เนื่องจากว่าหลายท่านสงสัยเรื่องการทรงเจ้า มันจะจริงเท็จอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การทรงเจ้าที่มีการอ้างถึงเทพเจ้าต่างๆ ในศาสนาฮินดู
ผมซึ่งได้ทำงานรับใช้องค์ศาสนาฮินดูบ้างตามวาระโอกาส และได้มีโอกาสสอบถามพูดคุยกับท่านพราหมณ์ อาจารย์ผู้รู้ต่างๆที่ได้สังกัดในองค์กรทางศาสนาฮินดูอย่างถูกต้อง จึงๆได้นำมติของท่านเหล่านี้มาเผยแพร่ให้ทราบกัน
องค์กรทางศาสนาฮินดูในประเทศไทย องค์กรหลักคือเทวสถานโบสถ์พราหมณ์ และของชาวอินเดีย ได้แก่ สมาคมฮินดูสมาช (วัดเทพมณเฑียร) , สมาคมฮินดูธรรมสภา (วัดวิษณุ) วัดพระศรีมหาอุมาเทวี (วัดแขกสีลม) รวมทั้งองค์กรอื่นๆ ที่ไม่ใช่องค์กรหลัก คือ อารยสมาช
องค์กรทั้งหมดถือว่า ท่านพระราชครูวามเทพมุนี ประธานพราหมณ์ฝ่ายไทย เป็นประมุขขององค์กรศาสนาฮินดูทั้งหมด
ซึ่งในเรื่องการทรงเจ้า ท่านพระราชครูวามเทพฯ ได้มีมติ ในเรื่องนี้ ซึ่งท่านปรารภไว้ในคำนำของหนังสือทางโบสถ์พราหมณ์ไว้ว่า
"..ความมั่นคง โดยไม่มีความงมงาย ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะคิดว่าองค์เทพเจ้าเป็นภาวะ อาจบันดาลสิ่งที่ผิดปกติ หรือเนรมิตสิ่งที่ปรารถนาโดยไม่มีการสร้างคุณงามความดีเป็นที่ประจักษ์ และยังมีการแอบอ้างกล่าวถึงองค์เทพต่างๆ ว่าตนนั้นมีภาวะอย่างนั้นอย่างนี้เทียบเท่าองค์เทพเจ้า สิ่งต่างๆเหล่านี้ไม่อยู่ในแนวทางเพื่อความหลุดพ้น พราหมณ์ผู้ประพฤติปฏิบัติและประกอบพิธีเองก็ไม่เคยกล่าวอ้างหรือแอบแฝงองค์เทพต่างๆ แต่ได้ปฏิบัติต่อองค์เทพด้วยความนอบน้อมและเกรงกลัวต่อบาป...."
ผมยังได้มีโอกาสกราบเรียนถามท่านโดยตรงถึงเรื่องนี้ ท่านกรุณาตอบกลับผมว่า การเข้าทรงนั้น ไม่มีในศาสนาของเรา ผู้ที่ประพฤตินั้น เรียกได้ว่า กระทำบาปหนัก แต่ท่านก็ไม่สามารถเอาผิดได้เพราะเป็นสิทธิทางกฏหมายที่จะเชื่อ เว้นเสียแต่ว่าได้กระทำการหลอกลวงหรือผิดกฏหมายข้ออื่นๆ แต่ท่านกล่าวว่า จะต้องให้บรรดาร่างทรงและศาสนิกชนทั่วไปรู้ว่า สิ่งที่กระทำนั้นเป็นบาป แต่หากเขายอมที่จะบาป เราก็คงไปหยุดเค้าไม่ได้
ส่วนฝ่ายของอินเดียนั้น ท่านบัณฑิต ลลิต โมหัน วยาส ประธานพราหมณ์วัดเทพมณเฑียร ฮินดูสมาช ซึ่งเป็นอาจารย์ของผมกล่าวว่า การเข้าทรงไม่มีในศาสนาฮินดู เพราะเทพเจ้านั่น ไม่ได้อยู่ในฐานะเทพตามวิธีคิดแบบคนไทยเท่านั้น แต่พระองค์คือการ สำแดง ออกมาของพระเจ้า ดังนั้น พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่บริบูรณ์ ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องยุ่งเกี่ยวกับมนุษย์ที่เจือด้วยกิเลสมากมาย
