JJNY : 5in1 “พิธา”เผย โพลชี้คนสนใจการเมือง│กลัวไอ้ก้าวไกล│เศรษฐางง│สินค้าจีนถล่มไทย สู้ไม่ไหว│ตุรกีย้ำ"ไครเมีย"ของยูเครน

“พิธา” เผย ผลโพลชี้คนทุกเพศทุกวันสนใจการเมือง หวัง มท.1 คนใหม่
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_604058/
 
 
“พิธา” เผย ผลโพลชี้คนทุกเพศทุกวันสนใจการเมือง หวัง มท.1 คนใหม่ ผลักดันกระจายอำนาจ ไม่ให้กระจุกตัวอยู่ในแค่เมือง พร้อมให้เวลารัฐบาลได้ทำงานก่อน ชี้ 3 เดือนแรก รัฐบาลเพื่อไทยควรทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน
 
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ประเด็นการเมือง ถึงกรณีผลโพลของ ศูนย์สำรวจความคิดเห็น มหาวิทยาลัยศรีปทุม ร่วมกับดีโหวต คะแนนนิยมหลังตั้งรัฐบาล-นายกฯ ซึ่งพบว่า คะแนนของพรรคก้าวไกล 62% จะเลือกพรรคก้าวไกลหากมีการเลือกตั้งใหม่ และคะแนนของพรรคเพื่อไทยก็ไหลมาอยู่พรรคก้าวไกล ว่า สำหรับตนเองความรู้สึกก็ยังรู้สึกคงเส้นคงวา เกี่ยวกับการอ่านโพล ทั้งก่อนเลือกตั้ง และหลังเลือกตั้ง และสิ่งที่จะสะท้อนได้ คงจะต้องอ้างอิงสื่อมวลชน ที่แสดงให้เห็นว่า ประชาชนทุกรุ่นทุกวัย สนใจการเมืองเป็นพิเศษ ทั้งนี้จึงต้องใช้ผลโพลเป็นกำลังที่จะเดินหน้าทำงานทางการเมืองต่อไป และปรับปรุงในสิ่งที่ยังทำได้ไม่ดีพอ

ส่วนโผ ครม. ที่ค่อนข้างชัดเจนว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยนั้น มองว่าสำหรับกระทรวงมหาดไทย ไม่ว่าใครจะเข้ามาเป็นรัฐมนตรี สิ่งที่สำคัญคือการกระจายอำนาจ เป็นสิ่งที่พรรคก้าวไกล ผลักดันมาโดยตลอด และหวังว่า ไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย ก็หวังว่าจะเน้นทำงานในเรื่องนี้ เพราะมีรายละเอียดเยอะ โดยเฉพาะการกระจายงบประมาณ กระจายบุคลากร และกระจายภารกิจ และโอกาสในการเก็บภาษี เพื่อให้การบริหารแผ่นดิน เป็นไปด้วยความฉับไว เพราะก่อนหน้านี้มีบทเรียนมาหลายช่วง ทั้งภัยแล้ง น้ำท่วม และโควิด จึงคิดว่าเป็นภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทยและคนที่จะมารับตำแหน่งนี้
 
ทั้งนี้ การที่พรรคร่วมรัฐบาล เป็นเจ้ากระทรวง จะกระจายอำนาจได้จริงหรือไม่นั้น นายพิธา มองว่า คงต้องให้เวลารัฐบาลในการทำงานก่อน เพราะตอนนี้ยังเป็นแค่โผครม. ไม่ทราบว่าใครเป็นรัฐมนตรีกันแน่ และไม่ว่าจะเป็นใครก็แล้วแต่ เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญ ที่ประเทศไทยหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากให้มีการกระจุกตัวของอำนาจ อยู่ในแค่เมืองแค่ไม่กี่เมือง ก็จะทำให้ประเทศไทยไปต่อไม่ได้
 
อยากให้พรรคเพื่อไทย ตั้งโรดแมปในการทำงานให้กับประชาชนอย่างไรบ้าง เพราะตอนพรรคก้าวไกลก็ได้จัดทำโรดแมพประกาศกับประชาชนอย่างชัดเจน นายพิธา ระบุว่า ในช่วงวิกฤติ ไม่ว่าพรรคอะไรก็คงต้องมีโร้ดแมพ เป็นของตัวเอง ที่จะประกาศกับประชาชน อย่างชัดเจน เพื่อให้เห็นว่าประชาชน จะมีส่วนร่วม และมีความคาดหวังได้อย่างไรบ้าง ซึ่งของพรรคก้าวไกล
 
