บันทึกของขี้ยา

นี่จะเป็นบันทึกเดี๋ยวและบันทึกสุดท้ายของผม
จริงๆมันก็เป็นเรื่องชีวิตของผมเองนี่แหละ ที่ทำตัวผมเอง ผมขอย้อนกลับไปเมื่อช่วงปี พ.ศ.2565 ผมคือข้าราชการคนนึงที่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดที่เรียกว่า เมทแอมเฟตามีน หรือยาไอซ์ ผมมีแฟนคนนึงไม่ใช่สิภรรยาผมเอง เธอเก่งและน่ารักมากแม้จะขี้บ่นไปหน่อยก็เหอะก่อนหน้าที่เราสองคนจะมาอยู่ด้วยกัน ภรรยาของผมทำงานที่ต่างจังหวัดส่วนผมนั้นรับราชการที่ กรุงเทพ ตอนนั้นความรักของเราสองคนดีมากก็คือคนรักกันนั้นแหละผมทำงานจันทร์ - ศุกร์ ส่วนเสาร์-อาทิตย์ผมก็จะไปหาเธอที่ต่างจังหวัดทุกสัปดาห์ ผมคิดถึงความรู้สึกตอนนั้นนะถึงเรามีปากเสียงบ้างตามประสาคู่รักทั่วไป แต่ผมหน่ะเป็นคนเจ้าชู้ชอบเฮฮาปาร์ตี้แอบหนีเที่ยว ช่วงวันจันทร์ - ศุกร์นะ วันหยุดผมก็ไปหาเธอเหมือนเดิมแต่นั้นไม่ใช่ประเด็นที่ผมจะมาเล่าให้ฟังนะประเด็นที่ผมจะเล่าให้ฟังก็คือก่อนที่เธอจะได้เข้ามารับราชการในจังหวัดแห่งนึงในเขตปริมณฑล ผมก็ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดไม่ใข่ว่าพึ่งมาลองนะ แต่รู้จักกับมันนานแล้วตั้งแตจ่สมัยช่วงเรียนมัธยม แต่ก็หยุดมานานมากจนมาถึงขช่วงนี้แหละ ช่วงแรกที่ผมใช้ก็แค่ช่วงเวลาที่ผมนั้นทำงานช่วงเย็นกลับบ้านก็นอนเหมือนคนปกติ แต่มาถึงช่วงนึงตอนนั้นภรรยาผมเธอยังไม่มานะผมได้อยู่กับเพื่อนคนนึง ด้วยตัวผมเองที่ใช้ยานั้นอยู่แล้วพอมีเพื่อนมาอยู่ด้วย ผมจึงชวนเขาว่ามาลองด้วยกันสิทั้งๆที่เพื่อนผมก็ปฏิเสธนะ แต่ผมก็ชวนจนเพื่อนนั้นยอมใช้แต่ด้วยความที่ผมนั้นใช่แค่ช่วงกลางวันแต่เพื่อนผมนั้นตลอด 24 ชม.พอมาอยู่ด้วยกันต่างคนก็ต่างชวนกัน เริ่มมีการเที่ยวกลางคืนใช้ยาเสพติดจากที่ตัวผมเคยรู้สติรู้จักห้ามตัวเองกลับกลายเป็นว่าควบคุมตัวเองไมได้ เพื่อนชวนไปไหนไป ทำไรทำเที่ยวจนเสียการเสียงานอยู่พักนึงจนเกือบที่จะได้ออกจากงานและนั้นแหลคือจุดที่ปัญหาครอบครัวของผมกำลังจะเข้ามาเพราะแฟนผมนั้นได้ย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันเพื่อนผมก็แยกไปอยู่นะ แต่กลางคืนเราจะออกช่วงแรกแฟนก็แค่สงสัยว่าทำไมผมนั้นออกกลาสงคืนทุกคื