ตอนนี้ถ้าไม่ได้กินยา จะมีอาการนอนไม่หลับ หมดกำลังใจ หมดแรง สมองตื้อ คิดวนไปวนมา ตาสู้แสงไม่ค่อยได้
ต้องกิน  Clonazepam  0.5 mg ให้หลับสนิท 1-2 คืน จะช่วยได้ครับ
แต่ยากำลังจะหมดแล้ว และไม่มีเงินที่จะไปรักษาเหมือนเดิม ผมจะไปหายาจากที่ไหนได้บ้าง ที่ค่าใช้จ่ายต่ำที่สุดครับ

  ผมรักษามา 3 ปี ที่รพ.เอกชนเฉพาะทางจิตเวชแห่งหนึ่ง ตรงบางนา 
ก่อนหน้านี้ อาการดีขึ้นมากจนหมอเริ่มให้ลดปริมาณยาแล้ว 
ยาที่หมอสั่งคือ Fluoxetine 20 mg หลังอาหารเช้า และ Clonazepam  0.5 mg ก่อนนอน 
แต่ตอนนี้ขอแค่ Clonazepam  0.5 mg ตัวเดียวผมก็อยู่ได้แล้วครับ

 ปกติจะออกกำลังกายช่วย และ กิจการที่ทำอยู่สภาพดีกว่านี้ ตอนนี้แขน ขา เจ็บ ออกกำลังกายไม่ได้ กิจการย่ำแย่ทำได้พอมีกินไปวันๆครับ

 ผมมีกิจการเล็กๆ ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากน้ำท่วมปี 2564-2565 สูญเสียเงินสำรองไปจำนวนมาก และตอนนี้เศรษฐกิจอย่างที่รู้ๆกัน ส่งผลต่อยอดขายผมเต็มๆ ยิ่งไปกระตุ้นอาการครับ

 แฟนก็เลิกกันแบบไม่ดีเลย แต่อยู่ด้วยกันมาเกือบ 4 ปี มีช่วงเวลาดีๆด้วยกันเยอะมาก แต่พอเศร้าๆคิดถึงเรื่องดีๆ มันก็กลายเป็นย้อนแย้งทิ่มแทงตัวเองครับ 
เช่น ช่วงเวลาที่ไปเที่ยวกันมีความสุขมาก ใจจะย้อนกลับไปหาความสุขนั้น(มันไปเอง) ก็จะมีอดีตแฟนที่อยู่ด้วยกัน มันกลายเป็นวังวนที่คิดถึงความสุขแต่คิดไปแล้วเจอความสุขก่อนแล้วนำความทุกข์กลับมาครับ 
 
  สาเหตุและความเป็นมา 
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ผมทำธุรกิจส่วนตัวเล็กๆ ที่ล้มลุกคลุกคลานมานาน  ตัวกิจการไม่เคยขาดทุน แต่สังคมรอบข้าง พวกญาติๆฝั่งพ่อเลวร้ายและเห็นแก่ตัวมากพ่อผมเองก็ยึดติดความคิดแปลกๆคือให้มาอยู่กับคนพวกนี้เพราะเป็นครอบครัวเดียวกัน และหลับตาข้างหนึ่งยอมให้เขาเอาเปรียบเสมอตั้งแต่ผมยังเป็นเด็ก ทำให้ผมได้รับผลกระทบมากจากเรื่องนี้ตลอด จนมีอาการมานานก่อนที่จะได้รับการรักษาด้วยครับ 
 4 ปีที่แล้ว ผมได้เจอกับผู้หญิงคนหนึ่ง ก่อนจะมาเป็นแฟนกันและเพิ่งเลิกกันไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมานี้ 
เธออายุมากกว่าผม 15 ปี แต่จะดูเด็กกว่าอายุจริง 10 ปี เคยมีครอบครัวมาก่อน เป็นแพนิค วิตกกังวล ซึมเศร้าเช่นกัน โดยเธอเองเป็นคนพาผมไปรักษา
เธอโดนญาติและน้องแท้ๆ หักหลังมาเช่นกัน เราจึงคุยกันเข้าใจได้ดีมาก และคบเป็นแฟนย้ายมาอยู่กับผมหลังจากคุยได้ 6 เดือน 
 
