24 ส.ค.2566 - นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ได้เผยแพร่เนื้อหาของการจัดรายการประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "น่ายินดี?" เมื่อวันที่ 23 ส.ค.2566 โดยระบุถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร ถูกนำตัวไป ส่ง รพ.ตำรวจในกลางดึกวันที่ 22 ส.ค.ว่า เกิดความสงสัยว่า เรือนจำนำตัวออกนอกเรือนจำในเวลาใดกันแน่ เพราะบางข่าวรายงานเวลา 4 ทุ่ม และบางส่วนบอกเวลาตีหนึ่ง ซึ่งต้องตรวจสอบจากภาพถ่ายของเรือนจำกัน อีกอย่างอาการป่วยถึงขั้นต้องไป รพ.ตำรวจ หรือไม่ ถ้าเจ็บป่วยจริง กระบวนการรักษาจะว่าอย่างไร
นายจตุพร กล่าวว่า ตลอดช่วงทักษิณ เดินทางกลับมาไทยนั้น ได้มีการโพสต์ไปตรวจร่างกายเป็นระยะ ถ้าป่วยจริงถึง 4 โรคใหญ่ ไม่ว่าโรคหัวใจ ปอด ความดัน และหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท บรรดาญาติพี่น้อง หรือคนในครอบครัวต้องห้ามกลับ เพราะการเข้าอยู่ในเรือนจำสุ่มเสี่ยงต่อชีวิตอย่างยิ่ง
“หากยังจำที่เคยพูดถึงยุทธการฟ้าใสกันได้แล้ว เหตุการณ์ของทักษิณกลับไทยเข้าตามปฏิบัติการเลย เพราะตามยุทธการนี้ โดยจะแสดงถึงทุกอย่างดีไปหมด และให้ได้ทุกสิ่งอย่างตามต้องการ โดยสังเกตจากถ้าเป็นนักโทษเด็ดขาดต้องถูกคุมขังในเรือนจำแดนแรกรับตัว แต่นักโทษใหม่อย่างทักษิณ กลับได้เริ่มติดคุกที่อาคารพยาบาล แดน 7 ซึ่งปรับปรุงห้องใหม่ให้กว้างขวางไว้รองรับ”นายจตุพรกล่าวและว่า ปฏิบัติการของยุทธการฟ้าใสได้สำแดงเดชอย่างสำคัญที่สุด ด้วยเริ่มจากติดคุก ไป รพ.ตำรวจ แล้วจะไป รพ.เอกชน จากนั้นอ้างถึงความเชี่ยวชาญของหมอเฉพาะทางเพื่อไปนอน รพ.เอกชน แม้ก่อนหน้านี้มีนักโทษมีชื่อเสียงได้เคยใช้เส้นทางแบบนี้บ้าง แต่ไม่ได้มากมายอะไร ดังนั้น หากมีการตรวจสอบจะยิ่งเพิ่มความน่าสงสัยมากขึ้น
นายจตุพรกล่าวอีกว่า แปลกใจคือ ก่อนเดินทางกลับไทยของทักษิณ ไม่มีใครได้ยินถึงโรค 4 โรคดังกล่าวเลย หากเป็นโรคเช่นนี้น ต้องมีการห้ามปรามไม่ให้กลับมาติดคุก เพราะอันตราย แต่เมื่อกลับมาเข้าเรือนจำ กรมราชทัณฑ์แถลงข่าวถึง 4 โรคกลุ่มเปราะบางดังกล่าว จากนั้นนายวิษณุ เครืองาม อดีตเคยเป็นรองนายกฯ สมัยทักษิณ เป็นนายกฯ มาตรวจเรือนจำพิเศษ แต่อ้างว่า ไม่ได้เจอทักษิณ อีกทั้งเมื่อเช้าตรู่มีข่าวส่งทักษิณไป รพ.ตำรวจ เพราะความดันขึ้น แน่นหน้าอก หายใจลำบาก นอนไม่หลับ อย่างไรก็ตาม การติดคุกวันแรกและเป็นครั้งแรกคงนอนหลับยากมาก พร้อมกับหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะด้วย โดยต่อให้ได้นอนห้องขังกว้าง นอนคนเดียวก็ตาม
“เมื่อไป รพ.ตำรวจ แล้ว อารมณ์ของสังคมพลุ่งพล่านขึ้น เรียกร้องให้ตรวจสอบอย่างเข้มข้น แล้วมีการแถลงจาก รพ.ตำรวจว่า แอร์เสีย หากเป็นจริงคงต้องซ่อมแอร์หรือย้ายไปห้องอื่นที่แอร์ดี ซึ่งคงไม่ถึงขั้นต้องย้ายไป รพ.เอกชนเลย ทำไมแอร์เสียอยู่ห้องเดียว ไม่สมเหตผลเลย และ รพ.ตำรวจ มีอยู่ห้องเดียวหรืออย่างไรกัน แล้วให้ไปอยู่ห้องแอร์เสียได้อย่างไง จึงเป็นสิ่งที่สังคมเริ่มเกิดความสงสัยกันขึ้น ดังนั้น จึงเข้าตามยุทธการฟ้าใสที่ให้ทุกสิ่งอย่างตามที่อยากได้”