นแต่กลับกลายเป็นว่าเธอมาจับได้ว่าผมใช้ยาเสพติดไหนจะเรื่องผู้หญิงกินเที่ยวไม่สนใจครอบครัวต่างๆนาๆอีกสารพัด ภรรยาผมจากคนที่พูดเพราะอ่อนหวาน กลับกลายเป็นคนที่เริ่มใช้กำลัง พูดจาหยาบคายขี้ หึงมาก ระแวงว่าผมนั้นจะออกไปไหนเวลานอนภรรยาผมจะชอบนอนสะดุ้งทั้งคืน แต่ตอนนั้นตัวผมหน่ะไม่ได้สนใจภรรยาของผมเลยแม้แต่นิดเดียว ผมเริ่มใช้ยาหนักจนถึงขั้นทำร้ายร่างกายภรรยาตัวเอง คนรอบตัวผมก็ร็นะว่าผมเริ่มจะหนักเกินไปแล้ว คือตอนนั้นชีวิตของเราไม่มีความสุขเลยแม้แต่วันเดียวไม่ใช่ของเราสิ ของภรรยาผมเวลาผมกลับจากเที่ยวผมก็จะเห็นภรรยาของผมนั้นนอนสะดุ้งทุกคืน จนมาถึงวันนึงห้องผมนั้นเกิดไฟฟ้ารัดวงจรทำให้เกิดไฟลุกไหม้ขึ้น ช่วงเดือน สิงหาคม 2565 และนั้นก็เป็นจุดเปลี่ยนให้ผมเลิกใช้ยาเสพติดอีกครั้งนึง เพราะผมได้ย้ายมาอยู่ใกล้ๆที่ทำงานของภรรยาของผม ตอนนั้นผม รับ - ส่งเธอทุกวัน เสาร์-อาทิตย์เราก็ไปขายเสื้อผ้าเหมือนชีวิตช่วงนั้นเริ่มจะมีความสุขอีกครั้งผมลืมบอกไปว่าเราสองคนได้หมั้นกัน ในวันที่ 11 เมษายน 2565 แต่พอช่วงเดือนกุมภาพันธุ์ 2566 ผมได้มาขับวิน ช่วงแรกผมก็ขยันนะวิ่งแบบเอาเป็นเอาตายผมยังจำคำที่เธอบอกได้อยู่นะว่า อ้วนของเค้าน่ารักจัง แต่ก็ไม่นานเมษายน 2566 ผมกลับไปหายานรกนั้นอีกครั้งแต่คราวนี้ไม่เหมือนเมื่อปีก่อนนะ เพราะเธอเริ่มที่จะหมดรักผมลงไปเรื่อยๆเพราะว่าตัวผมเองนั้นแหละ ทั้งยา ทั้งผู้หญิงผมก็รับปากเธอว่าจะเลิกๆเธอให้ผมไปหาหมอเพื่อรักษาแต่ผมก็บ่ายเบี่ยงไม่รักษา บอกแค่ว่าเลิกแล้วจนมาถึงช่วงเดือน สิงหาคม 2566 ภรรยาผมจับได้อีกครั้งว่าผมเสพยาแล้วก็มีผู้หญิงเข้ามาด้วยแต่เธอก็ให้โอกาศผมอีกครั้ง และครั้งนี้ผมก็ยอมที่จะไปรักษาด้วยความสมัครใจ นี่จะเป็นเหตุการณที่ผมไปรักษาวันแรก
          วันนี้เป็นวันที่ผมคิดที่จะไปหาหมอและสู้หน้าหมอเป็นครั้งแรก ด้วยแฟนผมเขาอยากให้ผมเลิกยาเขาอยากให้ผมไปหลายครั้งแล้วแต่ผมเลือกที่จะบ่าเบี่ยงไม่ไปเองแต่ครั้งนี้ผมตั้งใจที่จะไปถึงมันจะฝืนๆหน่อยก็เหอะก่อนที่ที่จะไปหาหมอวันนั้นผมก็ซัดไปซะเต็มกราฟเลยแค่คิดว่าเอาวะวันสุดท้ายละ(ข้ออ้าง) แต่ก็นั้นละครับเจอหน้าหมอแทบพูดไม่ออกโดนยิงคำถามมา