ส่วนในทาง อินเดียภาคใต้ ที่มีการเข้าทรง (กลุ่มเดียวกับร่างทรงของวัดแขกสีม) นั้น เป็นเพราะวัฒนธรรมท้องถิ่นของชาวทมิฬเอง ที่ประสมเข้ากับศาสนาฮินดู ไม่ได้มีอยู่ในคัมภีร์ทางศาสนาใดๆ และมีเฉพาะในท้องถิ่นภาคใต้ อีกอย่างหนึ่งการเข้าทรงในวัฒนธรรมอินเดียใต้นั้น ไม่ได้มีการเข้าทรงกันอย่างพร่ำเพรื่อ แต่เป็นการทรงในเทศกาลเฉพาะ ซึ่งเกี่ยวเนื่องด้วยการกสิกรรมในอดีต จึงเป็นเรื่องวัฒนธรรมของท้องถิ่นโดยแท้ ไม่ใช่เรื่องที่จะอ้างเพื่อมาเลียนแบบหรือกระทำตาม
การเข้าทรงนั้นเกี่ยวข้องกับคนไทยมานานเพราะศาสนาที่เป็นส่วนประกอบในวัฒนธรรมไทยคือ พุทธ - พราหมณ์ - ผี...ดังนั้น เมื่อศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เริ่มมีความแพร่หลาย จึงมีคนนำเอา การเข้าผี ที่มีอยู่แล้วไปผสมปนเปจนเละเทะ และคนส่วนใหญ่ก็รับได้ เพราะเป็นสิ่งที่คุ้นเคยดี
ขอให้ท่านทั้งหลายยึดหลักศาสนาไว้ครับ และขอให้ทราบไว้ว่าพวกที่เข้าทรงในปัจจุบันนั้น มีอยู่เพียง 2 ประเภท...
1. ตั้งใจหลอกลวง พวกนี้ทำเป็นขบวนการ ตั้งใจทำมาหากินจริง พวกนี้มีมาก และผิดกฏหมายด้วย
2. พวกที่มีความผิดปกติของจิตใจ หรืออาจเป็นโรคจิตเภท มีภาวะของโรคทางจิตและประสาท หรือภาวะจิตเภทวัยทอง มีปัญหาปมบางอย่างในชีวิต พวกนี้ ไม่ได้ตั้งใจหลอกลวง แต่มีอาการเจ็บป่วย เป็นโรคจิต คนบางคนที่ถูกทักว่ามีองค์แล้วหลงไหลไปก็เกิดจากอาการเหล่านี้
ดังนั้นหากมีการอ้างเจ้าทรงที่เป็นเทพเจ้าของทางศาสนาพราหมณ์ฮินดู ให้ฟันธงไปเลยครับว่า ไม่จริงทั้งสิ้น และเรื่องนี้เป็น มติขององค์กรทางศาสนาฮินดู รวมทั้งท่านประมุขของทางศาสนาด้วยนะครับ
ส่วนท่านที่ถูกทักให้รับขันธ์มีองค์ อย่าไปเชื่อครับ เพราะอาจถูกหลอกลวงจากมิจฉาชีพ ยิ่งหากท่านมีปัญหาชีวิต ก็อาจถูกชักจูงให้ง่ายขึ้น
ทั้งนี้มิใช่ว่าองค์การทางศาสนาหรือตัวผมจะไม่เชื่อว่าอิทธิปาฏิหารย์ขององค์เทพนั้นมี เพียงแต่ว่า อิทธิปาฏิหารย์ไม่ควรเน้นเป็นสาระสำคัญ และองค์เทพย่อมช่วยเหลือมนุษย์ตามวิธีทางที่เหมาะสมดีงามเอง
ขอให้ทุกท่านมีความเข้าใจเช่นนี้ครับ และขอให้ประพฤติศาสนาอย่างมีความสุขศานติ ไม่งมงายครับ
การเข้าทรงนั้นเกี่ยวข้องกับคนไทยมานานเพราะศาสนาที่เป็นส่วนประกอบในวัฒนธรรมไทยคือ พุทธ - พราหมณ์ - ผี...ดังนั้น เมื่อศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เริ่มมีความแพร่หลาย จึงมีคนนำเอา การเข้าผี ที่มีอยู่แล้วไปผสมปนเปจนเละเทะ และคนส่วนใหญ่ก็รับได้ เพราะเป็นสิ่งที่คุ้นเคยดี
ขอให้ท่านทั้งหลายยึดหลักศาสนาไว้ครับ และขอให้ทราบไว้ว่าพวกที่เข้าทรงในปัจจุบันนั้น มีอยู่เพียง 2 ประเภท...
