เรื่องราวทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริง ที่อยากจะบอกเล่าเผื่อได้เป็นอุทาหรณ์สำหรับใครหลายๆ คน !!!
เริ่มต้นจากฉันอายุ 35 ปี และสามีอายุ 31 ปี เราอยากมีลูกมาก หลังจากที่เราแต่งงานกันมาร่วม 2 ปี ปล่อยตามธรรมชาติ นับวันไข่ตก ทำทุกอย่างก็ยังไม่มีวี่แววที่จะท้องเลย เราจึงตัดสินใจไปปรึกษาคลินิกมีบุตรยากแห่งหนึ่ง เราจึงตกลงที่จะลองทำ IUI (ฉีดเชื้ออสุจิเข้าโพรงมดลูก) เราได้ทำตามขั้นตอนทุกอย่าง ครั้งแรกไม่ประสบความสำเร็จ
- เสียลูกครั้งที่ 1
เราจึงลองทำครั้งที่ 2 สรุปผลครั้งนี้ OK ฉันท้องแล้วววววว ดีใจมาก ก็รีบติดต่อ รพ.เพื่อจะฝากครรภ์ (ตอน 7 week) ก็พบหมอ ตรวจอัลตราซาวด์ ว่าเด็กอยู่การตั้งครรภ์ปกติมั้ย ขนาดเท่าไหร่ หัวใจเต้นมั้ย ทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดี เราก็ดูแลตัวเองเป็นอย่างดี จนก่อนจะถึงวันนัดรอบที่ 2 คือเข้าสู่ 12 week เพียงแค่ 2 วัน ฉันก็ไปทำงานตามปกติแต่มันมีสัญญาณแปลกๆ มีมูกเลือดจางๆ สีชมพูออกมานิดนึง จึงโทรบอกสามี นางก็หาข้อมูลนางบอกว่าดูอันตรายนะ เราจึงตัดสินใจไป รพ.ที่ใกล้ที่สุด หมอก็อัลตราซาวด์แล้วพบว่าหัวใจน้องหยุดเต้นไปแล้ว และตัวน้องเองหยุดการเจริญเติบโตไปตอน 8 week บอกเลยว่าช็อคสุด ๆ ส่วนสามีร้องไห้ออกมาแบบไม่อายหมอเลย ฉันก็อยากจะร้องนะ แต่ต้องตั้งสติเพื่อฟังหมอก่อนว่าเราจะต้องทำยังไงต่อไปบ้าง หมอจึงนัดขูดมดลูกในวันรุ่งขึ้น เมื่อมาถึงเช้าวันใหม่ที่ไม่สดใสของเรา เราก็ไปพบหมอเตรียมตัว งดน้ำ งดอาหาร รอเข้าห้องผ่าตัดตอนเที่ยง ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากและผ่านไปได้ด้วยดี บ่าย 2 ฉันก็กลับมาที่ห้องพักฟื้น มึนยาสลบ เบลอไปหมด แต่รู้สึกว่าเจ็บช่องคลอดมาก ปวดๆ ตึงๆ ขยับตัวลำบาก ส่วนสภาพจิตใจไม่ต้องพูดถึง เศร้ามากเสียใจมาก ใครมาหา ใครมาเยี่ยมฉันร้องไห้ใส่หมดเลย เพื่อนบางคนก็น่ารัก ร้องไห้เป็นเพื่อนเรา เหมือนเป็นความรู้สึกที่สูญเสียครั้งแรกอะเนอะเลยไม่รู้ว่าจะรับยังไง ฉันนอนอยู่ รพ. 1 คืน หมอก็มาดูอาการว่าเราโอเคนะ ปลอดภัยกลับบ้านได้ แล้วนัดติดตามอาการในอีก 7 วัน เราก็ทำตามที่หมอบอกทุกอย่าง คำแรกที่เราถามหมอคือ เราต้องพักนานแค่ไหนถึงจะมีลูกครั้งต่อไป หมอให้คำแนะนำดีมาก ให้เราพักสัก 2 - 3 เดือน แล้วรอประจำเดือนมาปกติ พอรอบถัดไปวันไข่ตกก็มีได้เลย เราก็ทำตามคำแนะนำนะ