หมอ .เป็นอะไรมาไหนเล่าสิ
ผม. ผมคิดว่าผมเสพยาเยอะเกินไปครับ
หมอ.แล้วไปเสพมันทำไมล่ะ 
ผม.แรกๆผมรู้สึกว่าเวลาทำงานผมทำได้ไม่ได้เท่าที่ควรจึงหันไปเสพเฉพาะช่วงกลางวันนะครับกลางคืนนอนปกติ
หมอ.แล้วยังไงต่อ
ผมพอนานวันเข้าเจอเพื่อนที่เสพด้วยกัน ชักชวนเพื่อนมาเสพ ดื่มกลางคืนแล้วเสพยาไปด้วยผมรู้สึกว่าผมใช้ยาในปริมานที่มากขึ้นครับ 
หมอ.แล้วทำไมไม่เลิกละก็เลิกซะสิ
ผม.ยิ่งมีเพื่อนยิงพากันหนักครับไม่ม่ห้ามกันเลยใครพูดอะไรก็เออ ออ ตามไปหมด ชวนอะไรก็ไปหมดเห็นดีเห็นงามหมด 
หมอ.ย้ำอีกก็เลิกซะสิ 
ผม.ก็เลยบอกว่าผมเลิกได้ครับหมอแต่ช่วงแรกน่าจะเอาเรื่องอยู่
หมอ.ก็ต้องแบบนั้นแหละเราต้องอดทนนะ
ผม.ก็เลยนึกขึ้นได้เล่าเรื่องให้หมอฟังว่าชวงเป็นเด็กผมเลยรักษาสมาธิสั้นของโรงพยาบาลศิริราชว่าผมเคยกินยาชนิดนี้ออกฤทธิ์คลายๆเมทที่เสพทุกวันนี้ แต่พอผมไปอยู่กับพ่อแม่เขาบอกว่าผมไมได้เป็นเขาเลยให้ผผมหยุดรักษาครับ มีแต่คุณย่าครับที่รู้ว่าผมเป็นสมาธิสั้น
หมอ.แล้วเวลามีคนสั่งอะไรหลายๆทำอะไรหลายๆอย่างพร้อมกันเราชอบลืมไหม
ผม.ใช่ครับถ้าผมทำอะไรอยู่แล้วมีคนมาสั่งให้ผมทำอีกอย่างนึงผมก็จะรับปากไปครับ แต่ก็จะลืมสิ่งนั้นพอมาคิดได้อีกทีเอ้าผมลืมนี่หว่าบางที่อาจเกิดเหตุก่อนก็ได้ครับ
หมอ.โอเคงั้นเราตัดเรื่องยาออกไปก่อนหมอว่าหมอรักษาสมาธิสั้นดีกว่า ยาก็หยุดซะนะ แต่ดีนะที่ไม่โทรม หยุดได้แล้วอนาคตอาจจะหนักกว่านี้
ผม.ครับหมอ
หมอ.โอเคงั้นเดี๋ยวหมอจะสั่งยานะกินตามนี้
ผม.ยิงคำถามไปว่าหมอครับละยาที่หมอให้เนี่ยมันออกฤทธิ์เหมือนเมทไหมครับ 
หมอ.คลายๆกันแต่อาจจะไม่แรงเท่า
ผม.โอเคครับหมอ
วันนั้นก็รับยาละก็กลับบ้าน ต่อไปก็วันที่อะไรๆเปลี่ยนไป
           เรื่องราวผมจะไม่ลงละเอียดมากนะเพราะใช้ชีวิตประจำวันแบบปกติ แต่วันนี้มันมีเหตุการที่ทำให้ไม่ปกติ เอาง่ายๆชีวิตเปลี่ยนวันเนี่ยผมมีนัดกับเพื่อนน จะเอารถไปตรวจสภาพช่วงบ่าย ตอนเช้าผมก็ไปทำงานปกติ มีนักศึกษาแพทย์คณะสัตววแพทย์จาก ม.