https://www.thaipost.net/x-cite-news/436353/
แฉ 'ยุทธการฟ้าใส' สำแดงเดชตามต้องการของ 'พี่โทนี่'
นายจตุพร กล่าวว่า ตลอดช่วงทักษิณ เดินทางกลับมาไทยนั้น ได้มีการโพสต์ไปตรวจร่างกายเป็นระยะ ถ้าป่วยจริงถึง 4 โรคใหญ่ ไม่ว่าโรคหัวใจ ปอด ความดัน และหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท บรรดาญาติพี่น้อง หรือคนในครอบครัวต้องห้ามกลับ เพราะการเข้าอยู่ในเรือนจำสุ่มเสี่ยงต่อชีวิตอย่างยิ่ง
“หากยังจำที่เคยพูดถึงยุทธการฟ้าใสกันได้แล้ว เหตุการณ์ของทักษิณกลับไทยเข้าตามปฏิบัติการเลย เพราะตามยุทธการนี้ โดยจะแสดงถึงทุกอย่างดีไปหมด และให้ได้ทุกสิ่งอย่างตามต้องการ โดยสังเกตจากถ้าเป็นนักโทษเด็ดขาดต้องถูกคุมขังในเรือนจำแดนแรกรับตัว แต่นักโทษใหม่อย่างทักษิณ กลับได้เริ่มติดคุกที่อาคารพยาบาล แดน 7 ซึ่งปรับปรุงห้องใหม่ให้กว้างขวางไว้รองรับ”นายจตุพรกล่าวและว่า ปฏิบัติการของยุทธการฟ้าใสได้สำแดงเดชอย่างสำคัญที่สุด ด้วยเริ่มจากติดคุก ไป รพ.ตำรวจ แล้วจะไป รพ.เอกชน จากนั้นอ้างถึงความเชี่ยวชาญของหมอเฉพาะทางเพื่อไปนอน รพ.เอกชน แม้ก่อนหน้านี้มีนักโทษมีชื่อเสียงได้เคยใช้เส้นทางแบบนี้บ้าง แต่ไม่ได้มากมายอะไร ดังนั้น หากมีการตรวจสอบจะยิ่งเพิ่มความน่าสงสัยมากขึ้น
นายจตุพรกล่าวอีกว่า แปลกใจคือ ก่อนเดินทางกลับไทยของทักษิณ ไม่มีใครได้ยินถึงโรค 4 โรคดังกล่าวเลย หากเป็นโรคเช่นนี้น ต้องมีการห้ามปรามไม่ให้กลับมาติดคุก เพราะอันตราย แต่เมื่อกลับมาเข้าเรือนจำ กรมราชทัณฑ์แถลงข่าวถึง 4 โรคกลุ่มเปราะบางดังกล่าว จากนั้นนายวิษณุ เครืองาม อดีตเคยเป็นรองนายกฯ สมัยทักษิณ เป็นนายกฯ มาตรวจเรือนจำพิเศษ แต่อ้างว่า ไม่ได้เจอทักษิณ อีกทั้งเมื่อเช้าตรู่มีข่าวส่งทักษิณไป รพ.ตำรวจ เพราะความดันขึ้น แน่นหน้าอก หายใจลำบาก นอนไม่หลับ อย่างไรก็ตาม การติดคุกวันแรกและเป็นครั้งแรกคงนอนหลับยากมาก พร้อมกับหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะด้วย โดยต่อให้ได้นอนห้องขังกว้าง นอนคนเดียวก็ตาม
“เมื่อไป รพ.ตำรวจ แล้ว อารมณ์ของสังคมพลุ่งพล่านขึ้น เรียกร้องให้ตรวจสอบอย่างเข้มข้น แล้วมีการแถลงจาก รพ.ตำรวจว่า แอร์เสีย หากเป็นจริงคงต้องซ่อมแอร์หรือย้ายไปห้องอื่นที่แอร์ดี ซึ่งคงไม่ถึงขั้นต้องย้ายไป รพ.เอกชนเลย ทำไมแอร์เสียอยู่ห้องเดียว ไม่สมเหตผลเลย และ รพ.ตำรวจ มีอยู่ห้องเดียวหรืออย่างไรกัน แล้วให้ไปอยู่ห้องแอร์เสียได้อย่างไง จึงเป็นสิ่งที่สังคมเริ่มเกิดความสงสัยกันขึ้น ดังนั้น จึงเข้าตามยุทธการฟ้าใสที่ให้ทุกสิ่งอย่างตามที่อยากได้”
https://www.thaipost.net/x-cite-news/436353/