- เสียลูกครั้งที่ 2
แล้วผลปรากฏว่าฉันตั้งท้องรอบที่ 2 จริงๆ ดีใจสุดๆๆๆ คราวนี้ฉันระมัดระวังตัวมากขึ้น สังเกตุตัวเองมากขึ้น อะไรที่เสี่ยง ไม่ทำเลย แล้วเราก็ไปฝากครรภ์เหมือนเดิม คราวนี้ไปตอนอายุครรภ์ 8 week หมอบอกทุกอย่างโอเคนะ แล้วก็นัดตามแต่ละ week มาเรื่อยๆ ทุกอย่างปกติดี เป็นไปตามเกณฑ์ ทั้งน้ำหนัก ขนาด ผลตรวจโครโมโซมก็ปกติ และตรวจได้ว่าเราได้ลูกชาย คราวนี้นะดีใจทั้งบ้าน ทั้งฝั่งปู่ย่าและตายาย ฉันปฏิบัติตามหมอแนะนำทุกอย่าง ดูแลตัวเองเป็นอย่างดี กินยาบำรุงครบตามหมอสั่งทุกประการ จนคิดว่าไม่น่าจะมีอะไรแล้วแหละ เพราะตอนนี้อายุครรภ์ 26 w 5 d ท้องใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ น้ำหนักตัวโอเคมาก และแล้วก็มีสัญญาณบางอย่างคือ ปกติลูกจะตอดๆ ดิ้นๆ นิดหน่อย ตามเวลาตลอด หลังกินข้าวกินของหวานหรือเวลานอน แต่วันนั้นเช้าวันอาทิตย์ ลูกไม่ตอด ไม่ดิ้นไม่ดุ๊กดิ๊กเลย ก็ยังไม่เอะใจ คิดว่าลูกหลับมั้ง ก็รอกลางวัน ก็ยังเงียบ พอเย็นจึงตัดสินใจโทรไป รพ. พยาบาลบอกว่าถ้าไม่แน่ใจให้รีบมาพบหมอเลย ก็กะว่าจะไป รพ.แล้วล่ะ แต่สามีอ่ะมาจับท้องแล้วบอกว่ารู้สึกตอดๆ ดุ๊กๆ นิดนึงแบบทีสองที เราก็รู้สึกนิดหน่อยจริงๆ ก็เลยคิดว่าคงตื่นแล้วและเห็นว่าดึกแล้วด้วย จึงไม่ไปในคืนนั้น รอไปตอนเช้า แจ้งพยาบาลว่าอาการเป็นอย่างไร พยาบาลคนแรกก็เข้ามาซาวด์ วนอยู่นานมากเสียงหัวใจลูกก็ไม่มี จึงไปตามพยาบาลคนที่ 2 ก็ไม่เจอ จึงไปตามพยาบาลคนที่ 3 ก็เงียบอีก จึงไปตามหมอมาตรวจ ในห้องอัลตราซาวด์ ภาพก็เห็นลูกนอนปกติ แต่ครั้งนี้ไม่เห็นหัวใจเต้นกระพริบๆ เหมือนทุกครั้ง วินาทีนั้นฉันรู้ทันทีว่าหมอจะพูดอะไร น้ำตาไหลนำมาก่อนเลยจ้าาา พอหมอเปิดเสียงสัญญาณชีพ ทุกอย่างเงียบสนิท แล้วประโยคที่หมอพูด "ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับคุณแม่ เด็กหัวใจหยุดเต้นแล้วครับ" เป็นคำพูดที่ไม่อยากได้ยินเลย พยายามกลั้นน้ำตาไว้ แล้วเดินออกไปเงียบๆ นั่งข้างๆ สามีที่รออยู่ด้านนอก