พบกันด้วยโชคชะตา และเลิกลากันด้วยโชคชะตา

สวัสดีครับผมเป็นนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ 1 สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจครับ
อย่างที่ได้กล่าวใว้หัวกระทู้ หลายคนอาจจะงง ๆ กับคำว่า "พบกันด้วยโชคชะตา" นะครับว่าผมหมายถึงอะไร 
สิ่งที่ผมกำลังจะสื่อในความหมายนี้คือ ความรัก นะครับ  ผมได้พบกับเขาเมื่อวันที่ 14 ก.ค 66 เวลา 14:02 
ณ สถานศึกษาหนึ่งขอไม่ออกนาม สถานศึกษานี้เป็นระบบการสอนแบบสายอาชีพ จึงทำให้ระบบการเรียนต่าง ๆ
สอนอย่างปล่อยๆ เลยมีผลตามมาคือ "เรื่องของสิ่งเสพติด ไม่มีมารยาท และการตีต่อยทะเลาะวิวาท" ครับจึงทำให้เรื่องราวนั้นไม่ค่อยจะดีนัก
  *ค่าเทอมนั้นถือว่าค่อนข้างถูกภายในเทอมแรกเนื่องจากถูกลดในระดับปีหนึ่ง (2,000 บาท) พอเข้าสู่ช่วงเทอมถัดมา
ราคาจะเพิ่มขึ้นสองเท่า และพอเข้าสู่ช่วงปีสองจะจ่ายราคาเต็ม โดยประมาณ 8,000 บาท  ซึ่งไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีก 
จึงทำให้ช่วงปีหนึ่งของผม  ขออนุญาติใช้คำไม่สุภาพนะครับ "มีแต่พวกเสี่ยวเข้ามาศึกษาด้วย"

         ภายในสถานศึกษานี้ก็คิดสภาพตามนะครับ นักศึกษาที่มีแต่พวกนักเลง ติดเหล้าติดยาบ้าง วัยรุ่นยี้ใบ อะไรทำนองนั้นแหละครับ
ดังนั้นถ้าหากเข้ามาศึกษาที่นี่แล้ว เวลาจะหาคบคนดี ๆ สักคนจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะคนดี ๆ ส่วนมากโดนคนไม่ดีพาเสียหมด
พอได้อ่านมาถึงตอนนี้แล้ว คงจะมีคนสงสัยว่า "อ่าว แล้วถ้าอย่างงั้นทำไมคนเขียนกระทู้ถึงไม่ไปหาเรียนที่อื่นที่ดี ๆ ล่ะ" 
จริง ๆ ผมก็มีสถานศึกษาดี ๆ ที่ผมได้เล็งใว้ตั้งแต่ต้นแล้ว แต่ได้มีปัญหาขึ้นทำให้เส้นทางที่ผมเลือกใว้นั้นได้เปลี่ยนสาย จึงมาลงเอยที่นี่ครับ 