ในช่วงสองถึงสามสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการผลักดันกฏหมายสำคัญ เข้าสู่สภา ซึ่งเป็นสิ่งที่สัญญากับประชาชนไว้ เรื่องเกี่ยวกับกฏหมายสุราก้าวหน้า สมรสเท่าเทียม จะมีการผลักดันต่อไป ถ้าครม.บรรจุไม่ทัน 60 วัน ก็ต้องเริ่มต้นกันใหม่ ทางฝั่งพรรคก้าวไกล จะมีโรดแมปบอกพี่น้องประชาชน ที่เลือกพรรคก้าวไกล หรือไม่ได้เลือก ว่าการทำงานในส่วนของนิติบัญญัติจะเป็นอย่างไร
 
สำหรับ ใน 3 เดือนแรก มองว่า พรรคเพื่อไทย ควรแก้ไขปัญหาเรื่องไหนเป็นอันดับแรกนั้น นายพิธา ระบุว่า ต้องทำตามที่ให้สัญญากับประชาชนเอาไว้ มีหลายอย่างที่รอรัฐบาลใหม่อยู่ เช่นวิกฤติที่ดิน ที่สะสมมานาน เรื่องหนี้สิน เรื่องการเพิ่มมูลค่าการเกษตร คล้ายกับกระดุม 5 เม็ดที่เคยอภิปรายไป โดยเฉพาะเรื่องสิทธิการทำกิน และการดูแลสถานะเกษตรกร



“ปิยบุตร” วิเคราะห์รัฐบาลชุดใหม่จะอยู่ยาว กลัวไอ้ก้าวไกล แต่อาจมีอุบัติเหตุทำให้อายุสั้นลง
https://www.matichon.co.th/clips/news_4148535

ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า วิเคราะห์จังหวะก้าวต่อไปของการเมืองไทย หลังพรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาล ในรายการ Sol Bar Talk เชื่อรัฐบาลชุดใหม่น่าจะอยู่ยาวครบเทอม 4 ปี แม้ขัดแย้งก็เคลียร์กันได้ เพราะหันไปเจอไอ้ก้าวไกลที่พร้อมเลือกตั้งทุกวัน แต่อาจมีอุบัติเหตุการเมืองเป็นชนวนทำให้จบเร็วขึ้น ถ้ามีการยุบพรรคก้าวไกลวันนี้ ติดตามรายละเอียดจากคลิปด้านล่างนี้

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ



เศรษฐา งง ไม่เคยมีนายกฯไปพังงาถึง 10 ปี ทั้งที่เป็นแหล่งรายได้มีอนาคต
https://www.matichon.co.th/politics/news_4148293

เศรษฐา งง ไม่เคยมีนายกฯไปพังงาถึง 10 ปี ทั้งที่เป็นแหล่งรายได้มีอนาคต
 
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 26 สิงหาคม ที่โรงแรม มอริซี เขาหลัก พังงา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะทำงานด้านนโยบายพรรคเพื่อไทย (พท.) น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรค พท. ลงพื้นที่ จ.พังงา เพื่อพูดคุยกับผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว มีนายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา และนายกฤษ สีฟ้า อดีตผู้สมัคร ส.ส.พังงา พรรค พท. โดยผู้ประกอบการได้เสนอให้มีการก่อสร้างสนามบินแห่งใหม่ให้สามารถรองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ จัดระบบขนส่งมวลชนให้มีคุณภาพ เพื่อรับนักท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้ จ.พังงา และจังหวัดใกล้เคียง และขอให้รัฐบาลช่วยจัดกิจกรรมดึงนักท่องเที่ยวให้เข้ามาในช่วงโลว์ซีซั่น
 
จากนั้นนายเศรษฐากล่าวว่า แปลกใจไม่มีนายกรัฐมนตรีมา จ.พังงา ถึง 10 ปี เพราะทราบกันดีว่าพื้นที่โซนนี้เป็นแหล่งรายได้ที่มีอนาคต ทำรายได้ให้ประเทศ พรรค พท.ไม่มี ส.ส.ในพื้นที่ ต้องขอบคุณนายกฤษ รวมถึงนายพร้อมพงศ์ ที่ดูแลพื้นที่ไม่เหน็ดเหนื่อยแม้ไม่มี ส.ส. แม้ พท.ไม่มี ส.ส.แต่ตนก็จะมาพื้นที่อีก แม้เราไม่มี ส.ส.แต่ พท.ไม่ยึดเรื่องการเมืองแต่ยึดคนไทยทั้งประเทศ เราดูองค์รวมการพัฒนาประเทศเป็นหลัก วันนี้เศรษฐกิจตกต่ำมาก เราต้องเพิ่มรายได้ ซึ่งการเพิ่มรายได้ที่ชัดเจนคือเรื่องของการท่องเที่ยว เรารับฟังการสร้างสนามบินใหม่ ขอให้มั่นใจสนามบินใหม่รับเที่ยวบินขนาดใหญ่ได้แน่นอน และโครงการต่างๆ ที่มีการพูดถึงแม้หากดูรายโครงการอาจคุ้มทุนช้า แต่ถ้าดูองค์รวมผลตอบแทนน่าจะคุ้ม
 