1. ตั้งใจหลอกลวง พวกนี้ทำเป็นขบวนการ ตั้งใจทำมาหากินจริง พวกนี้มีมาก และผิดกฏหมายด้วย
2. พวกที่มีความผิดปกติของจิตใจ หรืออาจเป็นโรคจิตเภท มีภาวะของโรคทางจิตและประสาท หรือภาวะจิตเภทวัยทอง มีปัญหาปมบางอย่างในชีวิต พวกนี้ ไม่ได้ตั้งใจหลอกลวง แต่มีอาการเจ็บป่วย เป็นโรคจิต คนบางคนที่ถูกทักว่ามีองค์แล้วหลงไหลไปก็เกิดจากอาการเหล่านี้
ดังนั้นหากมีการอ้างเจ้าทรงที่เป็นเทพเจ้าของทางศาสนาพราหมณ์ฮินดู ให้ฟันธงไปเลยครับว่า ไม่จริงทั้งสิ้น และเรื่องนี้เป็น มติขององค์กรทางศาสนาฮินดู รวมทั้งท่านประมุขของทางศาสนาด้วยนะครับ
ส่วนท่านที่ถูกทักให้รับขันธ์มีองค์ อย่าไปเชื่อครับ เพราะอาจถูกหลอกลวงจากมิจฉาชีพ ยิ่งหากท่านมีปัญหาชีวิต ก็อาจถูกชักจูงให้ง่ายขึ้น
ทั้งนี้มิใช่ว่าองค์การทางศาสนาหรือตัวผมจะไม่เชื่อว่าอิทธิปาฏิหารย์ขององค์เทพนั้นมี เพียงแต่ว่า อิทธิปาฏิหารย์ไม่ควรเน้นเป็นสาระสำคัญ และองค์เทพย่อมช่วยเหลือมนุษย์ตามวิธีทางที่เหมาะสมดีงามเอง
ขอให้ทุกท่านมีความเข้าใจเช่นนี้ครับ และขอให้ประพฤติศาสนาอย่างมีความสุขศานติ ไม่งมงายครับ
(ทีมงานสยามคเณศดอทคอม)
siamganesh@gmail.com
มติขององค์กรทางศาสนาฮินดูเกี่ยวกับเรื่อง "การเข้าทรง" โดย : ศรีหริทาส (อาจารย์คมกฤช มหาวิทยาลัยศิลปากร)
ผมซึ่งได้ทำงานรับใช้องค์ศาสนาฮินดูบ้างตามวาระโอกาส และได้มีโอกาสสอบถามพูดคุยกับท่านพราหมณ์ อาจารย์ผู้รู้ต่างๆที่ได้สังกัดในองค์กรทางศาสนาฮินดูอย่างถูกต้อง จึงๆได้นำมติของท่านเหล่านี้มาเผยแพร่ให้ทราบกัน
องค์กรทางศาสนาฮินดูในประเทศไทย องค์กรหลักคือเทวสถานโบสถ์พราหมณ์ และของชาวอินเดีย ได้แก่ สมาคมฮินดูสมาช (วัดเทพมณเฑียร) , สมาคมฮินดูธรรมสภา (วัดวิษณุ) วัดพระศรีมหาอุมาเทวี (วัดแขกสีลม) รวมทั้งองค์กรอื่นๆ ที่ไม่ใช่องค์กรหลัก คือ อารยสมาช
องค์กรทั้งหมดถือว่า ท่านพระราชครูวามเทพมุนี ประธานพราหมณ์ฝ่ายไทย เป็นประมุขขององค์กรศาสนาฮินดูทั้งหมด
ซึ่งในเรื่องการทรงเจ้า ท่านพระราชครูวามเทพฯ ได้มีมติ ในเรื่องนี้ ซึ่งท่านปรารภไว้ในคำนำของหนังสือทางโบสถ์พราหมณ์ไว้ว่า
"..ความมั่นคง โดยไม่มีความงมงาย ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะคิดว่าองค์เทพเจ้าเป็นภาวะ อาจบันดาลสิ่งที่ผิดปกติ หรือเนรมิตสิ่งที่ปรารถนาโดยไม่มีการสร้างคุณงามความดีเป็นที่ประจักษ์ และยังมีการแอบอ้างกล่าวถึงองค์เทพต่างๆ ว่าตนนั้นมีภาวะอย่างนั้นอย่างนี้เทียบเท่าองค์เทพเจ้า สิ่งต่างๆเหล่านี้ไม่อยู่ในแนวทางเพื่อความหลุดพ้น พราหมณ์ผู้ประพฤติปฏิบัติและประกอบพิธีเองก็ไม่เคยกล่าวอ้างหรือแอบแฝงองค์เทพต่างๆ แต่ได้ปฏิบัติต่อองค์เทพด้วยความนอบน้อมและเกรงกลัวต่อบาป...."
