สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 21
ตกงานในอายุเท่ากันเลยค่ะ เราเคว้งเหมือนกันนะคะแรกๆ พยายามหางาน แต่เรามีปัญหามากกว่าคุณอีก คือ เรามีปัญหาข้อเข่าเสื่อม ต้องใช้รถเข็น ดังนั้น การหางานยิ่งยากหนักขึ้นไปอีก สุดท้าย ยังมีความโชคดีอยู่นิดนึง ที่ยังพอขับรถได้ เพราะข้อเสื่อมด้านซ้าย แต่ใช้ขาขวาขับรถ พี่ชายขาดคนขับรถรับ-ส่งลูกพอดี เขาเลยจ้างให้ไปรับ-ส่งหลาน และให้ค่าน้ำมัน ค่าเสื่อมของรถ มาเดือนละ 10000 บาท ซึ่งพอดีกับค่าใช้จ่ายมาก แต่มีอีกโอกาสที่ผ่านมาให้คว้าค่ะ เรารับจ้างแปลภาษา ซึ่งก็มีงานบ้างประปรายในแต่ละเดือน
เราอยากให้คุณลองมองรอบๆ ตัวว่าคุณสามารถทำอะไรได้อีกบ้าง ลองจับมันมาเป็นโอกาสดูค่ะ
ปล. เราหนักกว่าคุณตรงที่ ไม่มีเงินเก็บเยอะ แต่ต้องจ่ายค่ารักษาสุขภาพ ซ่อมร่างทุกๆ 2-4 เดือน จนบางทีเคยนึกท้อนะคะ ปัจจุบันก็ยังท้อเป็นบางเวลา เตรียมแผนแล้วว่า ถ้ามันอับจนหนทางหนักเข้า ก็ลาล่ะค่ะ
เราอยากให้คุณลองมองรอบๆ ตัวว่าคุณสามารถทำอะไรได้อีกบ้าง ลองจับมันมาเป็นโอกาสดูค่ะ
ปล. เราหนักกว่าคุณตรงที่ ไม่มีเงินเก็บเยอะ แต่ต้องจ่ายค่ารักษาสุขภาพ ซ่อมร่างทุกๆ 2-4 เดือน จนบางทีเคยนึกท้อนะคะ ปัจจุบันก็ยังท้อเป็นบางเวลา เตรียมแผนแล้วว่า ถ้ามันอับจนหนทางหนักเข้า ก็ลาล่ะค่ะ
ความคิดเห็นที่ 83
ข้อเสียของสังคมไทย คือ ชอบตีกรอบความสามารถคนด้วยอายุ นี่มาอยู่ออสเตรเลีย ในเรซูเม่ไม่จำเป็นต้องเขียนอายุ และไม่ต้องใส่รูป ใส่แค่ประสบการณ์ทำงาน มาสมัครงานก็ไม่มีใครถามว่าอายุเท่าไร ถ้าเราทำงานให้เค้าได้ เค้าก็รับ อยู่ที่นี่เห็นคุณลุงคุณป้าอายุ 50-60-70 ยังทำงานกันอยู่เลย บ้างก็ขับอูเบอร์ บางคนเป็นพนักงานขายของในห้าง เมื่อไหร่เมืองไทยจะเลิกใช้อายุเป็นตัวตัดสินสมรรถภาพของคนซักที
ความคิดเห็นที่ 16
ส่งกำลังใจมาให้ค่ะ รักษาใจอย่าให้ตก คนรอบตัวเราถูกเลิกจ้างหลายคน เงินเดือนเป็นแสน ภาระก็มี เงินเก็บต้องค่อยๆเอามาใช้ พวกเขายังไม่ได้กลับไปทำงานตั้งแต่ก่อนโควิดแล้วค่ะ ในทึ่สุดอาจจะต้องสร้างอาชีพเอง