          ข้าสู่ประเด็นสำคัญของเรื่องกันครับ ผมได้เจอกันผู้หญิงคนหนึ่งในสถานศึกษาแห่งนี้ครับ เขาเป็นคนที่วิเศษมาก ๆ  
เอาซะผมไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะได้เจอคนแบบนี้ในสถานที่สังคมแบบนี้ ทั้งหน้าตาก็ดี นิสัยร่าเริง ยิ้มสวย น่ารัก เรียนก็ค่อนข้างเก่ง (แต่ติดนิสัยขี้เกียจ)
นิสัยเขาเหมือนเด็กครับ เฟรนลี่ เป็นคนงอนยากมาก แคร์ความรู้สึกคนอื่นมากกว่าตัวเองด้วยซ้ำ สำหรับผมถือว่าเป็นผู้หญิงที่เก่งคนนึงเลยครับ
แต่ก็ตามเสต็ปสังคมที่นั่นแหละครับ ผู้หญิงดี + ใสร่าเริง = มีพวกผู้ชายแย่ ๆ จ้องจะมาหลอก หรือรังแก แต่ก็ทำไงได้ครับสถานะของเขา
ก็ไม่ได้ดีอะไรมากมาย รวมทั้งทางด้านครอบครัวของเขาด้วยครับที่มี mindset ไม่ค่อยจะดีนัก  จึงต้องยอมมาอยู่ในสังคมแบบนี้
ทั้งเขาและผมไม่ได้ตั้งใจจะเข้ามาเรียนที่นี่กันทั้งคู่แหละครับ เลยทำให้เราเข้ามาโดยไม่มีเพื่อนที่รู้จักเลยแม้แต่คนเดียว
ผมอยู่ห้อง 1/4 เขาอยู่ห้อง 1/3 เป็นสาขาคอมพิวเตอร์กันทั้งคู่ครับ แต่เพียงแยกห้องกัน  ทางด้านห้องเรียนของผม (1/4)
นั้นก็มีพวกไม่ดีอยู่ครับ แต่พวกนั้นยังมีคำว่ามารยาทครับ เลยไม่ได้คิดอะไรกับพวกนั้น  แต่ทางด้านห้องของเขา (1/3) 
แตกต่างกับผมโดยสิ้นเชิงเลยครับ ทั้งเสียงดัง ไม่มีมารยาท ไม่แคร์ความรู้สึกใครเลย พวกนี้เป็นพวกคิดน้อยทำเยอะครับ แต่ผมติดใจอยู่
อย่างเดียวครับ พวกนี้ชอบรังแกคนที่ผมชอบครับ โดยเฉพาะเวลาที่ผมกับเขาได้อยู่ด้วยกันครับ พวกนี้จะมาแซว มาแกล้ง มาตบหัว
เขา จนเขาเอาเก็บไปซึมคนเดียว (แต่พวกมันไม่กล้าทำอะไรผมเลยครับ คิดเอาครับเก่งกับผู้หญิง)  ผมก็เคยคิดเคลียร์กับพวกนั้นอยู่ครับ
แต่ถ้าหากผมไปทำอะไรไปโดยไม่คิด อย่าลืมนะครับว่าพวกนั้นเป็นคนที่เขาต้องเห็นหน้ากันแทบทุกวันเพราะเรียนห้องเดียวกัน
ดังนั้นถ้าผมตั้งใจจะเคลียร์ให้มันดีขึ้น มันจะกลับกัน เป็นผมเองที่ทำให้ทุกอย่างแย่ลง  ผมเลยทำอะไรไม่ได้ครับ ยกเว้นคอยปลอบเขา
เคยถามเขาอยู่ครับว่า "ไหวไหม ถ้าไม่ไหวทำเรื่องมาย้ายอยู่ห้องเราได้นะ" แต่เขากลับยิ้ม แล้วบอกต่ออีกว่า "ไม่เป็นไรหรอกก ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้"
ใช่ครับ เขาเป็นคนเก็บความรู้สึกเก่งครับ โดยเฉพาะความรู้สึกเครียดที่อยู่ในจิตใจเขา จนบางครั้งบางทีผมก็ต้องถามเขาหลาย ๆ รอบ
จนดูเหมือนผมงี่เง่าไปเลยครับถึงเขาจะยอมบอกความรู้สึกในใจ แต่ผมก็ทำไปด้วยความหวังดีครับ หวังว่าอย่างน้อยก็มีผมคอยรับฟังเขาล่ะครับ
จริง ๆ ผมก็เริ่มชอบเขาตั้งแต่แรกแล้วครับ แต่ผมก็ยังไม่ได้ชอบแบบจริงจังซะทีเดียว   ผมเริ่มชอบเขาจริง ๆ ตั้งแต่ตอนไหนน่ะหรอ 
วันนั้นเป็นวันที่เราสองคนก็เหนื่อยเอาเรื่องเลยครับ เขาบอกกับผมว่า "รู้งี้เราไม่น่าเข้ามาเรียนที่นี่เลย ...  แต่เราดีใจนะที่ได้เจอคุณ" ครับ
ด้วยประโยคนี้นี่แหละ ทำให้ผมคิดจริงจังเลยว่าต้องรักษาคน ๆ นี้เอาใว้ให้ได้    หลังจากที่เราได้คุยกันสักพักผมได้ตัดสินใจบอกชอบเขาครับ
ผลที่ได้คือ เขาชอบผมเหมือนกันครับ ตอนนั้นดีใจมากครับนึกว่าจะได้สมหวังมีความสุขแล้วครับ แต่ดีใจได้ไม่นาน ...
เขาบอกกับผมว่า "แต่คนชอบกันรักกัน ไม่ต้องคบกันก็ได้นะ" ครับเขามีเหตุผลของเขาครับ  ผมก็ยอมรับและเลือกสิ่งที่เขาสบายใจ 
          พอเวลาได้ผ่านไป ผมทนไม่ได้จริง ๆ ครับที่เห็นคนที่ผมรักโดนรังแกเพราะผม และวันนี้วันที่ 25 ส.ค 66 ผมได้เลือกที่จะ
ตัดใจ และ          "เลิกชอบเขาครับ" ผมจะขออยู่ดูแลเขาอยู่ห่าง ๆ และแยกย้ายกันเติบโตครับ  

          ขอบคุณทุก ๆ ท่านเลยนะครับที่อ่านมาจนถึงตอนนี้ และขอบคุณที่มารับฟังเรื่องราวของผม ถ้าหากผมพิมพ์ตกอะไรไปก็ขออภัยด้วยครับ
เพราะนี่เป็นการเขียนแชร์ประสบการณ์ครั้งแรกในชีวิตผม ถ้าหากสงสัยอะไรตรงไหน หรืออยากเสนออะไร สามารถแชร์ความคิดเห็นกันได้นะครับ
  ขอบคุณมาก ๆ ครับ

                                                                                                                                                                                                - Meen

                                   "ถ้าหากแกอ่านกระทู้เราอยู่  ขอบคุณนะ ที่มาเป็นรอยยิ้มให้เรา และสีสันในชีวิตนี้นะเอ๋อ"
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่