ผมยังได้มีโอกาสกราบเรียนถามท่านโดยตรงถึงเรื่องนี้ ท่านกรุณาตอบกลับผมว่า การเข้าทรงนั้น ไม่มีในศาสนาของเรา ผู้ที่ประพฤตินั้น เรียกได้ว่า กระทำบาปหนัก แต่ท่านก็ไม่สามารถเอาผิดได้เพราะเป็นสิทธิทางกฏหมายที่จะเชื่อ เว้นเสียแต่ว่าได้กระทำการหลอกลวงหรือผิดกฏหมายข้ออื่นๆ แต่ท่านกล่าวว่า จะต้องให้บรรดาร่างทรงและศาสนิกชนทั่วไปรู้ว่า สิ่งที่กระทำนั้นเป็นบาป แต่หากเขายอมที่จะบาป เราก็คงไปหยุดเค้าไม่ได้
ส่วนฝ่ายของอินเดียนั้น ท่านบัณฑิต ลลิต โมหัน วยาส ประธานพราหมณ์วัดเทพมณเฑียร ฮินดูสมาช ซึ่งเป็นอาจารย์ของผมกล่าวว่า การเข้าทรงไม่มีในศาสนาฮินดู เพราะเทพเจ้านั่น ไม่ได้อยู่ในฐานะเทพตามวิธีคิดแบบคนไทยเท่านั้น แต่พระองค์คือการ สำแดง ออกมาของพระเจ้า ดังนั้น พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่บริบูรณ์ ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องยุ่งเกี่ยวกับมนุษย์ที่เจือด้วยกิเลสมากมาย
ส่วนในทาง อินเดียภาคใต้ ที่มีการเข้าทรง (กลุ่มเดียวกับร่างทรงของวัดแขกสีม) นั้น เป็นเพราะวัฒนธรรมท้องถิ่นของชาวทมิฬเอง ที่ประสมเข้ากับศาสนาฮินดู ไม่ได้มีอยู่ในคัมภีร์ทางศาสนาใดๆ และมีเฉพาะในท้องถิ่นภาคใต้ อีกอย่างหนึ่งการเข้าทรงในวัฒนธรรมอินเดียใต้นั้น ไม่ได้มีการเข้าทรงกันอย่างพร่ำเพรื่อ แต่เป็นการทรงในเทศกาลเฉพาะ ซึ่งเกี่ยวเนื่องด้วยการกสิกรรมในอดีต จึงเป็นเรื่องวัฒนธรรมของท้องถิ่นโดยแท้ ไม่ใช่เรื่องที่จะอ้างเพื่อมาเลียนแบบหรือกระทำตาม
การเข้าทรงนั้นเกี่ยวข้องกับคนไทยมานานเพราะศาสนาที่เป็นส่วนประกอบในวัฒนธรรมไทยคือ พุทธ - พราหมณ์ - ผี...ดังนั้น เมื่อศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เริ่มมีความแพร่หลาย จึงมีคนนำเอา การเข้าผี ที่มีอยู่แล้วไปผสมปนเปจนเละเทะ และคนส่วนใหญ่ก็รับได้ เพราะเป็นสิ่งที่คุ้นเคยดี
ขอให้ท่านทั้งหลายยึดหลักศาสนาไว้ครับ และขอให้ทราบไว้ว่าพวกที่เข้าทรงในปัจจุบันนั้น มีอยู่เพียง 2 ประเภท...