จุฬาลงกรณ์ มาศึกษาดูงาน ผมก็ไปทำหน้าที่ปกติ พอทำงานเสร็จ ผมก็เตรียมตัวที่จะเอารถไปตรวจสภาพที่ ขนส่งจตุจักร แต่พอไปถึงขนส่งเพื่อนผมดันไม่รับโทรศัพท์ ผมก็เลยตัดสินใจขับรถมาที่หอพัก นอนเล่นได้สักพักนึง ผมก็เออ เอารถไปทำช่วงล่างร้านเดิมดีกว่า ก็เอารถไปทำแต่ไม่รู้ความซวยอะไรนะ ยิ้มไปเจอพวก พี่ชายที่เคยจับเอเย่นที่ผมสนิทเอารถไปซ่อมที่เดียวกับผม ไม่รู้นะว่าบังเอิญหรือเขาตังใจที่จะมาจี้เราอยู่แล้ว ผมก็ทำตัวปกตินะ พอรถใกล้เสร็จน่าจะห้าโมงกว่าละผมก็คิดว่า เออเดะไอรับภรรยาแล้วไปหาหมอ ก่อนที่ผมจะได้กลับนั้นคุณพี่ชายทั้งหลายก็เข้ามาหาผมแล้วคุยกับผมว่า 
พี่ๆ..เองจำน้องผู้หญิงคนนี้ได้ไหมได้ป่าว 
ผม.จำไม่ได้ครับพี่ 
พี่ๆ.แฟนไอนั้นไง(เอเย่นที่ผมสนิท)ไง.ไม่รู้จักหรอ
ผม.ไม่รู้จักครับพี่
พี่ๆ.เองจะไม่รู้จักได้ไงเองสนิทกับไอมันจะตาย ถ้าวันนั้นเองอยู่ไอมันก็คงไม่โดนจับใช่ไหมล่ะ
ผม.เงียบแล้วผมก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ
พี่ๆ.เข้าเรื่องเลย น้องผู้หญิงคนเนี่ยเขาบอกว่าเอางานมาจากเองอะ 
ผม.มั่วป่ะพี่ผมไม่ได้ยุ่งแล้ว(ผมเลิกยุ่งตั้งแต่ที่ผมหาหมอ แล้วผมก็ไม่เคยขายด้วย)
พี่ๆ.ใช่หรอวะก่อนหน้านี้ก็ได้ข่าวมาอยู่นะ
ผม.ด้วยความที่ผมไมได้ยุ่งผมก็ตอบไปว่าผมเลิกยุ่งแล้วครับ 
พี่ๆ.เดี๋ยวไปคุยกันหน่อย
ผม.ครับพี่ เลยโทรไปคลีนิคขอเลื่อนนัด พยาบาลบอกพิมพ์มาในไลน์เลยคะ ก็เลยโทรหาแฟนให้แฟนจัดการ
พี่ๆ.หลังจากนั้นก็พาผมไปตรวจปัสสาวะ แต่ไม่พบสารเสพติด 
ผม.พี่ให้ผมกลับได้ยังครับผมขี้เกรียจทะเลาะกับแฟน
พี่ๆ.ไหนๆก็มาแล้วเป็นช่วยงานพี่หน่อยสิ เอารูปๆนึงให้ผมดู (ขอไม่เออ่ยชื่อนะครับ)
ผม.ไม่รู้จักครับ เขาก็ถามย้ำผมหลายครั้งจนเข้าพูด
พี่ๆ.มาเข้าเรื่องเลยพี่อยากได้ตัวมัน เองรู้จักดีหนิ
ผม.ผมก็ได้แค่บอกว่าไม่รู้ครับพี่
พี่ๆ.เอาเป็นว่าพามันมาหน่อยพาพี่ไปก็ได้
ผม.ไม่เอาหรอกพี่ผมไม่รู้จัก
พี่.เองอย่าโกหกดีกว่าพี่ตามมานานแล้วก็เห็นเองไปหามันตลอด (ก่อนที่ผมจะเริ่มรักษา) เอาเป็นว่าถ้าเองทำพี่จะเลิกยุ่งกับเองกับครอบครัวของเองเลย
ผม.(ผมก็นั่งคิดอยู่สักพักนึง) ผมเลยตัดสินใจที่จะทำผมก็เลยปิดโทรศัพท์ละก็ดำเนินงานพอไปถึงห้องเป้าหมาย ผมก็แอบเปิดโทรศัพท์แปปนึงแล้วปิดโหมดเครื่องบินไว้ เอาเป็นว่าถ้าหายไปจุดแรกที่ต้องมาคือที่นี่แหละ ก็ตามนั้น กว่าจะล่อมันออกมาได้ยิ้มนั่งกดสล็อตแบบบ้าครั้ง กูก็รอไปเหอะ