พอบอกปุ๊ป สามีก็ร้องไห้ออกมาเลย ฉันจึงบอกให้เค้าหยุดร้องก่อน แล้วเราเดินเข้าไปฟังหมอด้วยกันว่าเราจะต้องทำยังไง เราจะทำการรักษาวิธีไหน ถ้าเราไม่มีสติ เราจะไปต่อไม่ได้นะ หมออัลตราซาวด์ดูว่าเด็กอยู่ในท่าไหน จะยุติการตั้งครรภ์นี้อย่างไร จึงได้ข้อสรุปว่า หมอให้มาเหน็บยาตอน 8 โมงเช้าวันพุธ เหน็บยาเพื่อให้ปากมดลูกนุ่มขึ้นจะได้ขยายง่ายๆ เรา 2 คนกลับบ้านกันแบบลอย ๆ ต่างคนต่างเงียบ สับสน กังวล โทรบอกที่บ้านทุกคนเศร้าเสียใจกับเหตุการณ์ที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่ทุกคนก็ให้กำลังใจนะ พอถึงวันพุธเช้า สามีไปส่งหน้าห้องคลอด ฉันก็เข้าไปทำการเหน็บยา หมอก็ชี้แจงแหละว่าเราจะมีอาการยังไง เป็นยังไง เราก็เตรียมใจเลย แล้วก็เป็นอย่างที่หมอบอกจริงๆ หลังจากเหน็บยารอบแรก ชม.นึงก็เริ่มปวดแต่อยู่ในระดับที่ทนได้ (คล้ายปวดประจำเดือน) แต่ระดับความปวดค่อยๆ เพิ่มขึ้นตามเวลา เหน็บยาตอน 8 โมงเช้า จนถึงบ่าย 2 หมอมาตรวจปากมดลูกก็ยังไม่เปิด หมอก็เหน็บยารอบ 2 ให้ คราวนี้ปวดมากขึ้นไปอีกเรื่อยๆๆๆๆ พอเวลา 19.00 น. เริ่มมีเลือดออกแบบเยอะมาก พยาบาลก็ตรวจดูพบว่าปากมดลูกเปิด 3 เซนแล้ว ซึ่งต้องรอให้เปิดเต็มที่คือ 10 เซนก่อน ฉันก็คิดนะอีก 7 เซนจะกี่ ชม.กัน เริ่มปวดมากไม่ไหวจากนอนกลิ้งไปมา เป็นเริ่มส่งเสียงครวญคราง พอเวลา 20.20 น. พยาบาลก็มาตรวจดูพบว่า ปากมดลูกเปิดเต็มที่แล้วจึงโทรตามหมอ แล้วให้ฉันเริ่มเบ่งเวลาที่รู้สึกปวดมากๆและท้องแข็ง ฉันหายใจเข้าลึกๆ แล้วเบ่งเป็น 10 ที ก็จะไม่ออก ความปวดเริ่มทวีคูณเรื่อยๆ จนฉันรู้สึกจะหมดแรง มือชา เท้าชา เหงื่อแตก แต่รู้สึกหนาวมาก พยาบาลดูแลดีมาก เอายามาให้ดม คอยเช็ดหน้าตาให้ คอยให้กำลังใจ แต่ตอนนั้นฉันได้แต่พูดกับลูกว่าออกมาเถอะ แม่ทรมาน ไว้ลูกพร้อมมาเกิดใหม่นะ หลังจากฉันพูดอย่างนั้นเสร็จไม่ถึง 5 นาที ฉันรู้สึกตุงๆ หนักๆ เหมือนปวดอึ จึงรวบรวมแรงทั้งหมดเบ่ง ลูกออกมาแล้วแต่น้องเอาก้นออกจึงทำให้หัวติด พยาบาลบอกให้ฉันเบ่งอีก ลูกจะออกแล้วค่ะคุณแม่ ฉันหายใจเข้าลึกๆ แล้วเบ่งสุดแรงที่มีในตอนนั้น คราวนี้ลูกออกมาครบ แต่รกยังไม่ออก พยาบาลก็มานวดท้องแล้วกดเผื่อให้รกออกมาให้หมด (สาเหตุการเสียชีวิตของลูกคือ สายรก หรือสายสะดือ พันกันแน่นเป็นเกลียวถี่ๆ ทำให้ลูกขาดอากาศ) แล้วจากนั้นฉันก็เป็นลมหลับไปเลย ความเจ็บปวดที่ทรมานมาตลอด 12 ชม.