป็นมาก่อน หรือ การขอเพิ่มเบี้ย ซึ่งทั้งสองอย่างผมยอมรับได้อยู่แล้ว มันแฟร์กับทั้งผมและบริษัทประกัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อผลการพิจารณาออกมาว่า บริษัทเลือกที่จะไม่คุ้มครองทั้งหมดและจะคืนเบี้ยให้เต็มจำนวน ผมค่อนข้างเฟลและผิดหวังพอสมควร
โดยส่วนตัว ผมมองว่าโรคซึมเศร้าที่ผมเป็นนั้นได้รับการรักษาและทานยามาอย่างต่อเนื่องกว่า 5 ปีแล้ว ซึ่งผมตระหนักรู้ในอาการของตัวเองว่า อารมณ์ของผมมีการปรับเปลี่ยนใกล้เคียงกับสภาพปรกติ และสามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างไม่เป็นอุปสรรค ทุกครั้งที่ไปพบคุณหมอ (6เดือน/ครั้ง) คุณหมอก็ไม่ได้ raise concern ในประเด็นใดๆ เพียงแต่ขอให้ทานยาเพื่อปรับสารเคมีในสมองให้เป็นปกติอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การถูกปฏิเสธการคุ้มครองมันค่อนข้างทำลายความมั่นใจในอาการของตัวเองไปพอสมควรเลยครับ ผมไม่รู้ว่าบริษัทประกันไปตรวจสอบประวัติการรักษาแล้วเจออะไร หรือ อะไรที่หมอไม่ได้บอกผมซึ่งทำให้ผมยังคงต้องกินยาอยู่เสมอ จริงอยู่ว่า ผู้ป่วยโรคซึมเศร้ามีความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย แต่เงื่อนไขการรับประกันนั้นก็ไม่คุ้มครองอัตวินิบาตกรรม อยู่แล้ว
ตอนนี้ผมกำลังชั่งใจระหว่างลองสมัครประกันบริษัทอื่นดีหรือไม่ แต่ถ้าหากผลออกมาเป็นแบบเดิม คือ การปฏิเสธการคุ้มครอง ผมกลัวว่าผมจะยิ่งเฟลหนักแล้วพาลจะกระทบต่อสภาพอารมณ์และจิตใจของตัวเองเปล่าๆ
โดนปฏิเสธประกันสุขภาพ เพราะมีประวัติเป็นโรคซึมเศร้า
ผมอายุ 30 ต้นๆครับ เมื่อไม่นานมานี้ ผมได้ตัดสินใจจะทำประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายกับบริษัทชมพู ในอัตราเบี้ย หมื่นปลายๆต่อปี (แบบมี deductส่วนแรก) ซึ่งผมมีประวัติเข้ารักษาอาการซึมเศร้าเมื่อประมาณเกือบ 5 ปีที่แล้ว โดยปัจจุบันยังคงทานยาอยู่ โดยในขั้นตอนการตอบคำถามสุขภาพก่อนการทำประกัน ผมก็ได้ Declare อาการป่วยของผมอย่างไม่ปิดบัง โดยกรอกข้อมูลการรักษา พร้อมทั้งชื่อแพทย์ และสถาพยาบาลที่เข้ารับการรักษาไปตามจริงทุกประการ
ผมเข้าใจดีว่าผลการอนุมัติความคุ้มครอง สามารถออกได้หลายทาง เช่น การยกเว้นความคุ้มครองในอาการที่เป็นมาก่อน หรือ การขอเพิ่มเบี้ย ซึ่งทั้งสองอย่างผมยอมรับได้อยู่แล้ว มันแฟร์กับทั้งผมและบริษัทประกัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อผลการพิจารณาออกมาว่า บริษัทเลือกที่จะไม่คุ้มครองทั้งหมดและจะคืนเบี้ยให้เต็มจำนวน ผมค่อนข้างเฟลและผิดหวังพอสมควร
โดยส่วนตัว ผมมองว่าโรคซึมเศร้าที่ผมเป็นนั้นได้รับการรักษาและทานยามาอย่างต่อเนื่องกว่า 5 ปีแล้ว ซึ่งผมตระหนักรู้ในอาการของตัวเองว่า อารมณ์ของผมมีการปรับเปลี่ยนใกล้เคียงกับสภาพปรกติ และสามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างไม่เป็นอุปสรรค ทุกครั้งที่ไปพบคุณหมอ (6เดือน/ครั้ง) คุณหมอก็ไม่ได้ raise concern ในประเด็นใดๆ เพียงแต่ขอให้ทานยาเพื่อปรับสารเคมีในสมองให้เป็นปกติอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การถูกปฏิเสธการคุ้มครองมันค่อนข้างทำลายความมั่นใจในอาการของตัวเองไปพอสมควรเลยครับ ผมไม่รู้ว่าบริษัทประกันไปตรวจสอบประวัติการรักษาแล้วเจออะไร หรือ อะไรที่หมอไม่ได้บอกผมซึ่งทำให้ผมยังคงต้องกินยาอยู่เสมอ จริงอยู่ว่า ผู้ป่วยโรคซึมเศร้ามีความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย แต่เงื่อนไขการรับประกันนั้นก็ไม่คุ้มครองอัตวินิบาตกรรม อยู่แล้ว
ตอนนี้ผมกำลังชั่งใจระหว่างลองสมัครประกันบริษัทอื่นดีหรือไม่ แต่ถ้าหากผลออกมาเป็นแบบเดิม คือ การปฏิเสธการคุ้มครอง ผมกลัวว่าผมจะยิ่งเฟลหนักแล้วพาลจะกระทบต่อสภาพอารมณ์และจิตใจของตัวเองเปล่าๆ