เป้า.เห้ยวันนี้ไม่เติมอ๋อวะ
ผม.เอาเลยกูเติมมาเต็มละ 
เป้า ตั้งแต่หายไปนี่แปลกๆนะ
ผม.แปลกไงวะ
เป้า.ก็เล่นน้อยลงดูนิ่งไม่ล๊อกเหมือนแต่ก่อน
ผม.ไอสัสเต้องคีปลุค แฟนผมก็บอกว่าผมนิ่งขึ้น ไอนี่อีกคน (น่าจะเป็นเพราะฤทธิ์ยาที่หมอให้ทาน)
เวลา 21.00 น.นิดๆ มันลงมาจากคอนโดผมบอกว่าเดะกุลงลานจอดนะเจอกันที่รถ ใช่เจอกันที่รถผมกลับมาคนเดียว ส่วนมันโดนหิ้ว
ผมก็เตรียมตัวจะกลับ ผมน่าจะมาถึงบางใหฐ่ประมานสี่ทุ่มเกือบครึ่ง ก็เลยแวะกดตังที่ตู้กรุงไทย 300 พอเปิดโทรศัพท์เท่านั้นแหละ แต่ก็คิดไว้อยู่แล้วต้องเป็นแบบนี้ แต่ครั้งนี้น่าจะไม่ใช่อย่างที่คิดเพราะคำพูดแต่ละคำนั้น ทำให้ผมนี่แบบ สะอึกไปเลย ผมก็เลยคิดอะไรไม่ออกยาหมอผมหมด ผมก็ขับรถวนไปวนมาแถวๆที่พักไปเรื่อย จนน่าจะประมานเที่ยงคืนนิดๆ ได้ข่าวว่าเป้าที่จับไป เคลียออกมาได้
ซวยละไงทีนี้ บอกแฟนเก็บเสื้อผ้าผมก็มารอหน้าที่พักอยู่พักใหญ่ๆไม่เห็นเธอลงมา ผมก็เลยขับรถไปจอดภรรยาผมนั้นจะแจ้งความจับผมเพราะรถนั้นเป็นชื่อเธอ แต่ผมก็เอารถคืนเธอนะทุกอย่าง ผมติดตัวออกมากับกระเป๋าตังใบนึงที่ไม่มีเงินสักบาท กับโน็ตบุ๊คเครื่องนึง เช้าวันที่ 19 สิงหาคม 2566 ผมพยายามจะอธิบายทุกอย่างให้เธอฟังนะคำแก้ตัวของไอขี้ยาดีกว่าเพราะภรรยาผมมองผมแบบนั้นนานแล้วน้อยใจนะแต่ทำตัวเองต้องยอมรับจนผมสติหลุดแล้วบอกเธอว่าโน็ตบุ๊คผมว่าไว้นี่นะ แล้วก็บอกกับเธอว่าโชคดี แล้วผมก็ได้แต่นั่งร้องไห้เขียนชีวิตตัวเองขึ้นมา ผมไม่เคยคิดที่จะฆ่าตัวเองเลยนะแค่ขู่ๆภรรยาเฉยๆ แค่ครั้งนี้ผมรู้สึกว่าครั้งนี้ผมต้องไปจริงๆอาจจะเป็นอาการที่ผมหยุดใช้ยาเสพติดด้วยหรือป่าวไม่รู้ ผมมีสตินะแต่อยากหายไปเร็วๆ แค่นั้นเอง ผมรักเธอมากนะแต่ผมกลับทำกับเธอแบบนี้เองร้องไห้อาวอนอาลัยไปก็เท่านั้นเอาเป็นว่าที่ผมเขียนขึ้นมาก็ประจานชีวิตโง่ๆของตัวเองด้วยแหละส่วนนึงและก็อยากให้คนที่คิดจะยุ่งกับยาเสพติดได้อ่านบ้างว่าชีวิตคนๆนึงที่หน้าที่การงานดีครอบครัวดีทุกอย่างดี แต่ตัวผมนั้นเองที่เลวก็ทำให้ทุกอย่างมันพังลงได้หมด ผมไม่รู้นะว่าผมจะอยู่ต่อไปหรือทิ้งไวเแค่บทความนี้ ขอบคุณ โชคดี
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่