กว่าๆ นั้นหายไป ฉันตื่นมาอีกทีก็ดึกแล้ว เหนื่อยล้า เศร้า เสียใจเสียดาย ก็พยายามหลับนะ แต่มันยังรู้สึก งง ๆ สับสน หลับๆ ตื่นจนเช้า หมอก็ตรวจว่าร่างกายโอเค ไม่มีอะไรแทรกซ้อนให้กลับบ้านพักผ่อนได้ แล้วนัดติดตามอาการภายหลังต่อไป ส่วนศพลูกที่เสียชีวิตนั้น ทาง รพ.จัดการห่อให้ ออกใบเพื่อไปวัดให้ ฉันต้องอุ้มกล่องลูกที่ไม่มีลมหายใจกลับออกไป ภาพที่ฉันและสามีเคยวาดไว้ เตรียมการไว้ ไม่ใช่แบบนี้เลย เราพาลูกไปวัดใกล้ ๆ พระท่านก็จัดการให้ เราทำพิธีตามศาสนา ไปก็ร้องไห้ไป ทางวัดบอกเช้าค่อยมาเก็บกระดูก ทุกอย่างเกิดขึ้นไปอย่างรวดเร็ว พยายามทำใจ ยอมรับกับสิ่งเกิดขึ้น แต่มันก็เจ็บปวดอยู่นะ ระยะเวลาห่างกันไม่กี่เดือน จากนี้คงพักไปก่อน กลัวการสูญเสียอีก จึงอยากเตือนทุกคนว่าอย่าประมาทเลย ถ้ารู้สึกผิดปกติควรไปหาหมอทันที อย่ารอเวลาแบบเราเลย ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบนะคะ
ประสบการณ์ (ที่ไม่ได้อยากเจอ) เสียลูก 2 คน ภายใน 1 ปี
เริ่มต้นจากฉันอายุ 35 ปี และสามีอายุ 31 ปี เราอยากมีลูกมาก หลังจากที่เราแต่งงานกันมาร่วม 2 ปี ปล่อยตามธรรมชาติ นับวันไข่ตก ทำทุกอย่างก็ยังไม่มีวี่แววที่จะท้องเลย เราจึงตัดสินใจไปปรึกษาคลินิกมีบุตรยากแห่งหนึ่ง เราจึงตกลงที่จะลองทำ IUI (ฉีดเชื้ออสุจิเข้าโพรงมดลูก) เราได้ทำตามขั้นตอนทุกอย่าง ครั้งแรกไม่ประสบความสำเร็จ
- เสียลูกครั้งที่ 1
เราจึงลองทำครั้งที่ 2 สรุปผลครั้งนี้ OK ฉันท้องแล้วววววว ดีใจมาก ก็รีบติดต่อ รพ.เพื่อจะฝากครรภ์ (ตอน 7 week) ก็พบหมอ ตรวจอัลตราซาวด์ ว่าเด็กอยู่การตั้งครรภ์ปกติมั้ย ขนาดเท่าไหร่ หัวใจเต้นมั้ย ทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดี เราก็ดูแลตัวเองเป็นอย่างดี จนก่อนจะถึงวันนัดรอบที่ 2 คือเข้าสู่ 12 week เพียงแค่ 2 วัน ฉันก็ไปทำงานตามปกติแต่มันมีสัญญาณแปลกๆ มีมูกเลือดจางๆ สีชมพูออกมานิดนึง จึงโทรบอกสามี นางก็หาข้อมูลนางบอกว่าดูอันตรายนะ เราจึงตัดสินใจไป รพ.