1. ตั้งใจหลอกลวง พวกนี้ทำเป็นขบวนการ ตั้งใจทำมาหากินจริง พวกนี้มีมาก และผิดกฏหมายด้วย
2. พวกที่มีความผิดปกติของจิตใจ หรืออาจเป็นโรคจิตเภท มีภาวะของโรคทางจิตและประสาท หรือภาวะจิตเภทวัยทอง มีปัญหาปมบางอย่างในชีวิต พวกนี้ ไม่ได้ตั้งใจหลอกลวง แต่มีอาการเจ็บป่วย เป็นโรคจิต คนบางคนที่ถูกทักว่ามีองค์แล้วหลงไหลไปก็เกิดจากอาการเหล่านี้
ดังนั้นหากมีการอ้างเจ้าทรงที่เป็นเทพเจ้าของทางศาสนาพราหมณ์ฮินดู ให้ฟันธงไปเลยครับว่า ไม่จริงทั้งสิ้น และเรื่องนี้เป็น มติขององค์กรทางศาสนาฮินดู รวมทั้งท่านประมุขของทางศาสนาด้วยนะครับ
ส่วนท่านที่ถูกทักให้รับขันธ์มีองค์ อย่าไปเชื่อครับ เพราะอาจถูกหลอกลวงจากมิจฉาชีพ ยิ่งหากท่านมีปัญหาชีวิต ก็อาจถูกชักจูงให้ง่ายขึ้น
ทั้งนี้มิใช่ว่าองค์การทางศาสนาหรือตัวผมจะไม่เชื่อว่าอิทธิปาฏิหารย์ขององค์เทพนั้นมี เพียงแต่ว่า อิทธิปาฏิหารย์ไม่ควรเน้นเป็นสาระสำคัญ และองค์เทพย่อมช่วยเหลือมนุษย์ตามวิธีทางที่เหมาะสมดีงามเอง
ขอให้ทุกท่านมีความเข้าใจเช่นนี้ครับ และขอให้ประพฤติศาสนาอย่างมีความสุขศานติ ไม่งมงายครับ
การเข้าทรงนั้นเกี่ยวข้องกับคนไทยมานานเพราะศาสนาที่เป็นส่วนประกอบในวัฒนธรรมไทยคือ พุทธ - พราหมณ์ - ผี...ดังนั้น เมื่อศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เริ่มมีความแพร่หลาย จึงมีคนนำเอา การเข้าผี ที่มีอยู่แล้วไปผสมปนเปจนเละเทะ และคนส่วนใหญ่ก็รับได้ เพราะเป็นสิ่งที่คุ้นเคยดี
ขอให้ท่านทั้งหลายยึดหลักศาสนาไว้ครับ และขอให้ทราบไว้ว่าพวกที่เข้าทรงในปัจจุบันนั้น มีอยู่เพียง 2 ประเภท...
1. ตั้งใจหลอกลวง พวกนี้ทำเป็นขบวนการ ตั้งใจทำมาหากินจริง พวกนี้มีมาก และผิดกฏหมายด้วย
2. พวกที่มีความผิดปกติของจิตใจ หรืออาจเป็นโรคจิตเภท มีภาวะของโรคทางจิตและประสาท หรือภาวะจิตเภทวัยทอง มีปัญหาปมบางอย่างในชีวิต พวกนี้ ไม่ได้ตั้งใจหลอกลวง แต่มีอาการเจ็บป่วย เป็นโรคจิต คนบางคนที่ถูกทักว่ามีองค์แล้วหลงไหลไปก็เกิดจากอาการเหล่านี้
ดังนั้นหากมีการอ้างเจ้าทรงที่เป็นเทพเจ้าของทางศาสนาพราหมณ์ฮินดู ให้ฟันธงไปเลยครับว่า ไม่จริงทั้งสิ้น และเรื่องนี้เป็น มติขององค์กรทางศาสนาฮินดู รวมทั้งท่านประมุขของทางศาสนาด้วยนะครับ
ส่วนท่านที่ถูกทักให้รับขันธ์มีองค์ อย่าไปเชื่อครับ เพราะอาจถูกหลอกลวงจากมิจฉาชีพ ยิ่งหากท่านมีปัญหาชีวิต ก็อาจถูกชักจูงให้ง่ายขึ้น
ทั้งนี้มิใช่ว่าองค์การทางศาสนาหรือตัวผมจะไม่เชื่อว่าอิทธิปาฏิหารย์ขององค์เทพนั้นมี เพียงแต่ว่า อิทธิปาฏิหารย์ไม่ควรเน้นเป็นสาระสำคัญ และองค์เทพย่อมช่วยเหลือมนุษย์ตามวิธีทางที่เหมาะสมดีงามเอง
ขอให้ทุกท่านมีความเข้าใจเช่นนี้ครับ และขอให้ประพฤติศาสนาอย่างมีความสุขศานติ ไม่งมงายครับ
(ทีมงานสยามคเณศดอทคอม)
siamganesh@gmail.com