ลองเปลี่ยนความคิดดูค่ะ ถ้าเก่งเลข เก่งภาษา รับติวเด็กๆก็ได้ค่ะ อาชีพขายอาหารเราไม่เห็นด้วยสำหรับผู้ใหญ่ เพราะมันใช้แรงเกินร่างกายจะสู้ไหว ถ้าที่บ้านมีที่ว่างลองปลูกผักดูก็ได้ค่ะ
ชีวิตเป็นของมีค่า ถ้าคุณยังไม่เจ็บป่วยหนักหนา ขอให้คิดว่านั่นโชคดีที่สุดแล้วค่ะ ตอนนี้ก็พักผ่อนบ้าง ดูแลสุขภาพกายใจให้ดี ดูหนังดูละคร ทำสิ่งที่เราทำไม่ได้ตอนมีงานประจำ เช่นนั่งรถไฟฟ้าไปห้างนอกเมือง ตอนกลางวัน วันทำงาน เราจะมองโลกต่างไปจากเดิมค่ะ ชีวิตมึหลายมิติงานประจำเป็นเพียงเครื่องมือหาเงินดำรงชีวิต สุดท้ายทุกคนก็ต้องออกจากงานเมื่อหกสิบ(more or less) คุณได้เวลาคืนมาเร็วกว่าคนอื่น ใช้ให้คุ้มค่า อย่ามัวกลุ้มใจ
ลองเปลี่ยนความคิดดูค่ะ ถ้าเก่งเลข เก่งภาษา รับติวเด็กๆก็ได้ค่ะ อาชีพขายอาหารเราไม่เห็นด้วยสำหรับผู้ใหญ่ เพราะมันใช้แรงเกินร่างกายจะสู้ไหว ถ้าที่บ้านมีที่ว่างลองปลูกผักดูก็ได้ค่ะ
ชีวิตเป็นของมีค่า ถ้าคุณยังไม่เจ็บป่วยหนักหนา ขอให้คิดว่านั่นโชคดีที่สุดแล้วค่ะ ตอนนี้ก็พักผ่อนบ้าง ดูแลสุขภาพกายใจให้ดี ดูหนังดูละคร ทำสิ่งที่เราทำไม่ได้ตอนมีงานประจำ เช่นนั่งรถไฟฟ้าไปห้างนอกเมือง ตอนกลางวัน วันทำงาน เราจะมองโลกต่างไปจากเดิมค่ะ ชีวิตมึหลายมิติงานประจำเป็นเพียงเครื่องมือหาเงินดำรงชีวิต สุดท้ายทุกคนก็ต้องออกจากงานเมื่อหกสิบ(more or less) คุณได้เวลาคืนมาเร็วกว่าคนอื่น ใช้ให้คุ้มค่า อย่ามัวกลุ้มใจ
แสดงความคิดเห็น
อายุ 50 กว่านี่หางานยากจัง
เงินทุนก็จะหมดในเร็ววันนี้ คิดไม่ตก ว่าจะเอาไงดีกับชีวิต บางทีก็คิดเหมือนกัน ว่าการตายไป คงไม่ลำบาก และเข่าใจแล้วว่าทำไม คนเขาถึงเลือกความตาย เพราะง่ายจบ เป็นปัญหาของคนอื่น ไม่ใช่ของเราแล้ว แต่ก็ต้องอดทน
ไปสมัครงานที่เขารับผู้สูงอายุ ชองบริษัทฯดังๆ ทั้งหลายแหล่ ที่โฆษณากันโครมๆ ว่ารับผู้สูงอายุ พอคุยคือต้องอายุ 60 ปีขึ้นไป เท่านั้น
ก็เลยรู้สึกว่า เราก็พยายามหางาน ไม่ติดหัวโขนใดๆ ก็ไม่มีใครอยากรับเลย เป็นช่วงวัยที่น่าสมเพชจัง เรี่ยวแรงยังมี แต่ดูเหมือนผลักให้ออกมาเป็นคนหาเช้ากินค่ำ หรือ หาเท่าไหร่ ก็อาจจะไม่พอกิน รำพึง รำพัน กับอนาคตที่มึดมนลง กำลังใจก็แห้งเหี่ยวไป อยากทำงานมั๊ย อยากทำ แต่ เฮ้อ