ที่ใกล้ที่สุด หมอก็อัลตราซาวด์แล้วพบว่าหัวใจน้องหยุดเต้นไปแล้ว และตัวน้องเองหยุดการเจริญเติบโตไปตอน 8 week บอกเลยว่าช็อคสุด ๆ ส่วนสามีร้องไห้ออกมาแบบไม่อายหมอเลย ฉันก็อยากจะร้องนะ แต่ต้องตั้งสติเพื่อฟังหมอก่อนว่าเราจะต้องทำยังไงต่อไปบ้าง หมอจึงนัดขูดมดลูกในวันรุ่งขึ้น เมื่อมาถึงเช้าวันใหม่ที่ไม่สดใสของเรา เราก็ไปพบหมอเตรียมตัว งดน้ำ งดอาหาร รอเข้าห้องผ่าตัดตอนเที่ยง ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากและผ่านไปได้ด้วยดี บ่าย 2 ฉันก็กลับมาที่ห้องพักฟื้น มึนยาสลบ เบลอไปหมด แต่รู้สึกว่าเจ็บช่องคลอดมาก ปวดๆ ตึงๆ ขยับตัวลำบาก ส่วนสภาพจิตใจไม่ต้องพูดถึง เศร้ามากเสียใจมาก ใครมาหา ใครมาเยี่ยมฉันร้องไห้ใส่หมดเลย เพื่อนบางคนก็น่ารัก ร้องไห้เป็นเพื่อนเรา เหมือนเป็นความรู้สึกที่สูญเสียครั้งแรกอะเนอะเลยไม่รู้ว่าจะรับยังไง ฉันนอนอยู่ รพ. 1 คืน หมอก็มาดูอาการว่าเราโอเคนะ ปลอดภัยกลับบ้านได้ แล้วนัดติดตามอาการในอีก 7 วัน เราก็ทำตามที่หมอบอกทุกอย่าง คำแรกที่เราถามหมอคือ เราต้องพักนานแค่ไหนถึงจะมีลูกครั้งต่อไป หมอให้คำแนะนำดีมาก ให้เราพักสัก 2 - 3 เดือน แล้วรอประจำเดือนมาปกติ พอรอบถัดไปวันไข่ตกก็มีได้เลย เราก็ทำตามคำแนะนำนะ
- เสียลูกครั้งที่ 2
แล้วผลปรากฏว่าฉันตั้งท้องรอบที่ 2 จริงๆ ดีใจสุดๆๆๆ คราวนี้ฉันระมัดระวังตัวมากขึ้น สังเกตุตัวเองมากขึ้น อะไรที่เสี่ยง ไม่ทำเลย แล้วเราก็ไปฝากครรภ์เหมือนเดิม คราวนี้ไปตอนอายุครรภ์ 8 week หมอบอกทุกอย่างโอเคนะ แล้วก็นัดตามแต่ละ week มาเรื่อยๆ ทุกอย่างปกติดี เป็นไปตามเกณฑ์ ทั้งน้ำหนัก ขนาด ผลตรวจโครโมโซมก็ปกติ และตรวจได้ว่าเราได้ลูกชาย คราวนี้นะดีใจทั้งบ้าน ทั้งฝั่งปู่ย่าและตายาย ฉันปฏิบัติตามหมอแนะนำทุกอย่าง ดูแลตัวเองเป็นอย่างดี กินยาบำรุงครบตามหมอสั่งทุกประการ จนคิดว่าไม่น่าจะมีอะไรแล้วแหละ เพราะตอนนี้อายุครรภ์ 26 w 5 d ท้องใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ น้ำหนักตัวโอเคมาก และแล้วก็มีสัญญาณบางอย่างคือ ปกติลูกจะตอดๆ ดิ้นๆ นิดหน่อย ตามเวลาตลอด หลังกินข้าวกินของหวานหรือเวลานอน แต่วันนั้นเช้าวันอาทิตย์ ลูกไม่ตอด ไม่ดิ้นไม่ดุ๊กดิ๊กเลย ก็ยังไม่เอะใจ คิดว่าลูกหลับมั้ง ก็รอกลางวัน ก็ยังเงียบ พอเย็นจึงตัดสินใจโทรไป รพ. พยาบาลบอกว่าถ้าไม่แน่ใจให้รีบมาพบหมอเลย ก็กะว่าจะไป รพ.