2 ปีแรกที่อยู่ด้วยกัน ผมมีความสุขมาก เราช่วยกันพัฒนากิจการจนมีเงินเก็บหลักล้านเป็นครั้งแรกในชีวิต และเราก็ได้ดาวน์รถใหม่เป็นชื่อเธอ เพราะเธอเองได้นำเงินก้อนสุดท้ายในชีวิต 2แสนบาท มาลงทุนกับผม   
 
 หลังจากมีรถใหม่ เราได้ออกท่องเที่ยวเฉลี่ย 2-3 เดือนครั้ง มีช่วงเวลาดีๆร่วมกันเยอะมาก และเป็นช่วงเวลาดีที่สุดในรอบ 15 ปีของผม

 เรื่องที่ทะเลาะกันมีเรื่องเดียวคือ "เรื่องเงิน" 
 
 มาถึงปี 2564-2565 ได้โดนน้ำท่วม 2 ปีติดกัน ส่งผลต่อกิจการมากมหาศาล ต้องหยุดกิจกรรมทุกอย่าง ใช้แต่เงินสำรองอย่างเดียว รวมๆแล้วยาวนานถึง 9 เดือน เงินสำรองส่วนที่เหลือถูกนำมาใช้ป้องกันกิจการให้เสียหายจากน้ำท่วมน้อยที่สุดทั้งตอนที่กำลังโดนน้ำท่วม และ ป้องกันในอนาคต  จนมีเงินเก็บเหลือเพียงแสนกว่าบาท ในบัญชีชื่อ 2 คน 
 
 ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน เธอจะพูดฝากดูแลลูกสาวของเธอเสมอๆ(อายุ 2x แล้ว และแยกไปใช้ชีวิตเองที่ชลบุรี ตั้งแต่เริ่มเรียนปี 1)   บอกว่าลูกเธอเป็นเด็กดี อาจจะติดสังคม ปาร์ตี้บ้าง แต่เป็นเด็กขยัน   
 
 ช่วงปลายปี 2565  ลูกสาวของเธอ มีปัญหาทะเลาะกับแฟนบ่อยมาก จนผมต้องยื่นมือเข้าไปช่วย และมันก็ส่งผลต่อการฟื้นฟูกิจการ เพราะให้เวลาไปกับเรื่องนี้ และคชจ.เดินทางออกเองหมด เฉพาะค่าน้ำมันวิ่งไปมาเกือบหมื่นบาท
 
 จนกระทั่งวันหนึ่ง หลังจากเคลียร์ปัญหาเรื่องลูกสาวเธอไปไม่ถึงเดือน  ลูกสาวเธอพยายามฆ่าตัวตาย (แต่มารู้ทีหลังว่า เป็นการเรียกร้องความสนใจ และ ทำหลังจากไปปาร์ตี้ยาเสพติดมา)  
 
 เราต้องทิ้งงานและขับรถไปชลบุรีทันที (ตอนนี้สภาพการเงินเริ่มไม่ค่อยดีแล้ว ทั้งยอดขายตกฮวบทั้งไม่มีของขายจากโดนน้ำท่วม)  และความจริงหลายๆอย่างเริ่มเปิดเผยออกมา  อดีตแฟนผม เธอโกหกปิดบังหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องลูกสาวเธอ ไม่ยอมเรียนให้จบ ต้องให้แฟนจ้างคนไปสอบให้ ทำอาชีพเป็นพริ้ตตี้ ชอบกินเหล้าปาร์ตี้เป็นชีวิตจิตใจ พัวพันยาเสพติดจนมีประวัติคดีเสพมาแล้ว  มีแฟนก็ช่วยงานแบบขอให้ทำๆไป 
 
 ตั้งแต่เกิดเรื่องเราอยู่ชลบุรี 3 วัน วันสุดท้ายถึงพาลูกสาวเธอมาที่ๆรพ.จิตเวชที่ผมกับเธอรักษาอยู่ โดยมีเพื่อนลูกสาว(เพื่อนคนหนึ่งยินดีช่วยค่าใช้จ่ายในการรักษาโดยยื่นเงินสดให้ทันที 2 หมื่นบาท)  และ พ่อ(ที่บวชเป็นพระ)มาด้วย  เพราะผมบอกไปตามตรงว่า ผมไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายพวกนี้นะ
หมอแนะนำว่า ให้ประกบลูกสาวตลอดเวลา แต่ผมจำเป็นต้องกลับมาที่บ้านตจว.ก่อน เพราะทิ้งงานหลายวันแล้ว 
 