นายเศรษฐากล่าวต่อว่า หากรัฐบาล พท.ผ่านการถวายสัตย์ฯแล้วจะไม่ดูแยกโปรเจ็กต์แต่จะดูองค์รวมทั้งหมด ไม่ใช่แค่พังงา ภูเก็ต จะไปดูถึงระนอง รวมถึงจะไปดูเรื่องหลังบ้านเรื่องสิ่งแวดล้อมต้องทำควบคู่ไปกับการเติบโตของเศรษฐกิจ การดึงดูดนักท่องเที่ยวใหม่ก็สำคัญเช่นกัน สำหรับการท่องเที่ยวด้านสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญที่จะมีการพักอาศัยระยะยาวและมีค่าใช้จ่ายที่ดี แต่ถ้าหลายจังหวัดเปิดพร้อมกันอาจขาดแคลนบุคลากร รัฐบาลก็จะให้ความสำคัญในส่วนนี้ด้วย สำหรับเรื่องของอีวีบัส ผู้ว่าการการท่าระบุติดต่อได้เลยพร้อมทำได้เลย เรื่องคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจรอาจแยกเป็น ครม.เศรษฐกิจ หรือ ครม.มั่นคงเป็นกลุ่มเล็กสะดวกมากกว่า แต่ยืนยันอย่างไรก็จะกลับมาอีก

จากนั้นนายเศรษฐาให้สัมภาษณ์หลังพูดคุยกับผู้ประกอบการว่า มีข้อเสนอที่คล้ายคลึงกับ จ.ภูเก็ต ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐาน สนามบิน เมื่อถามว่า โอกาสสร้างสนามบินที่พังงาจะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน นายเศรษฐากล่าวว่า เป็นเรื่องสำคัญของพรรค พท.ที่จะต้องผลักดันให้เกิดขึ้น
เมื่อถามว่า ในระยะสั้นเราจะนำสนามบินเดิมมาปรับปรุง หรือจัดสร้างสนามบินใหม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ต้องรับฟังความคิดเห็นทั้งหมดก่อน แต่หากจะทำก็อยากให้ดีเลย และเข้าใจว่ามีแผนอยู่แล้ว และมีการกำหนดที่ไว้แล้ว
 
เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กจะส่งต่องานให้ นายเศรษฐากล่าวว่า ขอบคุณ แต่ตนยังไม่ได้อ่านเฟซบุ๊กของ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งตนจะรับไปพิจารณาและมีหลายท่านที่อยู่ในรัฐบาลเดิม ก็จะไปพูดคุยและไปรับฟังงานที่ทำค้างไว้ โดยเฉพาะการลงทุนที่ทำจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นอะไรที่น่าจะสามารถต่อยอดไปได้
 
เมื่อถามว่า แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีที่ พล.อ.ประยุทธ์จะฝากไว้กับรัฐบาลใหม่ พรรค พท.จะสานต่ออย่างไร นายเศรษฐากล่าวว่า ก็ต้องมาดูกันว่าในส่วนไหนที่สามารถทำได้หรือไม่ได้อย่างไร เพราะโลกปัจจุบันก็เปลี่ยนแปลงไปโดยเร็วพอสมควร ซึ่งต้องดูให้ดีก่อน ไม่อยากบอกว่าเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม ย้ำว่าขอศึกษาก่อน



สินค้าจีนถล่มไทย 6 แสนล้าน สู้ไม่ไหว “เกรดต่ำ-ราคาถูก”
https://www.prachachat.net/economy/news-1379121

สินค้าจีนถล่มไทยขาดดุล 6 แสนล้าน ครึ่งปีเพิ่มขึ้น เกินเท่าตัวในช่วงเวลา 4 ปี ส.อ.ท.ชำแหละ 20 สินค้าไทยอ่วมหนักถูกจีนดัมพ์ตลาด ลามสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ “เครื่องใช้ไฟฟ้าคุณภาพต่ำ” อันดับ 1 หวั่นสูญเสียหลายหมื่นล้าน เอสเอ็มอีไทยต้องปรับตัวด่วน
 
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ในการหารือร่วมกับประธานกลุ่มอุตสาหกรรม ส.อ.ท. ทั้ง 45 กลุ่ม ถึงสถานการณ์การผลิตภาคอุตสาหกรรมไทย พบปัญหาการทะลักเข้ามาของสินค้าจีนมาตีตลาดในไทยจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อภาคการผลิต และทำให้ไทยเกิดปัญหาการขาดดุลการค้ากับจีนอย่างมากต่อเนื่องในช่วงหลายปี
 
โดยในผลการศึกษาพบว่า กลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากสินค้าจีนเข้ามาตีตลาด 20 กลุ่มอุตสาหกรรม แบ่งระดับความรุนแรงเป็น 2 ระดับคือ กลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากสินค้าจีนเข้ามาตีตลาด ขยายตัวมากกว่า 10%

ได้แก่ เครื่องจักรกลโลหการ เครื่องจักรกลการเกษตร ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องมือแพทย์ เคมี แก้วและกระจก อาหารและเครื่องดื่ม เนื้อสัตว์ อัญมณีและเครื่องประดับ เยื่อและกระดาษ การพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ ยานยนต์ ชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์ ไม้อัด ไม้บางฯ เซรามิก หัตกรรมสร้างสรรค์ หล่อโลหะ เหล็ก และกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากสินค้าจีนเข้ามาตีตลาด การนำเข้าขยายตัว 5-10% คือ พลาสติกและปิโตรเคมี
 
เศรษฐกิจจีนทรุด ส่งสินค้าถล่มไทย
 
สาเหตุจากการที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าจีน ขณะเดียวกัน ตลาดในประเทศจีนก็ยังไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควร แต่จีนยังคงรักษาระดับการผลิตสินค้าเท่าเดิม เพื่อให้ได้ปริมาณมากต้นทุนต่ำ ดังนั้น สินค้าที่ล้นจากกำลังการผลิตจึงถูกส่งมาที่ตลาดในอาเซียน รวมถึงไทย
 
สินค้าดังกล่าวมีราคาถูก เข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดของผู้ผลิตในไทย ซึ่งตลาดภายในของไทยเองก็ได้รับผลกระทบจากหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูง กำลังซื้อลดลง ขณะที่ตลาดส่งออกของไทยชะลอตัวลงด้วยเช่นกัน นี่จึงทำให้สินค้าจีนที่ขายไม่ออกเข้ามาซ้ำเติมภาคอุตสาหกรรมไทย และทำให้ไทยขาดดุลการค้ากับจีนมากขึ้น
 
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า ตัวเลขการค้าระหว่างประเทศไทย-จีน ย้อนหลังไปถึงปี 2563-ปัจจุบัน พบว่าไทยมีปัญหาขาดดุลการค้ากับจีนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2563 ขาดดุล 640,994 ล้านบาท จากการส่งออก 926,646 ล้านบาท นำเข้า 1,567,640 ล้านบาท ปี 2564 ขาดดุลเพิ่มขึ้นเป็น 954,194 ล้านบาท จากการส่งออก 1,173,761 ล้านบาท นำเข้า 2,127,955 ล้านบาท
 
และปี 2565 ขาดดุล 1,295,247 ล้านบาท จากการส่งออก 1,191,875 ล้านบาท นำเข้า 2,487,122 ล้านบาท และล่าสุดช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 ขาดดุลไปแล้ว 603,197 ล้านบาท จากการส่งออก 603,092 ล้านบาท และนำเข้า 1,206,289 ล้านบาท ซึ่งการขาดดุลในรอบครึ่งปีนี้สูงเทียบเท่ากับปี 2563 ทั้งปี
ลามจัดซื้อจัดจ้าง
 
นางสาวเพชรรัตน์ เอกแสงกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ซึ่งดูแลสายงานมาตรฐานสินค้า เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้ไม่ใช่เพียงมีปัญหาสินค้าจีนเข้ามาตีตลาดในประเทศในระบบตลาดทั่วไปเท่านั้น แต่ยังมีปัญหาเรื่องสินค้าจีนที่ด้อยคุณภาพเข้าไปสวมสิทธิร่วมในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าไม่ได้มาตรฐาน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่