แล้วล่ะ แต่สามีอ่ะมาจับท้องแล้วบอกว่ารู้สึกตอดๆ ดุ๊กๆ นิดนึงแบบทีสองที เราก็รู้สึกนิดหน่อยจริงๆ ก็เลยคิดว่าคงตื่นแล้วและเห็นว่าดึกแล้วด้วย จึงไม่ไปในคืนนั้น รอไปตอนเช้า แจ้งพยาบาลว่าอาการเป็นอย่างไร พยาบาลคนแรกก็เข้ามาซาวด์ วนอยู่นานมากเสียงหัวใจลูกก็ไม่มี จึงไปตามพยาบาลคนที่ 2 ก็ไม่เจอ จึงไปตามพยาบาลคนที่ 3 ก็เงียบอีก จึงไปตามหมอมาตรวจ ในห้องอัลตราซาวด์ ภาพก็เห็นลูกนอนปกติ แต่ครั้งนี้ไม่เห็นหัวใจเต้นกระพริบๆ เหมือนทุกครั้ง วินาทีนั้นฉันรู้ทันทีว่าหมอจะพูดอะไร น้ำตาไหลนำมาก่อนเลยจ้าาา พอหมอเปิดเสียงสัญญาณชีพ ทุกอย่างเงียบสนิท แล้วประโยคที่หมอพูด "ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับคุณแม่ เด็กหัวใจหยุดเต้นแล้วครับ" เป็นคำพูดที่ไม่อยากได้ยินเลย พยายามกลั้นน้ำตาไว้ แล้วเดินออกไปเงียบๆ นั่งข้างๆ สามีที่รออยู่ด้านนอก พอบอกปุ๊ป สามีก็ร้องไห้ออกมาเลย ฉันจึงบอกให้เค้าหยุดร้องก่อน แล้วเราเดินเข้าไปฟังหมอด้วยกันว่าเราจะต้องทำยังไง เราจะทำการรักษาวิธีไหน ถ้าเราไม่มีสติ เราจะไปต่อไม่ได้นะ หมออัลตราซาวด์ดูว่าเด็กอยู่ในท่าไหน จะยุติการตั้งครรภ์นี้อย่างไร จึงได้ข้อสรุปว่า หมอให้มาเหน็บยาตอน 8 โมงเช้าวันพุธ เหน็บยาเพื่อให้ปากมดลูกนุ่มขึ้นจะได้ขยายง่ายๆ เรา 2 คนกลับบ้านกันแบบลอย ๆ ต่างคนต่างเงียบ สับสน กังวล โทรบอกที่บ้านทุกคนเศร้าเสียใจกับเหตุการณ์ที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่ทุกคนก็ให้กำลังใจนะ พอถึงวันพุธเช้า สามีไปส่งหน้าห้องคลอด ฉันก็เข้าไปทำการเหน็บยา หมอก็ชี้แจงแหละว่าเราจะมีอาการยังไง เป็นยังไง เราก็เตรียมใจเลย แล้วก็เป็นอย่างที่หมอบอกจริงๆ หลังจากเหน็บยารอบแรก ชม.นึงก็เริ่มปวดแต่อยู่ในระดับที่ทนได้ (คล้ายปวดประจำเดือน) แต่ระดับความปวดค่อยๆ เพิ่มขึ้นตามเวลา เหน็บยาตอน 8 โมงเช้า จนถึงบ่าย 2 หมอมาตรวจปากมดลูกก็ยังไม่เปิด หมอก็เหน็บยารอบ 2 ให้ คราวนี้ปวดมากขึ้นไปอีกเรื่อยๆๆๆๆ พอเวลา 19.00 น. เริ่มมีเลือดออกแบบเยอะมาก พยาบาลก็ตรวจดูพบว่าปากมดลูกเปิด 3 เซนแล้ว ซึ่งต้องรอให้เปิดเต็มที่คือ 10 เซนก่อน ฉันก็คิดนะอีก 7 เซนจะกี่ ชม.