 หลังจากพูดคุยกัน ตกลงกันให้ผมนั่งแกร๊ปกลับ โดยใช้เงินที่เพื่อนลูกสาวช่วยมา  ผมนั่งแกร๊ปออกมาได้ 15 นาที อดีตแฟนผมก็เปลี่ยนไปทันที เธอไลน์มาหาให้โอนเงินทอนค่าแกร๊ปให้เธอด้วย และตลอดเวลาเดินทาง 2-3 ชม. เธอไม่ถามผมสักคำว่าเป็นยังไงบ้าง 
 
 เธอกับลูกสาว และ สามีเก่าที่เป็นพระ ไปพักอยู่ด้วยกันที่บ้านเธอที่กรุงเทพฯ  เพื่อดูแลลูกสาวเธออย่างใกล้ชิด   ตลอดเวลา 4-5 วันเธอไม่ถามความเป็นอยู่ผม หรือ สภาพกิจการใดๆเลย มีแต่ไลน์มาสั่งให้ส่งเครื่องสำอาง, ยา และ ของใช้จำเป็นไปให้ 
 
 ตอนที่เกิดเรื่องเป็นวันใกล้สิ้นปีพอดี แล้ววันหนึ่งเธอก็โทรมา บอกว่า "จะพาลูกไปพักผ่อนทางเหนือ อยากให้ผมไปด้วย ช่วยขับรถให้หน่อย คชจ.ต่างๆ เดี๋ยวพระออกให้ทั้งหมด"   ผมบอกว่าไปได้แต่ ขอเบิกเงินในบัญชีชื่อร่วมกันออกมา 5,000 เป็นค่าใช้จ่ายให้พ่อกับแม่ผมได้ไหม  
 
 เธอแสดงความไม่พอใจอย่างมาก  และในที่สุดเธอก็ไปกันเอง โดยให้ "พระขับรถให้"  2 วันแรก เธอไม่ติดต่อหาผมเลย จนถึงที่พัก เธอวิดีโอคอลมา สภาพร้องไห้ฟูมฟาย  ต่อว่าผมทำนองว่า  "ทำไมซัพพอร์ตลูกเธอไม่ได้"  "เธอเริ่มคิดหาทางเลือกแล้วนะ"   "แบบนี้แยกย้ายกันดีกว่า"  
 
 แต่ถัดมาอีก 2 วัน วิดีโอคอลมา ยิ้มแย้ม บอกคิดถึง ทำเหมือนที่เคยต่อว่าไม่เกิดขึ้น  ถัดมาอีกวัน ก็ทำเป็นบึ้งตึงใส่ผมอีก เหมือนกับว่า เขาคุยตกลงอะไรกันไปมา ความคิดแวปไปแวปมา 

 จนเที่ยวเหนือกันได้เกือบๆ 10 วัน ผมจึงทักไปถามอีกว่า จะกลับได้เมื่อไหร่ เธอที่ท่าทีไม่แคร์ผมเลยสักนิด ตอบแต่ว่าขอให้อยู่กับลูกผ่านวันต่อวันไป ไม่มีกำหนด ผมจึงขอเลิก แล้วบอกให้เธออยู่กับลูกไป  

 เงินที่อยู่ในบัญชีร่วม ก็เบิกไม่ได้ เพราะเธอไม่ยอมครับ 

ผลจากน้ำท่วม ทำให้กิจการผมเกิดความล่าช้า ทำผลผลิตออกมาไม่ทัน บวกกับ เศรษฐกิจ ราคาตกต่ำ ทำให้รายได้ตอนนี้ต่ำกว่าเดิมลงมาเป็น 10 เท่า ต้องรอพักฟื้นอีก 6 เดือน ถึงจะเริ่มกลับมาดีขึ้นครับ