กัน เริ่มปวดมากไม่ไหวจากนอนกลิ้งไปมา เป็นเริ่มส่งเสียงครวญคราง พอเวลา 20.20 น. พยาบาลก็มาตรวจดูพบว่า ปากมดลูกเปิดเต็มที่แล้วจึงโทรตามหมอ แล้วให้ฉันเริ่มเบ่งเวลาที่รู้สึกปวดมากๆและท้องแข็ง ฉันหายใจเข้าลึกๆ แล้วเบ่งเป็น 10 ที ก็จะไม่ออก ความปวดเริ่มทวีคูณเรื่อยๆ จนฉันรู้สึกจะหมดแรง มือชา เท้าชา เหงื่อแตก แต่รู้สึกหนาวมาก พยาบาลดูแลดีมาก เอายามาให้ดม คอยเช็ดหน้าตาให้ คอยให้กำลังใจ แต่ตอนนั้นฉันได้แต่พูดกับลูกว่าออกมาเถอะ แม่ทรมาน ไว้ลูกพร้อมมาเกิดใหม่นะ หลังจากฉันพูดอย่างนั้นเสร็จไม่ถึง 5 นาที ฉันรู้สึกตุงๆ หนักๆ เหมือนปวดอึ จึงรวบรวมแรงทั้งหมดเบ่ง ลูกออกมาแล้วแต่น้องเอาก้นออกจึงทำให้หัวติด พยาบาลบอกให้ฉันเบ่งอีก ลูกจะออกแล้วค่ะคุณแม่ ฉันหายใจเข้าลึกๆ แล้วเบ่งสุดแรงที่มีในตอนนั้น คราวนี้ลูกออกมาครบ แต่รกยังไม่ออก พยาบาลก็มานวดท้องแล้วกดเผื่อให้รกออกมาให้หมด (สาเหตุการเสียชีวิตของลูกคือ สายรก หรือสายสะดือ พันกันแน่นเป็นเกลียวถี่ๆ ทำให้ลูกขาดอากาศ) แล้วจากนั้นฉันก็เป็นลมหลับไปเลย ความเจ็บปวดที่ทรมานมาตลอด 12 ชม.กว่าๆ นั้นหายไป ฉันตื่นมาอีกทีก็ดึกแล้ว เหนื่อยล้า เศร้า เสียใจเสียดาย ก็พยายามหลับนะ แต่มันยังรู้สึก งง ๆ สับสน หลับๆ ตื่นจนเช้า หมอก็ตรวจว่าร่างกายโอเค ไม่มีอะไรแทรกซ้อนให้กลับบ้านพักผ่อนได้ แล้วนัดติดตามอาการภายหลังต่อไป ส่วนศพลูกที่เสียชีวิตนั้น ทาง รพ.จัดการห่อให้ ออกใบเพื่อไปวัดให้ ฉันต้องอุ้มกล่องลูกที่ไม่มีลมหายใจกลับออกไป ภาพที่ฉันและสามีเคยวาดไว้ เตรียมการไว้ ไม่ใช่แบบนี้เลย เราพาลูกไปวัดใกล้ ๆ พระท่านก็จัดการให้ เราทำพิธีตามศาสนา ไปก็ร้องไห้ไป ทางวัดบอกเช้าค่อยมาเก็บกระดูก ทุกอย่างเกิดขึ้นไปอย่างรวดเร็ว พยายามทำใจ ยอมรับกับสิ่งเกิดขึ้น แต่มันก็เจ็บปวดอยู่นะ ระยะเวลาห่างกันไม่กี่เดือน จากนี้คงพักไปก่อน กลัวการสูญเสียอีก จึงอยากเตือนทุกคนว่าอย่าประมาทเลย ถ้ารู้สึกผิดปกติควรไปหาหมอทันที อย่ารอเวลาแบบเราเลย ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบนะคะ